ประเดิม “ที่ใหม่-เวลาเดิม”

เปลว สีเงิน

กองบก.เขาประชุมลงมติว่า
ผมเขียนเก่ง
ปีนี้ เลยให้พาสชั้น จากหน้า ๕ ขึ้นไปอยู่หน้า ๘!
คุณ “ผักกาดหอม” ก็เขียนเก่ง ได้พาสชั้นเหมือนกัน จากหน้า ๓ พาสไปอยู่แทนผมที่หน้า ๕
แค่ “ปรับเล็ก” ตัดหน้ารัฐบาลน่ะครับ
ปรับใหญ่เอาไว้กลางปี แล้วคอยดูกัน ระหว่าง “ปรับครม.” สู่โหมดปฏิรูประบบราชการ กับ “ไทยโพสต์ดิสรัปท์”
ใครจะเจ๋งกว่ากัน?

แต่ที่เจ๋งสุด ชั่วโมงนี้ ต้องยกให้ “โควิด ภาค ๒” ทำเอาทั้งรัฐบาลและการสาธารณสุข พลิกตำรารับมือแทบไม่ทัน
แต่ก็ยังพอทั

จะเห็นว่า รอบนี้ รัฐบาลไม่ใช้นิติศาสตร์รับมือ เปลี่ยนไปใช้รัฐศาสตร์+เศรษฐศาสตร์แทน

ใครๆ ก็นึกว่า จะปูพรมล็อกดาวน์เหมือนรอบแรก แต่หมอทวีศิลป์บอกว่า ใช้กฎหมาย ๑๐๐% ก็ไม่ได้ผล ซ้ำเสียหายทางเศรษฐกิจภาพรวมด้วยซ้ำ

รอบนี้ จึงใช้สูตร “เจ็บที่ไหน รักษาตรงนั้น”!

ล็อกดาวน์เป็นพื้นที่ๆไป แรงงานต่างด้าวเถื่อน ถึงตรวจค้นจับ ก็จับได้ไม่หมด ซ้ำจะมุดลงใต้ดิน

เฉพาะหน้า รัฐก็ปรับนโยบาย จากจับ ให้แรงงานเถื่อนขึ้นมาบนดิน แล้วตีทะเบียน ให้ทำงานได้ชั่วคราว

ผมก็ว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น

ตราบใดที่มนุษย์ยังมีความเห็นแก่ตัว “ล็อกสันดาน” ตัวเอง ด้วยความรับผิดชอบไม่ได้
ตราบนั้น ต่อให้ “ล็อกดาวน์ประเทศ” ใครฝ่าฝืนยิงเป้า คนจะถูกยิงเป้า จะมากกว่าติดโควิดตายด้วยซ้ำ!

เพราะอะไร เดี๋ยวค่อยว่ากัน

โควิดรอบนี้ เหมือนน้ำป่าหลาก มาเร็ว-มาแรง กินทุกปอดที่ขวางหน้า ทุกคนตกใจ กลัว!

ผมก็กลัว แต่ไม่ตกใจ จับทางได้ว่า มาเร็ว-มาแรง ก็ไปเร็ว-ไปแรง จะไม่อ้อยอิ่งเป็นมวลโควิดรอการระบายเหมือนรอบแรก
ซักเดือน-สองเดือน อย่างช้า ปลายกุมภา.-ต้นมีนา. พอรู้ว่าวัคซีนมา มันก็ถลกตูดหนีแล้ว!

ตัวเลขป่วยหลายๆ ร้อยต่อวัน อย่ามองว่าสะท้อนความรุนแรงเกินรับมือ ควรมองว่า สะท้อนถึง การปูพรมตรวจของการสาธารณสุขมากกว่า

ด้วยประสิทธิภาพ และด้วย “รถตรวจโรคพระราชทาน” จึงตรวจได้เร็วและทั่วถึง ไม่ต่างใช้ตะแกรงตาถี่ร่อน

รอบนี้ ผมเห็นใจและสงสาร “แพทย์-พยาบาล-บุคลากรทางการแพทย์” เป็นพิเศษ

ขอชมเชยทีม “กรมควบคุมโรค” เช่น นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดี นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดี เป็นต้น

อยากบอกว่า “ทีมควบคุมโรค” สาธารณสุข และทุกโรงพยาบาลของประเทศ………
ทุกท่านเป็นผู้รับกรรมที่ไม่ได้ก่อโดยแท้

ต้องอดตาหลับ-ขับตานอน ต้องสละสุขส่วนตัว, ส่วนครอบครัวช่วงปีใหม่ เพื่อประเทศและคนทุกคนในประเทศ
ในขณะที่พวกก่อ “ลอยหน้ากิน” กันสุขบาย แถมมียศ-มีตำแหน่ง มิละอาย ระบบก็ “เมิน” เหมือนหมาไม่กินหมาด้วยกัน

โควิดรอบแรก ถือว่า “ธรรมชาติทำ”
แต่รอบนี้ ต้องบอกว่า “ส่วยทำ” เพราะระบาด ด้วย “คนในระบบราชการ” พวกหนึ่ง เห็นแก่ตัวและทรยศต่อหน้าที่ตัวเองโดยแท้!

บ่อนพนันเถื่อน, แรงงานเถื่อน, ขายบริการทางเพศเถื่อน สถานบริการเถื่อน, หลบหนีเข้าประเทศเถื่อน

เถื่อนนี้ มีได้อย่างไร ถ้าคนในระบบราชการไม่อสัตย์?


ก็เพราะพยักหน้าแลกส่วย เมื่อโรคระบาด คนป่วยก็ปกปิดข้อมูล กว่าเค้นให้รู้แหล่ง ก็สายเกิน แทนที่จะสกัดได้แต่แรกๆ

ถึงตอนนี้ จะชี้ไปทางตำรวจ ไปทางมหาดไทย ไปทางท้องที่ ทางชายแดน ทางตม.ก็เปล่าประโยชน์ รังแต่จะเจ็บช้ำน้ำใจต่อกันไปเปล่าๆ

วันนี้ จึงขอเปลี่ยนจากเอาแต่ด่ากัน-โทษกัน ไปเป็นมองปัญหาในทางช่วยกัน “แปลงสิ่งทรามให้ประเสริฐ”

รัฐบาลก็เห็นแล้ว การสาธารณสุขก็เห็นแล้ว ประชาชนก็เห็นแล้ว ว่า “บ่อเกิด” ของระบาดรอบนี้
จากโรคระบาดเองโดยตรง หรือเกิดจากคนระบบรัฐ เอื้อให้มันระบาด?

“การปฏิรูประบบราชการ” รวมถึง “ระบบการเมือง” จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่นายกฯ ต้องรีบลงมือทำ เพื่ออนาคตประเทศ

ปัจจัยรองรับ “สังคมอนาคต” ของประเทศ ด้านภาคพื้นดิน ทั้งระบบราง ระบบถนน ระบบเรือ รวมถึงภาคเศรษฐกิจ-อุตสาหกรรมนวัตกรรม นายกฯ ก็ทำไว้แล้ว

ภาคพื้นอากาศ โครงสร้างไอทีต่างๆ ทั้ง ๕ จี ๖ จี นายกฯ ก็วางรากฐาน “สู่อนาคต” ศตวรรษที่ ๒๑ ไว้แล้ว

เรียกว่า “ภาควัตถุ” ใช้ขับเคลื่อนประเทศ เตรียมไว้พร้อม

แต่ผู้ที่จะเข้ามาใช้เครื่องมือขับเคลื่อน คือคนในระบบราชการ ยังไม่พร้อม คือยังไม่ได้พัฒนาให้ก้าวหน้าทันของใช้


แล้วจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกันได้ยังไง?
ปฏิรูปคนในระบบราชการแล้ว สิ่งจำเป็นอีกระบบที่ควรต้องทำเดี๋ยวนี้ คือการนำ “บล็อกเชน” มาใช้ในระบบเบิกจ่าย และการประมูลทุกชนิดในภาครัฐ

อาจควบคุม-ตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นในการประมูล การใช้เงินในระบบราชการได้ไม่ ๑๐๐%ก็จริง

แต่ยังกว่าดีกว่าปล่อยให้มันโกงไปได้ ๘๐-๙๐% จับได้แค่ ๑- ๑๐%อย่างเป็นอยู่ตอนนี้

“กระทรวงคลัง-แบงก์ชาติ” เท่าที่ดู นำเทคโนโลยีมาใช้ในระบบการเงิน-การคลัง สะสมประวัติบุคคลเข้าในฐานข้อมูลประชาชาติได้น่าพอใจ

ฉะนั้น ไม่มีเหตุผลใด ที่นายกฯ จะไม่ปฏิรูประบบราชการไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะ “ตำรวจ-มหาดไทย” ก่อน

ถ้าไม่ทำก่อนถึงปี ๖๕ …….
ก็ต้องบอกว่า อะไรๆ ที่ทำมาทั้งหมด “สูญเปล่า”!


Written By
More from plew
การเมืองเรื่อง “คิดกันไปเอง”
วันนี้ กราบขออภัยตระกูล “ปราโมช” เป็นเบื้องต้น เมื่อวาน “ผมผิด” คือได้เล่าถึงคุณูปการของ “ขบวนการเสรีไทย” ที่ท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ เป็นหัวหน้า ช่วยชาติรอดจากการเป็น...
Read More
0 replies on “ประเดิม “ที่ใหม่-เวลาเดิม””