ผศ.ดร.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 โดยบางพื้นที่ค่าฝุ่นทะลุ 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ กทม. มีค่าฝุ่นอยู่ที่อันดับ 6 ของโลก ว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา
ทั้งที่มีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้าน ฝุ่นละออง ที่รัฐบาลได้อนุมัติให้แผนดังกล่าวนี้ผ่านมติ ครม. ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ออกมาตรการแก้ปัญหาสวยหรู แต่ไม่ตอบโจทย์แม้แต่น้อย โดยใช้งบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติในการจัดการปัญหานี้ มีการออกแผนเฉพาะกิจสวยหรู
ทั้งการใช้ภาพถ่ายดาวเทียมรายงานฝุ่นละออง หรือการใช้แอปพลิเคชันบัญชาการการดับไฟป่า ที่ควรจะเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เห็นเพียงผู้นำประเทศ อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาบอกให้ประชาชนดูแลตัวเอง ทั้งที่เป็นหน้าที่ในการดูแลชีวิตและความปลอดภัยของพลเมืองในประเทศ
จึงขอตั้งคำถามไปถึงรัฐบาลว่าคนไทยจะมีผู้นำประเทศไว้ทำไม เพราะยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ ยิ่งถ่างความเหลื่อมล้ำในการมีชีวิตอยู่รอดของประชาชนให้กว้างขึ้น ประชาชนต้องดิ้นรนกันเอง บางครอบครัวต้องยอมเป็นหนี้สินเพื่อซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีราคาสูง ซื้อหน้ากากอนามัยราคาแพงมาใช้ ในขณะที่หลายครอบครัว ต้องทนรับสภาพชะตากรรมชีวิต ไม่มีสิ่งป้องกันใดๆ นอกจากหน้ากากอนามัยเก่า หรือบางคนไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อหน้ากากไว้ใช้ป้องกันตัวเอง
โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า หมดแล้วเวลาที่รัฐบาลจะโยนบาปให้ประชาชน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งมาอย่างยาวนานกว่า 6 ปี และ ผู้ว่าฯ กทม. ที่ คสช. แต่งตั้งมายังอยู่ในหน้าที่แต่ไม่เคยแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ถนัดแต่ทำแบบผักชีโรยหน้า เอาละอองน้ำไปฉีดใกล้เครื่องวัดค่าฝุ่นละออง แม้จะพยายามแก้ปัญหาก็ทำแบบวัวหายล้อมคอกอย่างมาตรการการควบคุมจำกัดรถวิ่ง หรือตรวจจับควันดำที่ทำไม่จริงจัง หรือมาตรการควบคุมการก่อสร้าง อาคารและโครงการขนาดใหญ่ ที่ยังปล่อยปละละเลย ไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ จนอดสงสัยไม่ได้ว่างบประมาณที่รัฐบาลถืออยู่ มีประชาชนอยู่ในนั้นหรือไม่ หรือรัฐบาลนี้ถนัดแต่ดำเนินคดีการเมืองอย่างเดียวจนไม่สนใจปัญหาคุณภาพชีวิตประชาชน
“ตอนนี้ประชาชนมีทางเลือกไม่กี่ทาง ว่าจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร จะตายเพราะเศรษฐกิจแย่ ตายเพราะโควิด-19 ตายเพราะฝุ่น หรือตายเพราะมีผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ กันแน่ พรรคเพื่อไทยจะขอทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ เราจะทวงถามทั้งในสภาและถึงคณะกรรมาธิการต่างๆ จะไม่ยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้แน่นอน” ผศ.ดร.อรุณี กล่าว