แก้ปัญหาท้องผูกถูกวิธี บอกลายาถ่ายตลอดชีวิต 

ปัญหาท้องผูกเรื้อรัง เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัย และมักสร้างความทรมานทุกครั้งที่ต้องเข้าห้องน้ำ เพราะการเบ่งถ่ายที่ยากลำบาก ซึ่งอาจนำไปสู่โรคต่าง ๆ ได้ เช่น ริดสีดวงทวารหนัก แผลบริเวณรอบ ๆ ทวารหนัก ในปัจจุบันภาวะท้องผูกเรื้อรังสามารถรักษาได้โดยการฝึกการทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดทางทวารหนัก โดยไม่ต้องรับประทานยาอีกต่อไป 

นายแพทย์สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายว่า ภาวะท้องผูกเรื้อรังหมายถึงมีการขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ่ายอุจจาระก้อนเล็ก ก้อนแข็ง หรือถ่ายแล้วเบ่งยากถ่ายไม่สุด เป็นเวลาต่อเนื่องเกิน 3 เดือนขึ้นไป สามารถแบ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยตามช่วงวัย ดังนี้

• วัยสูงอายุ อาจเกิดจากเนื้องอกลำไส้ โรคประจำตัว หรือเป็นผลข้างเคียงของยาที่ใช้เป็นประจำ เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูง หรือยาแก้แพ้บางชนิด ในกลุ่มนี้อาจจะต้องปรับเรื่องของยารักษาโรคประจำตัว เพื่อลดกลุ่มยาที่ทำให้เกิดปัญหาท้องผูก หรือใช้วิธีควบคุมโรคประจำตัวให้ดีขึ้น ก็จะสามารถรักษาเรื่องของท้องผูกเรื้อรังได้

• วัยเด็กและวัยทำงาน อาจเกิดจากการมีภาวะลำไส้แปรปรวนที่มีท้องผูกร่วมด้วย หรือ เกิดจากการเบ่งอุจจาระผิดวิธี เช่น กลั้นอุจจาระบ่อย หรือมีพฤติกรรมนั่งเล่นโทรศัพท์ในห้องน้ำนาน ๆ  จนทำให้มีการหดเกร็งของหูรูดทวารหนัก

การวินิจฉัยภาวะท้องผูกเรื้อรัง เริ่มจากการซักประวัติโดยแพทย์ และตรวจร่างกายว่ามีลักษณะอาการใดที่ต้องตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด ส่องกล้องทางเดินอาหาร เป็นต้น หากตรวจเบื้องต้นแล้วยังไม่พบสาเหตุ แพทย์จะแนะนำให้ตรวจการทำงานของหูรูดทวารหนัก (Anorectal Manometry) โดยใช้สายขนาดเล็กสอดเข้าทางรูทวารหนัก และให้คนไข้จำลองสถานการณ์ขณะเบ่งอุจจาระ ซึ่งโดยปกติถ้าไม่มีปัญหาหูรูดทวารหนัก ในระหว่างการเบ่งต้องมีการคลายตัวของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนัก ในทางกลับกัน ถ้ามีปัญหากล้ามเนื้อจะหดเกร็ง รัดตัว และเบ่งไม่ออก

หากพบว่าผู้ป่วยมีภาวะหูรูดทำงานไม่สัมพันธ์กับการเบ่ง หรือเบ่งถ่ายอุจจาระผิดวิธี ก็สามารถรักษาด้วยการฝึกเบ่งถ่ายอุจจาระ โดยวิธีที่เรียกว่า (Biofeedback Therapy) ซึ่งเป็นการฝึกเบ่งอุจจาระ โดยที่คนไข้จะเห็นภาพการทำงานของหูรูดทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ เพื่อสังเกตการหดและคลายกล้ามเนื้อหูรูดในการเบ่งถ่ายแบบเรียลไทม์ และฝึกการเบ่งถ่ายให้ถูกต้อง โดยควรตรวจอย่างน้อยทุก ๆ 1 – 2 สัปดาห์ ต่อเนื่องประมาณ 3 ครั้ง เมื่อผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตรงจุด 60 – 80 % จะสามารถกลับมาเบ่งถ่ายได้ดี หายจากภาวะท้องผูกเรื้องรัง และหยุดการใช้ยาระบายหรือยาสวนอุจจาระได้


“คนไข้บางส่วนเมื่อประสบปัญท้องผูก จะหันไปใช้ยาระบายที่หาซื้อได้ง่าย เช่น ยาระบายกลุ่มมะขามแขก ปัญหาของการใช้ยาระบายอย่างต่อเนื่องก็คือ อาจเกิดภาวะลำไส้ติดยา หรือลำไส้ดื้อยา และต้องเพิ่มปริมาณการใช้ยาระบายเรื่อย ๆ จนกระทั่งใช้เท่าไหร่ก็ถ่ายไม่ออก นี่จึงเป็นข้อเสียของการใช้ยาระบายเองโดยที่ไม่หาสาเหตุ เพราะฉะนั้นหากพบว่าตัวเองเข้าข่ายภาพวะท้องผูกเรื้อรัง ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อได้รับการรักษที่ตรงจุด เพราะในกลุ่มที่ใช้ยาเองมาระยะยาว จะรักษายากขึ้น ต้องมีการปรับยา หรือใช้การรักษาหลายๆวิธีร่วมกัน” นายแพทย์สุขประเสริฐกล่าว 

อย่างไรก็ตาม ภาวะท้องผูกเรื้อรัง เป็นภาวะที่ป้องกันได้ เพียงปรับพฤติกรรมตาม อ. ได้แก่ 1.อาหาร รับประทานอาหารที่มีกากใย และดื่มน้ำอย่างเพียงพอ 2.อุปนิสัย ฝึกขับถ่ายเป็นเวลา และไม่อั้นอุจจาระ 3.ออกกำลังกาย เพื่อส่งเสริมให้กล้ามเนื้อลำไส้ทำงานปกติ

นพ.สุขประเสริฐ จุฑากอเกียรติ

อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร

รพ.เวชธานี

Written By
More from pp
มูลนิธิสัมมาชีพ (มสช.) จัดงานครบรอบ 10 ปีสุดยิ่งใหญ่ เชิดชู ต้นแบบสัมมาชีพ เดินหน้าเสริมสร้างสังคมและชุมชนที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “สัมมาชีพเต็มพื้นที่” เชื่อมคน เชื่อมชุมชน เชื่อมสังคม เชื่อมรัฐ
ครบรอบ 10 ปี มูลนิธิสัมมาชีพ ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2552 “ศ.นพ.ประเวศ วะสี” ผู้นำด้านประชาสังคม และ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายสมัยได้เล็งเห็นปัญหาความขัดแย้งสังคมไทยอยู่ในภาวะหลุมดำไร้ทางออกจึงได้ระดมความคิดจากบุคคลทุกฝ่ายทุกอาชีพร่วมกันหาทางออกให้กับสังคม ในที่สุดจึงเห็นร่วมกันจัดตั้ง “มูลนิธิสัมมาชีพ” ขึ้นมา โดยยึดหลัก “สัมมาชีพเต็มพื้นที่” หมายถึง...
Read More
0 replies on “แก้ปัญหาท้องผูกถูกวิธี บอกลายาถ่ายตลอดชีวิต ”