นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ลงพื้นที่ จ.แพร่ ร่วมรณรงค์หาเสียงให้กับ นายสุภวัฒน์ ศุภศิริ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เบอร์ 3 พร้อมทีมผู้สมัคร สมาชิกสภา อบจ. ในนามคณะก้าวหน้า นายสุภวัฒน์ เป็นคนรุ่นใหม่ อายุ เพิ่งครบ 35 ปี เต็มตามเกณฑ์ข้อกำหนดของผู้สมัครนายก อบจ. เขาอยากมาร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบ้านเกิด ทำเมืองแพร่ให้น่าอยู่
เริ่มต้นรณรงค์หาเสียง ที่แรกคือตลาดเวียงทอง อ.เมือง จากนั้นต่อด้วยตลาดสดเด่นฤดี อ.เด่นชัย โดยทั้งสองแห่งมีประชาชนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หลายคนเข้ามาขอกอดและขอถ่ายรูปด้วย โดยบางคนบอกว่าสนับสนุนตั้งแต่ครั้งเป็นพรรคอนาคตใหม่ และจะสนับสนุนต่อไปสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ.ในครั้งนี้จะเลือกตัวแทนผู้สมัครในนามคณะก้าวหน้าอย่างแน่นอน
หลังจากการเดินตลาดทั้งสองแห่ง นายปิยบุตร และนายสุภวัฒน์ ได้เดินทางต่อไปที่ อ.ลอง เพื่อเยี่ยมชมร้านกาแฟแห่ระเบิด จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนแพร่หันมาภาคภูมิใจกับคำว่า แพร่แห่ระเบิด และภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตัวเอง โดยมี นายเชษฐา สุวรรณสา เจ้าของร้านกาแฟแพร่แห่ระเบิด และผู้จุดกระแสความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวร่วมบรรยายและชวนพูดคุยกับเยาวชนที่มานั่งล้อมวงคุย
และอีกสถานที่หนึ่งคือโฮงซึงหลวง ซึ่งก่อตั้งโดย นายจีรศักดิ์ ธนูมาศ ศิลปินคนรุ่นใหม่ที่เปิดบ้านเป็นแหล่งผลิตซอ ศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องดนตรีท้องถิ่น และโฮมสเตย์ให้บริการนักท่องเที่ยว
นายปิยบุตร กล่าวว่า แพร่เป็นแหล่งที่มีศิลปินท้องถิ่นซึ่งมีความรู้ความสามารถอยู่มาก มีภูมิปัญญา วัฒนธรรมท้องถิ่นที่สำคัญเยอะมาก และที่ผ่านมาก็มีศิลปินคนรุ่นใหม่ที่ไปร่ำไปเรียนในเมืองได้กลับมาอยู่บ้านเกิด กลับมาพัฒนาบ้านเกิดตัวเอง เช่น นายเชษฐา เจ้าของร้านกาแฟแพร่แห่ระเบิด รวมถึงนายจีรศักดิ์ ผู้ก่อตั้งโฮงซึงหลวง และในการนี้ผู้สมัครของเราคือ นายสุภวัฒน์ เมื่อไปในพื้นที่จริงเพื่อเก็บข้อมูลมาออกแบบนโยบายแล้ว ก็ได้มีโครงการหนึ่งที่ให้ชื่อว่า “แพร่ ครีเอทีฟ ปาร์ก” ซึ่งจะใช้สินทรัพย์ของ อบจ. ที่มีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ใช้งาน มาปรับปรุงพัฒนาให้เกิดประโยชน์
ตามแผนของโครงการนี้คาดว่า จะใช้งบลงทุนปรับปรุงอาคารศูนย์ประชุม 14 ล้านบาท และงบดำเนินการปีละ 2 ล้าน
“ที่ผ่านๆ มาศิลปิน สร้างแหล่งวัฒนธรรม สร้างแหล่งเรียนรู้ต่างๆ มักจะเป็นการเริ่มต้นทำกันเองตามมีตามเกิด พอเริ่มมีชื่อเสียง มีคนให้ความสนใจมากขึ้น ส่วนราชการต่างๆ ก็จะเข้ามา แล้วสุดท้าย ความคิดสร้างสรรค์ ที่เคยมีก็จะหาย กลายเป็นระบบราชการไป ในความคิดของคณสุภวัฒน์ผู้สมัครนายก อบจ. ของเรา สิ่งที่เขาตั้งใจจะทำคือ อบจ. จะเพียงแค่เป็นผู้สนับสนุน เป็นเครื่องไม้เครื่องมือให้ศิลปิน ผ่านทรัพย์สินอย่างอาคารสถานที่และงบประมาณที่มี ส่วนการดำเนินการ การสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ต้องให้ประชาชนเป็นคนทำเอง” นายปิยบุตร กล่าว
ด้าน นายสุภวัฒน์ กล่าวว่า ตนเองตั้งใจที่จะทำให้โครงการ “แพร่ ครีเอทีฟ ปาร์ก” เกิดขึ้นให้ได้ และเชื่อมั่นว่าด้วยงบประมาณ อบจ. 650 ล้านบาทต่อปีที่มีนั้นเพียงพอ เพราะเป็นการนำศูนย์ประชุมและแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ อบจ.อยู่แล้วมาปรับปรุงใช้ประโยชน์
ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา และศิลปวัฒนธรรม คือจะเป็นการ ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่น ให้ตรงความต้องการของตลาด โดยจะทำเป็นทั้งศูนย์เรียนรู้ ศูนย์ออกแบบ ศูนย์วิจัย และห้องสมุดมีชีวิตด้วย ในแต่ละสัปดาห์ก็จะมีการเชิญชวนอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาจัดกิจกรรม มีการบรรยาย เช่น เป็นสัปดาห์เคมี สัปดาห์ฟิสิกส์ เป็นต้น โดยทาง อบจ. จ้ดรถให้บริการให้กับเด็กนักเรียนของเราจากที่ต่างๆ ด้วย
“นอกจากเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการศึกษา เรายังมีนโยบายเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ โดยตั้งใจที่จะสร้างศูนย์สาธารณสุขประจำอำเภอ ดูแลผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและเด็ก รวมถึงนโยบายเกี่ยวกับเรื่องปากท้อง ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งจังหวัดแพร่กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของประชากรนั้นทำการเกษตร และมีปัญหาเรื่องน้ำ ควรมีการบริหารจัดการน้ำให้เกษตรกรให้ดีขึ้น
ซึ่งตนจะใช้ประสบการณ์เมื่อครั้งเคยเป็น ประธานคณะกรรมาธิการจัดการน้ำของจังหวัด มาใช้ในงานบริหารครั้งนี้ และมั่นใจว่าด้วยนโยบายเหล่านี้ ตลอดจนการทำงานเดินพบปะกับประชาชนในพื้นที่ที่ผ่านมาซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี จะทำให้ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวเมือแพร่อย่างแน่นอน” นายสุภวัฒน์ กล่าว
ขณะที่ในช่วงเย็น ปิยบุตร และสุภวัฒน์ ได้ไปเดินที่กาดกองเก่า ซึ่งเป็นตลาดสินค้าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดแพร่ มีนักท่องเที่ยวมาเลือกซื้อของและเดินเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก และเช่นเคย ได้รับการต้อยรับอย่างอบอุ่น มีคนเข้ามาขอถ่ายรูปและให้กำลังใจ “สู้ๆ” ตลอดทาง