เปลว สีเงิน
คนรุ่นนี้ โชคดี อยากรู้อะไรเปิดเน็ตมีให้รู้หมด
แต่ โชคร้าย ……
ไม่ชอบใฝ่รู้-ใฝ่ค้น ชอบแต่ใฝ่ตาม-ใฝ่เชื่อ แล้วอวดฉลาดในเรื่องโง่ๆ
สมัยก่อน หนังสือซักเล่มหาอ่านก็ยาก อยากรู้อะไรซักเรื่องต้องไปหาที่เขาทิ้งๆตามวัด ไม่ก็ต้องใช้เวลาเป็นวันหรือหลายๆวัน ไปรื้อค้นตามห้องสมุดในตัวจังหวัด
ก็ใช่ว่าจะมี ตำรับ-ตำรา สรรพวิชา ให้เลือกค้น-เลือกอ่านมากมายเหมือนทุกวันนี้ จะมี ก็ที่แปลจากหนังสือฝรั่ง
ยิ่งหนังสือประเภท คิด-วิเคราะห์ กระเทาะเปลือก เรื่องราวเหตุการณ์ความเป็นมาอดีตถึงปัจจุบัน รวมถึงตัวบุคคลสำคัญๆด้วยแล้ว มันก็มี แต่กระจัด-กระจายหลายแหล่ง
หารู้-หาอ่านที่เดียวจบครบเรื่อง หายาก เช่น อยากรู้ความเป็นมาของชาติไทย จำได้ว่า ปลายยุคคณะราษฏร ต่อยุคจอมพลสฤษดิ์ ปี ๒๕๐๐
มีหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทยของ “หลวงวิจิตรวาทการ” กุนซือจอมพลป. “ต้นคิด” เปลี่ยนชื่อ “สยาม” เป็น “ไทย” เป็นเอนไซโคลพีเดียอยู่เจ้าเดียว
เมื่อมีคนรวบรวมสิ่งละอันพันละน้อยรอบโลก พิมพ์เป็นหนังสือ “ความรู้รอบตัว” ออกมาเล่ม ปรากฏว่าขายดิบ-ขายดี พอๆกับดิกชันนารี สอ เศรษฐบุตร เลยทีเดียว
ลืมไปอีกเล่ม………
สมัยจอมพลป. “ยุคคอมมิวนิสต์เกิด” มีทั้งใบปลิวและหนังสือแจกแพร่หลายต่อเนื่องทุกหัวระแหง แต่เป็นหนังสือโฆษณาชวนเชื่อ ให้คนไทยกลัวภัยคอมมิวนิสต์
สำนักข่าวสารอเมริกัน ที่เรียกยูซิส เป็นคนทำทั้งหมด ยิ่งทำเป็นหนังสือภาพ คอมมิวนิสต์มันบุกเข้ามาเผาวัด เอาแส้ไล่หวดพระวิ่งหนีจีวรปลิว เอาเคียวเกี่ยวคอชาวบ้านกระจุย
พวกผมเด็กวัด ฟังวิทยุ ๒ หลอดของเจ้าอาวาส “เครื่องเดียวดังทั้งวัด” ตอนค่ำ จะสถานี ๑ ปณ.หรืออะไรนี่แหละ เขามีละครหลอนประสาท ต้องแย่งกันคลุมโปง
กลัว…คอมมิวนิสต์มันบุกมาแล้ว มาเผาวัด!
“ไผ่แดง” ที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียน ที่มีสมภารกร่างกับสหายแกว่นเป็นตัวเดินเรื่อง ยูซิสลงทุนพิมพ์แจก ผมเด็กวัดยังพลอยได้อ่าน
ที่เป็นคนแก่เล่าเรื่องเก่า เพราะวัน-สองวันนี้ มีหนังสือเชิงประวัติศาสตร์ชุดหนึ่ง “วิวัฒน์รัตนโกสินทร์” และ “ผ่านฟ้าลีลาศ” รวม ๒ เล่ม ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ วางจำหน่าย
ก็เลยคิดเชิงเจ็บใจ………
ว่ายุคก่อน หาหนังสือดีๆ เกี่ยวกับเอกสารประวัติศาสตร์จากช่วงก่อนและหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ ครบเครื่องอย่างนี้ ยากยิ่งกว่าหาทอง
แต่ยุคนี้ มีคนค้นคว้าจากหลากหลายแหล่ง แล้วรวบรวม-เรียบเรียงเป็น “อาหารสำเร็จรูป” ป้อนถึงปากมากมายหลายยี่ห้อ น่าอิจฉา ก็อยากให้ไปซื้อหามาอ่านกัน
แต่ในยุคมีนักค้าชาติฉวยโอกาสรุ่นใหม่ชอบใฝ่ตาม “บิดประวัติศาสตร์” เพื่อปลุกระดมทางชังชาติ-ชังสถาบัน
ผมจึงแนะนำ ๒ เล่มนี้ ที่มา-ที่ไป เชื่อถือได้ ไม่ทำแบบจิตแอบซ่อนเจตนา
เพราะผู้เรียบเรียงคือ “พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์” ชื่อท่านการันตีความตรง
วิวัฒน์รัตนโกสินทร์และผ่านฟ้าลีลาศ ทั้ง ๒ เล่ม ไม่ใช่ทั้งหนังสือประวัติศาสตร์ ทั้งไม่ใช่หนังสือ “ตัดสินเหตุการณ์และตัวบุคคล” ในทาง “ยกคนชอบ-เข่นคนชัง”
หากแต่พลโทนันทเดช นำข้อมูลทางประวัติศาสตร์เรียงเรื่อง แล้วสรุปประเด็นที่ยังมีข้อวิพากษ์ในแต่ละรอยต่อมาให้ศึกษาวิเคราะห์กันด้วยเชิงชั้นปัญญา
จึงนับเป็น “เอกสารประวัติศาสตร์” ไม่ว่า “ซ้าย-ขวา” หรือสีไหน ถ้าไม่อ่าน แล้วนำเหตุการณ์และตัวบุคคลไปปาวๆ ทางปลุกระดมในทางตน
มันผู้นั้น จะเข้าตำรา “แมงป่องชูหาง-อึ่งอ่างพองตัว”
เสียคนไม่ว่า…..
เสียหน้าประวัติศาสตร์เขาหมด นี่ซิ…ริยำ!
ไหนๆ คุยเรื่องหนังสือ วันนี้เหมาเลยละกัน อีก ๒ เล่มชุด ที่ขอแนะนำ
“พิเคราะห์สามก๊ก” ฉบับอี้จงเทียน ที่คุณ “นิธิพันธ์ วิประวิทย์” เป็นผู้แปล บริษัทงานดี จำกัด จำหน่าย
ต้องบอกว่า “สามก๊ก” เหมือนพระสมเด็จวัดระฆัง
“ยิ่งส่อง-ยิ่งสวย” มวลสารลึกซึ้ง ซ่อนปริศนา
แต่ละเซียนส่องแล้ววิเคราะห์-วิจารณ์ไปแต่ละทัศนะ เรียกว่าในเนื้อเดียว ร้อยปี ไม่มีจบ
คุณนิธิพันธ์ เป็นสถาปนิก เคยร่ำเรียนในเมืองจีน แฟนพันธุ์ราชวงศ์จีน เมื่อเป็นนักเขียน-นักแปล หยิบสามก๊ก ฉบับอี้จงเทียนมาแปล
จึงแปลในวิสัยทัศน์ “สถาปนิกรุ่นใหม่”
ฉะนั้น “พิเคราะห์สามก๊ก” ไม่ใช่แค่หนังสืออ่านเอาเรื่อง หากแต่ในแต่ละตอนของเหตุการณ์และตัวบุคคล จะให้ทั้ง
ศาสตร์ ศิลป์ ภาษา ปรัชญาวิเคราะห์ เชิงเจียระนัย เสน่ห์ล้ำลึกเป็นระบบ ฉับไว ถูกใจวัยรุ่น-วัยชรา
ผมยังอ่านไม่หมด….
แต่บอกได้เลย หลงรัก “พิเคราะห์สามก๊ก” ฉบับอี้จงเทียน ที่คุณนิธิพันธ์แปล นำเสนอเป็นเวอร์ชั่นใหม่ ให้มุมคิดและมุมกว้างทางประวัติศาสตร์เทียบยุค
อ่านเถอะ แล้วจะเป็นคนที่รู้จักรากคน!
อีกรายที่ขอพูดถึง ขอบคุณอาจารย์ “เพิ่มศักดิ์ เลิศรัฐการ” และอาจารย์ “ตะวันรุ่ง แสงปัญญา” ที่ส่งหนังสือ “คัมภีร์ดวงประกาศิต ๒๕๖๔” กับหนังสือ “ฤกษ์งามยามมงคล” มาให้
ก็ส่งมาให้ทุกปีแหละครับ
แต่ผมใจจืด-ใจดำ ไม่เคยตอบรับท่านเลย ทั้งที่ได้อาศัยหนังสือท่าน ดูการโคจรดวงดาวแต่ละวัน แต่ละเดือนบ่อยๆ ทั้งที่รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้บ้าง
หนังสือท่านละเอียด ครบด้านดวงดาวทางโหราศาสตร์ เหมาะผู้ต้องใช้ประกอบ ความจริงท่านจบด้านเศรษฐศาสตร์ แต่กลับมาชำนาญปราชญ์เปรื่องด้านโหราศาสตร์ประยุกต์ ก็แปลกดี….
เป็นทหาร มาเป็นนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ เป็นสถาปนิก มาเป็นนักเขียน เป็นนักเศรษฐศาสตร์ มาเป็นโหร ผม…ไม่เป็นอะไรเลย มาเป็นนักหนังสือพิมพ์
เอาละมังวันนี้….
ขออนุญาตไปดูความสวยงามทางประชาธิปไตยของสหรัฐฯ เขาหน่อย เห็นว่าประกาศเคอร์ฟิวในสถานการณ์ฉุกเฉิน
เพราะพี่ทรัมป์เลียนแบบประชาธิปไตยเมืองไทย เลือกตั้งแพ้ กูไม่ยอมแพ้ ปลุกระดมฝูงชนอเมริกันบ้าคลั่งบุกสภาคองเกรส ยิงตายไปคน
เดี๋ยวจะส่ง “สามสัส” ไปช่วยวางแผนให้ ทรัมป์อย่าถอยนะ ถอยเป็นทาส สู้เป็นประธานาธิบดีโซเชียล
และอย่าโง่…..
มุดกระโปรงเด็กเข้าไว้ ต่อให้เจอข้อหา “กบฏภายใน” เด็กติด-เราไม่ติด
และท่องเข้าไว้ “เสรีภาพ-บูรณภาพ-เสมอภาค” เดี๋ยวก็หลอกเด็กมาให้มุดกระโปรงเชิดได้ใหม่
เมียแหม่มมัน และแม่ข้า สอนไว้เว้ย!