วันนี้ เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบการแจกข้าวสาร-หน้ากาก-น้ำยาฆ่าเชื้อ ฯลฯ ของ นายสิระ เจนจาคะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตหลักสี่-จตุจักร พรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ประชาชนชาวหลักสี่-จตุจักร ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นับตั้งแต่ มี.ค.2563 มาจนถึงปัจจุบันว่าเข้าข่ายฝ่าฝืนระเบียบของ กกต.หรือไม่
ทั้งนี้นายสิระ เจนจาคะ ได้ดำเนินการแจกสิ่งของต่าง ๆ อาทิ ข้าวสาร-หน้ากาก-น้ำยาฆ่าเชื้อ ฯลฯ ให้กับประชาชนในพื้นที่หลักสี่ จตุจักร ซึ่งเป็นฐานเสียงของตนเอง ด้วยการอ้างผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของชาวบ้านในช่วงสถานการณ์โควิด โดยพยายามที่จะเลี่ยงบาลีโดยใช้คำว่า “กลุ่มเพื่อนสิระ” แทน
การที่ ส.ส.แจกสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สามารถทำได้ เพราะถือว่าเป็นการการให้ในแต่ละโอกาสเมื่อมีเหตุอันสมควรและเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ แต่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยจำนวน หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขของการให้ตามประเพณีหรือเมื่อมีเหตุอันสมควร
และการยื่นคัดค้านเกี่ยวกับการบันทึกค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป พ.ศ. 2561 ด้วย ซึ่งได้กำหนดโดยมีราคาหรือมูลค่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะให้ได้ไม่เกิน 300,000 บาท แต่หากเป็นการให้ที่เกินกว่าจำนวนที่กำหนดดังกล่าว กฎหมายกำหนดให้นำไปรวมคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค.62 ที่ผ่านมา กกต.กำหนดค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส. แต่ละคนได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท เพื่อมิให้เป็นการได้เปรียบเสียเปรียบกันของคู่แข่งขันในการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งต้องสุจริตและเที่ยงธรรม
แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านายสิระ ได้ดำเนินการแจกข้าวสาร-หน้ากาก-น้ำยาฆ่าเชื้อ ฯลฯ ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ฐานเสียงของตนเองไปแล้วมีจำนวนรวมไม่ต่ำกว่า 3,257,500 บาท ดังนั้นการที่นายสิระ เจนจาคะ ได้แจกสิ่งของให้ประชาชนชาวหลักสี่ จตุจักร ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของตนเองที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งมีมูลค่ามากเกินไปกว่าที่ กกต.กำหนดไปมาก จึงอาจเป็นเหตุทำให้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายสิระอาจมีปัญหาในการทำบัญชีค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งได้ ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้อีกไม่ว่าจะอยู่พรรคใด ๆ
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมาให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อสั่งการให้เลขาธิการ กกต.ตรวจสอบและบันทึกไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งต่อไป ตามระเบียบหรือกฎหมายที่กำหนดไว้ต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด