ผักกาดหอม
เชื่อมั้ย
มีอีกโรคที่น่ากลัวกว่าโควิด
และกำลังระบาดอย่างหนักในหมู่คนรุ่นใหม่บางกลุ่ม และคนรุ่นเก่าคอมมิวนิสต์หลงยุคเจ้าคิดเจ้าแค้นบางคน
สังคมไทยกลุ่มนี้อยู่ในขั้นป่วยหนัก จากโรคไวรัสกินสมอง มองทุกอย่างด้วยอคติ คิดเองไม่เป็น ศาสดาหน้าสุนัขป้อนข้อมูลอะไรให้ก็รับหมด
สั่งซ้ายไปซ้าย ขวาไปขวา ไม่หือไม่อือ
ครับ…ก็เพิ่งจะได้เห็นได้ยินชื่อ “พิมรี่พาย”
คนไปทำบุญยังมีมารตามจองล้างจองผลาญ
“พิมรี่พาย” ขนโซลาร์เซลล์ไปให้เด็กบนดอย
ซื้อโทรทัศน์ จัดหาอุปกรณ์สร้างแปลงผัก บลาๆๆๆ
เป็นเรื่องดีและน่าสรรเสริญครับ…
ใครมีโอกาสไปทำบุญ ถิ่นทุรกันดาร ก็ไปเถอะ
แต่ละคนมีวิธีการทำบุญแตกต่างกัน
บางคนชอบทำแบบเงียบๆ ไม่จำเป็นต้องประกาศให้ใครรู้
บางคนอยากให้คนรู้เยอะๆ ซึ่งก็มีเหตุผล อาจต้องการเป็นต้นแบบ หรือสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้ทำบุญตาม
บางคนทำบุญเอาหน้า แต่มองในแง่ดี อย่างน้อยก็ดีกว่าไปทำชั่ว
ฉะนั้นไม่ผิด และไม่ควรตำหนิคนทำบุญ แต่อาจมีข้อเสนอแนะ ซึ่งก็ว่าไปตามบริบท
แต่พวกที่ควรจะสาปแช่งคือ พวกโกหกใช้ตีนราน้ำ
เชื่อเถอะ…คนมักพูดมุสา จะไม่พึงทำชั่ว ย่อมไม่มี
เช่นเคย กลุ่มคนชั่ว พยายามโยงทุกเรื่องไปโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์
แม้กระทั่ง “พิมรี่พาย” ก็ยังตกเป็นเหยื่อ
ถ้าผมเป็น “พิมรี่พาย” จะไม่สบายใจอย่างมาก ที่มีกลุ่มคนชั่ว ไปเปรียบเทียบว่า “พิมรี่พาย” ขึ้นดอยครั้งเดียวทำอะไรไปมากมาย ผิดกับบางคนบอกว่าทำมา ๗๐ ปี ไม่เห็นมีผลงานอะไร
ครับ…พวกนี้ติดเชื้อไวรัสอคติ แพร่เชื้อง่ายและรวดเร็วเพราะสมองกลวง
อาการที่แสดงออกมาคือ จิตใจหยาบช้า ความคิดต่ำทราม
การมีชีวิตในโลกออนไลน์ของคนกลุ่มนี้ ไม่ต่างกบในกะลา
รู้แค่ถูกป้อนให้รู้
ไม่แสวงหาความรู้เพิ่ม ไม่คิดเอาตัวเองออกจากสิ่งที่ครอบ
๗๐ ปี แห่งการครองราชย์ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงานหนักเพื่อประชาชน ไม่ควรมีใครคิดอคติและนำไปเปรียบเทียบกับการขึ้นดอยไปทำบุญในจุดเล็กๆ เพียงครั้งสองครั้งของใครก็ตาม
เอาให้ตรงประเด็น คนชั่วที่โหน “พิมรี่พาย” โจมตีสถาบัน ก็คือ ขบวนการสัส ๓ นิ้ว และศาสดาหน้าหมาที่อยู่ต่างประเทศ
รวมทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยเลวๆ บางคน
พวกนี้จะโยงทุกเรื่องเข้าหาสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่หลายเรื่องไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ก็จับแพะชนแกะ จับยัดใส่สมองกลวงๆ ของคนรุ่นใหม่ ทำให้เรื่องเท็จกลายเป็นเรื่องจริง
ที่จริงข้อมูลเรื่อง ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงงานหนักแค่ไหน สามารถหาได้ทั่วไป แค่เสิร์ชกูเกิลก็มีให้เห็นลานตาแล้ว
แค่เรื่องราวดอยอ่างขาง จากไร่ฝิ่นบนยอดเขาหัวโล้น สู่แปลงเกษตรเมืองหนาว และกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย คิดว่าการพัฒนาแบบนี้ทำวันเดียวเสร็จหรือ
พื้นที่ประมาณ ๑,๘๐๐ ไร่ บริเวณดอยอ่างขาง ค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ชุมชนชาวเขาได้อยู่กับแปลงเกษตรเมืองหนาว
พัฒนาเป็นอาชีพสร้างรายได้มีกินมีใช้มาถึงวันนี้
ของจริงพิสูจน์ได้บนดอยอ่างขาง
แต่เป็นเรื่องน่าเศร้า!
คนรุ่นใหม่ถูกหลอกให้เชื่องมงายในเรื่องเท็จที่สามารถตรวจสอบได้ง่ายๆ แค่ใช้ปลายนิ้วกด อนาคตจึงน่าห่วง สังคมที่คนเหล่านี้อาศัยจะเลวร้ายขนาดไหน
อีกเรื่องค้างคาจากสัปดาห์ก่อน กบฏทรัมป์ก่อจลาจลยึดรัฐสภา ก็มีการเปรียบเทียบว่าพฤติกรรมนี้เหมือนใครในไทย
โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ใช่นักการเมืองที่เป็นที่ชื่นชอบของคนไทยส่วนใหญ่
แต่การบุกยึดรัฐสภาสหรัฐครั้งที่ ๒ ในประวัติศาสตร์นี้ คนที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ยัดเยียดว่า พฤติกรรมเหมือนเสื้อเหลือง สลิ่ม กปปส.
เพราะยึดรัฐสภาเหมือนกัน
โลกออนไลน์ในกะลากลุ่มเดียวกันกับที่โหน “พิมรี่พาย” ถากถางว่านั่นคือนิสัยของพวกอนุรักษ์นิยม
ไม่ได้ดังใจก็ยึด
ไม่ปฏิเสธ เพราะมีการยึดจริง ยึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสนามบิน
แต่ก็มีคำถามกลับ…
มวลชนเสื้อแดง ล้อมสภาฯ ล้อมทำเนียบรัฐบาล ยึดพื้นที่เศรษฐกิจใจกลางเมือง มวลชน ๓ นิ้วล้อมทำเนียบรัฐบาล ล้อมสภาฯ ยึดไปทั่ว แม้จะช่วงสั้นๆ ก็คือการสร้างความเสียหายเช่นกันใช่หรือไม่
แม้พฤติกรรมจะไม่ต่างกัน แต่ก็มีสิ่งที่แตกต่างราวฟ้ากับเหว
“สาเหตุการชุมนุม” คือสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ม็อบ ทรัมป์ ยึดรัฐสภา มาจากสาเหตุหลักคือ ต้องการชิงอำนาจคืน
โจ ไบเดน ชนะเลือกตั้ง แต่มวลชนทรัมป์ไม่ยอม อ้างว่าโกงเลือกตั้ง
ยุยงส่งเสริมจนบุกยึดรัฐสภาเป็นข่าวฉาวโฉ่ไปทั่วโลก
ทีนี้คุ้นแล้วหรือยัง
มวลชนเสื้อแดงชุมนุมเผาเมืองเมื่อปี ๒๕๕๓ ก็มาจากสาเหตุที่คล้ายกันนี้
หาว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่มีความชอบธรรม ทั้งๆ ที่เลือกนายกรัฐมนตรีกันในสภาฯ
ทักษิณปลุกม็อบเผาเมือง
ก็เพราะต้องการอำนาจคืน
มวลชน ๓ นิ้วก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่
อ้างรัฐบาลลุงตู่ ไม่ชอบธรรมบ้าง โกงเลือกตั้งบ้าง ก็เพื่อให้อำนาจเปลี่ยนมือ และหาทางล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
ขณะที่มวลชนเสื้อเหลือง สลิ่ม กปปส. มีต้นกำเนิดจากการทนอยู่ภายใต้รัฐบาลโคตรโกงไม่ได้
ประชาชนลุกขึ้นมาเพื่อต่อต้านรัฐบาลคอร์รัปชัน
“ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” ถึงได้เผ่นไปอยู่เมืองนอก
ฉะนั้น ชัดๆ นะ ม็อบทรัมป์ยึดรัฐสภา ไม่ต่างอะไรกับม็อบเสื้อแดงล้อมทำเนียบฯ-สภาฯ เพราะต่างก็ต้องการอยู่ในอำนาจเหมือนกัน
เบิกเนตรซะ.
