คอลัมน์ ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
คนภาคอื่นอาจจะไม่รู้ หรือพอจะรู้ก็ไม่ทราบ..
แต่กับ “คนภาคใต้” รวมถึง “คนปักษ์ใต้” ที่ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหน-มุมไหนของประเทศไทย ย่อมต้องรู้กันดีว่า..
“หนังน้องเดียว” เป็นสุดยอด “นายหนังตะลุง” ที่โด่งดังที่สุดในขณะนี้ ทั้งๆที่ดวงตามองไม่เห็นทั้งสองข้าง!
ผมเองก็แลเป็นเช่นนั้น และยังเยินยอ-ชื่นชมกับคุณเอกชัย ศรีวิชัย อยู่บ่อยครั้ง ว่า “น้องเดียว”อนาคตข้างหน้า จะต้องได้รับการยกย่องให้เป็น “ศิลปินแห่งชาติ” อย่างไม่ต้องสงสัยอะไร!
แต่พลันได้อ่านหนังสือที่พระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เรียนถึง เจ้าคณะทุกอำเภอว่า.. “ตามที่ปรากฏตามสื่อเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของหนังตะลุงที่ชื่อหนังเดียว โดยใช้คำพูดหยาบคายต่อพระภิกษุในการแสดงที่วัดเนินพิจิต อ.นาหม่อม จ.สงขลาแล้วนั้น
จากพฤติกรรมดังกล่าว นอกจากไม่แสดงความเคารพในสถานที่ซึ่งเป็นศาสนสถานในพระพุทธศาสนาแล้ว ยังมีพฤติกรรมไม่เคารพต่อพระสงฆ์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ผู้ได้ชื่อศิลปินไม่ควรแสดงออก
จากพฤติกรรมดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับพระสงฆ์และเห็นว่าหากยังให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาแสดงในวัดอีก ยิ่งสร้างความเสื่อมเสียแก่คณะสงฆ์ เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียแก่คณะสงฆ์
สำนักงานเจ้าคณะสงขลาจึงขอความร่วมมือไปยังวัดต่างๆให้ระงับหรือยกเว้นการนำหนังตะลุงคณะดังกล่าวเข้ามาแสดงในวัดอีก จนกว่าบุคคลดังกล่าวได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในพฤติกรรมของตนเอง
โดยการขอขมาต่อคณะสงฆ์ และบันทึกคลิปการขอขมาลงในยูทูบ และให้ลบโพสต์ที่กล่าวใส่ร้ายพระสงฆ์ในยูทูบออกด้วย” แล้วนั้น
ผมก็ได้แต่รำพึง..หนังน้องเดียวไม่น่า “ฮาราคีรี” ตัวเองเลย!
หนังน้องเดียวแสดงพฤติกรรมอย่างไรน่ะรึ? อ่านที่ผู้จัดการออนไลน์รายงาน.. “ต้นเหตุแห่งปัญหาครั้งนี้เกิดขึ้นจากคืนวันที่ 18 ต.ค. 2562 หนังน้องเดียวได้ไปแสดงในงานแก้บนที่วัดเนินพิจิตร
ก่อนการแสดงได้มีแม่ค้าที่มากับคาราวานหนังน้องเดียวได้ไปแจ้งกับหนังน้องเดียวว่า มีพระรูปหนึ่งในวัดพูดทำนองว่า ถ้าเป็นตนๆ จะไม่รับหนังน้องเดียวมาเล่น เพราะค่าราดคืนละ 80,000 แพงมาก
แถมเล่นแต่สวน (หมายถึงเล่นอยู่คนเดียว) ปรากฏว่าในการแสดงหนังคืนนั้นหนังน้องเดียวได้นำเอาเรื่องที่ถูกพระวิพากษ์วิจารณ์ไปเป็นประเด็นเปิดฉากด่าพระในวัดเนินพิจิตรต่างๆ นานา
จนกรรมการวัดบางคนทนไม่ไหวได้ขึ้นไปขอร้องให้เลิกด่าพระ แต่น้องเดียวไม่ยอม เล่นหนังไปด่าพระในวัดเนินพิจิตรไปจนเลิกแสดง
และยังได้ทำการอัดคลิปเล่าเรื่องที่ถูกพระวิจารณ์ โดยเฉพาะประเด็นค่าราดแพงที่ได้ทำการด่าพระรูปดังกล่าวต่อ โดยที่ยอมรับว่าตนเองก็ไม่รู้ว่าพระรูปนั้นชื่ออะไร และมีตำแหน่งอะไรในวัดเนินพิจิตร
แต่ตนเองยอมรับว่าได้ทำการด่าพระตลอดเวลาในการแสดง เพราะไม่พอใจพระรูปนั้น เพราะเงินที่จ่ายก็ไม่ใช่ของพระ พระจึงไม่ควรยุ่งอะไรด้วย ตนจะเรียกเงินค่าราด 80,000 บาทหรือ 100,000 บาทก็เป็นเรื่องของตนเอง
เป็นที่น่าสังเกตว่า คำด่าพระของหนังน้องเดียวมีการใช้คำว่า “ไอ้โล้น” อยู่ด้วย รวมทั้งมีการแช่งพระที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าจะต้องตายในไม่ช้า
เพราะครูหมอของตนเองศักดิ์สิทธิ์ ถ้าครูหมอตนเองไม่แน่จริง คงจะไม่มีเจ้าภาพว่าจ้างจนคิวเต็มถึงปี 2566 แล้ว
ครับ..แทนที่จะสำนึกบาป กลับยกหางยกตนเหนือพระเหนือเจ้าเช่นนี้ เห็นจะพูดอะไรอื่นไม่ได้ นอกจากจะบอก นี่เป็นอาการของคน..
ลืมตัว ลืมตนโดยแท้!
ภาพ:เฟสบุ๊ค บัญญัติ สุวรรณแว่นทอง