19 พ.ย.63-นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา ได้กล่าวถึงการเตรียมการในการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ใส่ร้าย นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ผ่านช่องทางโซเชี่ยลว่า
จากการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 17 ถึง 18 พฤศจิกายน 2563 และมีการชุมนุมบริเวณรอบนอกอาคารรัฐสภา และปรากฏความวุ่นวายเกิดขึ้นนั้น
ต้องขอย้ำว่า นายชวน หลีกภัยประธานรัฐสภาได้กล่าวเสมอว่ายินดีต้อนรับผู้มาเยือน ประชาชนไปมาได้ตลอดเวลาและเป็นเรื่องปกติที่มีประชาชนเดินทางมาที่รัฐสภาเป็นประจำอยู่แล้ว ผู้ชุมนุมมีสิทธิเรียกร้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญได้ โดยสงบและปราศจากอาวุธ และพร้อมรับฟังทุกเสียงของพี่น้องประชาชนเพราะรัฐสภาเป็นศูนย์กลางของความเป็นประชาธิปไตย
ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนในเรื่องการดูแลความสงบเรียบร้อยคือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ประสานกับฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยย้ำว่าบริเวณภายในรัฐสภาเจ้าหน้าที่ของรัฐสภาจะเป็นผู้ดูแล ส่วนบริเวณภายนอกอาคารรัฐสภาเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจหน้าที่ไปสั่งการบริเวณภายนอกรัฐสภาได้
ความรุนแรงภายนอกอาคารรัฐสภาไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นทุกคนเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดหากทำผิดกฏหมายทุกคนก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของแต่ละคน
แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในขณะนี้มีการกล่าวหาใส่ร้ายโดยใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็น Twitter Facebook และช่องทางอื่นๆ ได้มีการกล่าวหาใส่ร้ายประธานรัฐสภาว่าเป็นคนสั่งการและสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายประชาชนซึ่งไม่เป็นความจริง
เพราะตามที่ได้กล่าวมาคือประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจไปสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ การกล่าวหาใส่ร้ายดังกล่าวเป็นเรื่องร้ายแรงและปรากฏข้อเท็จจริงชัดว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่สนับสนุนพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ตั้งกลุ่มกันเป็นจำนวนมากเพื่อกล่าวหาใส่ร้ายใช้เป็นประโยชน์ทางการเมือง
เมื่อเป็นเช่นนี้นายชวน หลีกภัยประธานรัฐสภาก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิ์ตามกระบวนการกฎหมาย โดยมีการลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้ผมในฐานะทนายความไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีหลายกรณีที่ได้เก็บพยานหลักฐานไว้ครบถ้วน
มีทั้งคนที่กระทำผิดฐานหมิ่นประมาท และมีทั้งคนที่กระทำความผิดตาม พรบ คอมพิวเตอร์ ไม่ได้ขู่ และไม่ได้ห้ามวิพากษ์วิจารณ์การทำงานแต่ควรวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ตรวจสอบให้เต็มที่ แต่ถ้าบิดเบือนใส่ร้าย ด้วยความเท็จช่องทางที่จะระงับสิ่งเหล่านี้ได้คือใช้กระบวนการกฎหมายดำเนินการให้ถึงที่สุด