ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
เต้เอ้ย..แน่งๆ ไว้ตะ อย่าแหลงไหร..
เนี่ย..ใครช่วยแปลให้นายเต้-มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ได้เข้าใจที เพราะที่แกโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก..
“#ผมเป็นคนตรงแบบนี้ใครจะว่าอะไร ผมไม่สน #ลูกผู้ชาย ทำก็บอกว่า ทำ #ส.ส.พี่เต้ 007 ผมเป็นนักการเมือง อะไรเคยทำก็บอกว่าทำ อะไรไม่เคยทำก็บอกไม่เคยทำ
ไม่อ้อมค้อมบ่ายเบี่ยง
พร้อมอธิบายเหตุผลส่วนตัวว่าคิดอย่างไรจึงทำ ผมยอมรับเคยชู 3 นิ้ว มือขวา จริง แต่ความหมายของผม คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เข้าใจตรงกันนะ!!!” น่ะ
นอกจากคนเขาไม่เชื่อ ยังจะทำให้ตัวเองสูญเสียมวลชนทั้งไปทั้งกลับ ฝ่าย 3 นิ้วปลดแอกก็ไม่เอาด้วย ฝ่ายเทิดทูนพระมหากษัตริย์ ก็คลางแคลงใจ!
ฉะนั้น..แน่งๆ อยู่เงียบๆ ซะจะดีกว่า เอาเวลามานั่งทบทวนตัวเองเสียใหม่ สิ่งไหนทำแล้วได้ สิ่งไหนทำแล้วเสีย ต้องคิดให้เป็น และเมื่อคิด (ดี) แล้ว ตัดสินใจแล้ว..
ก็..อย่าได้หาเหตุแก้ตัว ต้องยึดมั่น-เดินหน้าในสิ่งที่คิด-ที่ทำไปให้สุดซอย!
อย่างท่านนี้..คุณปุ้ม-พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลงชื่อดัง ก็คงจะคิดรอบคอบถ้วนถี่ดีแล้ว จึงได้โพสต์ข้อความ..
“เพลง “ดีดีกันไว้” ประพันธ์ ทำนอง/คำร้อง โดย “ผม” นายพงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นับแต่นี้ ‘ไม่อนุญาต‘ ให้ใครก็ตามนำไปใช้ไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ
จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากผมโดยตรงตามกาลปัจจุบันเท่านั้น สิทธิใดที่เคยอนุญาตก่อนหน้านี้ให้ถือว่าหมดสิ้น”
และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาทั้งคนในและนอกวงการ ว่าสาเหตุที่เจ้าของเพลงดีดีกันไว้โพสต์อย่างนี้ น่าจะมาจากกรณีที่นักร้องสาว “สุกัญญา มิเกล” ที่เคยบันทึกเสียงเพลงนี้เมื่อ 20กว่าปีก่อน..
ได้โพสต์ข้อความ หลังพบปะหน้า “เพนกวิน” แกนนำม็อบคณะราษฎร 2563 ด้วยความรู้สึกประทับใจ และชื่นชมเป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตใจนอบน้อม อะไรประมาณนี้
ซึ่งใครจะคิดเห็นอย่างไร ทัวร์จะลง-ไม่ลงหรือไม่ก็ช่าง สำหรับผมมองว่า นี่เป็น “สิทธิ” ด้วยชอบด้วยธรรมของเจ้าของเพลงที่จะให้-ไม่ให้ใครร้องก็ได้
ยิ่งหากมองถึงเรื่อง “ลิขสิทธิ์” ด้วยแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา..คุณพงศ์พรหมอาจจะคิดว่าถึงเวลาที่จะหาประโยชน์จาก “ทรัพย์สินทางปัญญา” ของตัวเองให้มากกว่าที่ผ่านๆ มาในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ
หรือถ้าจะเป็นดังที่มีเสียงวิพากษ์-วิจารณ์ ก็ไม่เห็นจะผิด-ประหลาดตรงไหน เพราะเมื่อนักร้องมีทัศนะเห็นดีเห็นงามกับคนที่มีความคิดปฏิรูปสถาบัน..
คุณพงศ์พรหม ที่ (อาจ) มีความรัก-เทิดทูนสถาบัน ก็มีสิทธิ์ที่จะคิดหรือรู้สึก.. “ถ้างั้น มิเกลก็อย่าร้องเพลงของผมอีกเลย” (นี่ ผมพูดเอาเอง)
ส่วนที่คุณมิเกลออกมาตอบโต้เหมือนไม่แคร์นั้น ก็เป็นสิทธิ์ของเธออีกแหละ แต่ที่บอกให้ “วอร์เนอร์ต้องเอาเสียงเราออกด้วยคับ” นั่นน่ะ..
จะไม่เป็นการใช้อารมณ์แบบโง่ๆ ไปหน่อยไหม?
ในเมื่อคนแต่งเพลงรับเงินไปแล้ว คนร้องก็รับเงินไปแล้ว วอร์เนอร์ก็มีสิทธิ์ใน “มาสเตอร์” ตามกฎหมายโดยชอบธรรมเต็มที่..
จบ!