“เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก”
“ไม่มีทางทำได้อยู่แล้ว”
เวลาได้ยินลูกพูดประโยคเหล่านี้ พ่อแม่จำนวนมากก็คงกลุ้มใจไม่น้อยเลยทีเดียว เด็กทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมกับแรงจูงใจที่เต็มเปี่ยม ครอบครัวและสังคมก็คาดหวังให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นคนดี คนเก่ง และมีภาวะผู้นำ แต่ยิ่งเติบโตขึ้นเท่าไหร่ แรงจูงใจกลับค่อยๆถดถอยลง สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเด็กที่หล่อหลอมให้เกิด “กรอบความคิด” ขึ้นมาขัดขวางแรงจูงใจที่เคยมี
นานมีบุ๊คส์ จึงขอแนะนำหนังสือ เปิดสวิตช์แรงจูงใจของลูก โดย คุณซึซุกิ ฮะยะโตะ โค้ชด้านจิตวิทยาการกีฬาของญี่ปุ่น ที่จะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจอาการหมดไฟ และแนะนำวิธีพูดที่จะช่วยทลายกรอบความคิด พร้อมเปิดสวิตช์แรงจูงใจของลูกให้กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้งบนพื้นฐานหลักการทางวิทยาศาสตร์ โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 4 บท คือ แรงจูงใจ ความมั่นใจ จิตใจที่เข้มแข็ง และการลงมือทำด้วยตัวเอง แต่ละบทจะยกกรณีศึกษาของเด็กแต่ละคนว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น สาเหตุคืออะไร และพ่อแม่จะรับมือด้วยคำพูดอย่างไร โดยคุณซึซุกิจะยกตัวอย่างประโยคที่ควรและไม่ควรพูด เพื่อให้พ่อแม่จดจำและนำไปใช้ได้ทันที
ยกตัวอย่าง เด็กหญิง A ที่มั่นใจในวิชาภาษาอังกฤษมาก แต่สอบครั้งนี้ได้คะแนนน้อยกว่าเพื่อนอีกคนเสียอย่างนั้น ถ้าคุณกำลังจะเปรียบเทียบลูกของตัวเองกับเด็กคนอื่นเพื่อหวังให้ลูกมีแรงฮึดสู้ ขอให้ลองทำความเข้าใจเป้าหมายที่แท้จริงของลูก และพูดให้ลูกระลึกได้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงไม่ใช่การเอาชนะผู้อื่น แต่ทำให้ตัวเองเป็นคนที่เก่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ต่างหาก เมื่อนั้นสวิตช์แรงจูงใจของลูกก็จะเปิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน
จุดมุ่งหมายหลักคือพ่อแม่ต้องเคารพความคิดเห็นของลูก กล่าวถึงสิ่งที่ควรปรับปรุงมากกว่าจี้จุดสิ่งที่ทำไม่ดี และแสดงให้เห็นว่าพ่อแม่สนับสนุนลูกๆเพียงใด
กรอบความคิดของเด็กนั้นได้รับอิทธิพลจากคนรอบตัวอย่างมาก หากพ่อแม่ส่งมุมมองด้านลบให้แก่ลูก กรอบความคิดของลูกย่อมแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆจนทำลายได้ยาก หากส่งต่อคำพูดหรือคำถามเชิงบวก กรอบความคิดนี้ย่อมทำลายได้โดยง่าย เด็กๆก็จะเติบโตเป็นคนที่ลงมือทำสิ่งต่างๆได้อย่างกระตือรือร้นมากขึ้น ทำให้พรสวรรค์ที่มีอยู่แล้วเปล่งประกาย
ทั้งนี้ กรอบความคิดไม่ได้มีเพียงในเด็ก แต่ผู้ใหญ่ก็มีเช่นกัน ลองอ่านหนังสือเล่มนี้พร้อมกับทลายกรอบความคิดไปพร้อมๆกันเถอะ!