สามสัสผู้ก่อสงคราม

ผักกาดหอม

ตีกันแล้ว…
อเมริกาตามก้นไทยมาติดๆ
อเมริกันปะทะกับอเมริกันที่นิวยอร์ก เพราะล “เฒ่าทรัมป์” จุดเชื้อไฟสร้างความปั่นป่วนตั้งแต่ยังนับผลคะแนนไม่เสร็จสิ้น
ว่าไปแล้ว ทัศนคติทางการเมืองของ “ทรัมป์” ไม่หนีไปจากค่าเฉลี่ยนักการเมืองไทยสักเท่าไหร่
แต่อเมริกันหลายสิบล้านคนก็ยังคงลงคะแนนให้
แสดงว่าคนบนโลกใบนี้คุณภาพไม่หนีกัน…หรือเปล่า?

เหมือนการเมืองไทย ศาลตัดสินโกง ติดคุกก็มี เผ่นไปนอกก็เยอะ คนก็ยังเลือก
สาเหตุมาจากอะไรกันแน่!

ที่อเมริกา อาจแบ่งเป็น ๒ กรณี
กรณีแรก ประชาชนเลือกโดยไม่ได้ดูคนแต่ดูนโยบายเป็นหลัก จึงไม่แปลกที่ “ทรัมป์” ได้เป็นประธานาธิบดีเมื่อ ๔ ปีที่แล้วจากนโยบายลดแลกแจกแถม

และอีกกรณีคือ ดูตัวบุคคล ดูภาวะความเป็นผู้นำ เป็นหลัก
ปกติอเมริกันจะเลือกให้ผู้นำอยู่ ๒ สมัย คือ ๘ ปี

ในประวัติศาสตร์ มีประธานาธิบดีเพียง ๔ จาก ๔๕ คน ที่ดำรงตำแหน่งเพียงสมัยเดียว
เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์
เจอรัลด์ ฟอร์ด
จิมมี คาร์เตอร์
และ จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช

ทั้งหมดสอบตกสมัย ๒ ด้วยสาเหตุหลักๆเหมือนกันคือ เศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก พาประเทศเข้าสู่สงคราม

ขณะที่อเมริกาในยุค ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ พิเศษบะหมี่สามก้อน เศรษฐกิจตกต่ำ สงครามก็ยังอยู่ แถมโควิด-๑๙ พ่วงมาด้วย
“ทรัมป์” เองก็แสบไม่น้อย
นับคะแนนเลือกตั้งไม่ทันจบ ร้องศาลให้หยุดนับคะแนนในรัฐสวิงสเตท เพนซิลเวเนีย มิชิแกน และจอร์เจีย อ้างว่ามีการโกงบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ที่ถือเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้งว่าใครเป็นผู้ชนะ

ที่จริงประเด็นนี้ “ทรัมป์” ทำลายตัวเองมาตั้งแต่ต้น
คือไม่สนใจจะแก้ปัญหาโควิด-๑๙
ถ้าจำกันได้ “ทรัมป์” เคยบอกว่า ที่สั่งให้หยุดเทสต์ เพราะว่ายิ่งเทสต์ คนก็ติดกันมากขึ้น

พูดง่ายๆ คือจำนวนเคสที่ออกสื่อมันเยอะขึ้น
ไม่เทสต์ก็ไม่เจอ
นั่นคือการแก้ปัญหาแบบทรัมป์ๆ
มันส่งผลถึงการเลือกตั้งอย่างไร?

ง่ายๆ เลย….
อเมริกันที่ไม่ชอบ”ทรัมป์” ส่วนใหญ่ใช้สิทธิทางไปรษณีย์บ้าง เลือกตั้งล่วงหน้าบ้าง เพราะเกรงว่าจะเกิดการระบาดใหญ่ในวันเลือกตั้ง

ทำไมถึงกลัว?
เพราะอเมริกาดินแดนแห่งเสรีภาพ อนุญาตให้คนที่กักตัวเพราะป่วยโควิด-๑๙ ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่คูหาเลือกตั้งได้
ฉะนั้นอเมริกันที่กลัวโควิด ก็แน่นอนหละส่วนใหญ่ไม่ชอบ “ทรัมป์” จึงใช้สิทธิทางไปรษณีย์แทน

นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมตอนนับคะแนนใหม่ๆ “ทรัมป์” ดูดี แต่ปลายเหี่ยว
เพราะบัตรคะแนนจากไปรษณีย์ถูกนับทีหลัง

เมื่อ “ทรัมป์” ประกาศชัยชนะ ขณะที่ “โจ ไบเดน” จาก เดโมแครต ก็มั่นใจว่า เขามีโอกาสชนะการเลือกตั้งครั้งนี้
สุดท้ายรอชม ไม่ว่าใครชนะงานนี้มีเผา
อันธพาลอเมริกัน อารมณ์ค้างรอใช้สิทธิ์อยู่แล้ว

“ชาน ชุน ซิง” รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ พูดไว้น่าสนใจ

“….ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐยังคงไม่มีความชัดเจน แต่ใครก็ตามที่เป็นผู้ชนะ จำเป็นจะต้องสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในประเทศเพื่อปรับตัวรับความท้าทายต่างๆ ของโลกาภิวัฒน์และการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิทัล หรือจะเสี่ยงกับการต่อต้านอย่างอย่างรุนแรงจนอาจจะสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจโลก

“จะมีการต่อต้านโลกาภิวัฒน์ และระบบเศรษฐกิจโลกอาจได้รับผลกระทบ….”
ไทยก็เตรียมตัวไว้
ขณะเขียนต้นฉบับ ยังไม่รู้ใครแพ้ใครชนะครับ ….แต่ถ้า “ไบเดน” ชนะ สงครามการค้ากับจีน ก็น่าจะเพลาๆ ลงไป
ทำให้โลกได้ประโยชน์ เศรษฐกิจดีขึ้น ไทยก็ได้รับอานิสงส์

ณ วินาทีนี้ อยู่เมืองไทยไม่ต้องไปอิจฉาชาวโลก เพราะมันวุ่นกันทั้งนั้น ไม่ทะเลาะเรื่องการเมือง ก็โควิด-๑๙

แต่ถึงกระนั้น…ขนาดมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ได้เลื่อนประเทศไทยจาก อันดับ ๖ เป็นอันดับ ๑ ครองมงกุฎ Covid-19 Fight
เป็นแชมป์โลก ด้านป้องกันโรคระบาดเยี่ยม

U.S. News & World Report จัดอันดับไทย ที่ ๑ ของโลก ประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ มากที่สุดในโลก ประจำปี ๒๕๖๓ (Best Countries to Start a Business 2020) ก็ยังไม่พอใจกัน
บริษัทข้ามชาติย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม ก็เอาแต่ก่นด่ารัฐบาลเผด็จการทหาร บริหารประเทศไม่เป็น
แพ้เวียดนาม

รู้หรือเปล่า เวียดนามทำ FTA มากกว่าไทยถึง ๓ เท่า
เวียดนามอยู่ในกลุ่มประเทศความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership “CPTPP”)

“ไบเดน” มามีแนวโน้มสูง อเมริกา จะกลับเข้า CPTPP
แล้วเราจะเลือกเดินทางไหน
หรือจะดึงแข้งดึงขากันต่อไป
เหรียญมีสองด้าน ไม่มีใครได้อะไรทุกอย่าง หรือสูญไปทุกสิ่ง

โลกแห่งอนาคต หากก้าวตามไม่ทันคือล้าหลัง จะกลายเป็นเหยื่อ!
และไร้ประโยชน์ถ้ามัวแต่โทษกันเอง ว่าไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ก็ไม่ใช่

ท่ามกลางความสำเร็จและต่างประเทศยกย่อง คนไทยมองคนไทยด้วยกันอย่างไร?

คนรุ่นใหม่ยังตั้งหน้าตั้งตาปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่
เปิดพจนานุกรม “ปฏิรูป” ไม่ใช่ “ล้มล้าง”
เพื่อ?????

ก็ในเมื่อพฤติกรรมมันเด่นชัดว่าล้มล้าง แต่อ้างว่าปฏิรูป… หรือจะเถียง!

เห็นเด็กๆ เขียนส่งต่อๆ กัน…
…ผู้ใหญ่สอนว่าให้เป็นคนดี ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน วันข้างหน้าจะได้เลี้ยงดูพ่อแม่ ทำไมรัฐไม่สร้างสวัสดิการสังคมแบบสแกนดิเนเวีย จะได้ใช้สิทธิ์ ไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน…

ทำได้มันก็ดี
แต่ที่ยังทำไม่ได้เพราะ เก็บ vat ๑๐% ไม่ได้
ฐานภาษีแคบ ปัจจุบันฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีแค่ ๑๑.๗ ล้านคน
อัตราการจัดเก็บต่ำ เฉลี่ยร้อยละ ๑๕ %
รู้มั๊ยเดนมาร์กเท่าไหร่ ๘๗%
นอร์เวย์ สวีเดน ๗๖-๗๗%

ดังนั้น ถ้าจะเรียกร้องเรื่องพวกนี้ ต้องพุ่งเป้าไปที่รัฐบาล รัฐสภา
สถาบันพระมหากษัตริย์ทำให้ไม่ได้
ปฏิรูปสถาบันร้อยครั้งก็ทำไม่ได้

แต่…ก็ยังดักดานอยู่กับการปฏิรูปสถาบัน
มันสะท้อนให้เห็นว่า วาระซ่อนเร้นโดยคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังนั้นเป็นเรื่องจริง

ปัญหาใหญ่ของประเทศวันนี้ ไม่ใช่เรื่องสิทธิเสรีภาพ เพราะใช้เสรีภาพกันอย่างกว้างขวาง ดูหมิ่นเหยียดหยามกระทั่งสถาบันพระมหากษัตริย์

ไม่ใช่เรื่องไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะปีที่แล้วก็เพิ่งไปเลือกตั้งกันไม่ใช่หรือ อีกไม่กี่วันจะได้เลือกตั้ง อบจ. กันแล้ว


ปัญหาเศรษฐกิจซิคือปัญหาใหญ่
หากโควิดระบาดรอบ ๒ ก็ไม่อยากจะคิด
แล้วทำไมถึงดันทุรังจะปฏิรูปสถาบันให้ได้

เขาตั้งกรรมการสมานฉันท์ หาทางออกร่วมกัน ก็บอกไม่เอา ไม่ร่วม แถมยังด่ากลับ เป็นแค่แผนซื้อเวลาของรัฐบาล

ท่านประธานชวน บอกว่า จะพูดกับทุกคน แม้แต่ พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ก็จะไปกราบเรียนในฐานะท่านเป็นผู้ใหญ่และเป็นนายกฯ ก็หาว่าเปิดทางให้สถาบันแทรกแซง

รู้หรือเปล่าว่า ธรรมเนียมการปกครองของอังกฤษ ทุกๆ สัปดาห์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒ จะทรงพระกรุณาฯ ให้นายกรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ๑ ครั้ง
เข้าเฝ้าฯ ถวายรายงานประจำสัปดาห์
นายกรัฐมนตรีจะถวายรายงานเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งขอคำแนะนำจากสมเด็จพระราชินี


ไม่เฉพาะอังกฤษ ประเทศในเครือจักรภพบางประเทศยังใช้ประเพณีการเมืองนี้อยู่
ไม่นานมานี้ “จาซินดา อาร์เดิร์น” นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ก็ถวายรายงานต่อสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒ เรื่องการรับมือโควิด -๑๙

“จาซินดา อาร์เดิร์น” บอกว่า “รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีพระราชปฏิสันถารด้วย ความเอาพระราชหฤทัยใส่นิวซีแลนด์ ความทรงจำของพระองค์เกี่ยวกับสถานที่และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มีความพิเศษต่อชาวนิวซีแลนด์ นำความปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น”

ไทยไม่มีธรรมเนียมการปกครองลัษณะเช่นนี้
พระมหากษัตริย์จะเข้ามาก็ต่อเมื่อเกิดวิกฤต ประเทศเดินต่อไม่ได้แล้ว เช่นกรณีพฤษภา ๓๕ เท่านั้น

เมื่อคณะสามนิ้วไม่เอาข้อเสนอของใคร เอาแต่สิ่งที่ตัวเองคิด ก็เลิกพูดว่าทะลุเพดานไปได้เลย เพราะสงครามนี้ไม่มีเพดาน ให้ทะลุ
.พูดกันนัก “นิติสงคราม” วานนี้ (๕ พฤศจิกายน) คณะสามสัสไปรับทราบข้อกล่าวหา ตามม.๑๑๖


“กระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน”

“สุวิทย์ ทองประเสริฐ-อดีตพระพุทธะอิสระ เป็นผู้ฟ้อง

“ปิยบุตร” บอกว่า ไม่เข้าใจว่านายสุวิทย์ได้รับพรอันใดในการเข้าแจ้งข้อกล่าวหานี้

วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในหลวงตรัสกับ “อดีตพระพุทธะอิสระ” ว่า “ให้คนไทยทุกคนสามัคคีกัน”

หลายครั้งที่ “ปิยบุตร” พูดเฉียดไปเฉียดมา แต่เจตนาเป็นที่รู้กันว่า ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์

และครั้งนี้ก็เช่นกัน
ถ้าบอกว่านี่คือนิติสงคราม ก็ขอให้รู้ว่าผู้ก่อสงครามไม่ใช่ใคร

คณะสามสัสเป็นฝ่ายเริ่มก่อน.


Written By
More from pp
ททท.ตอกย้ำ “เที่ยวเมืองไทย การ์ดไม่ตก” ผ่าน TVC ดึง หมอบุ๋ม รองโฆษก ศบค. ร่วมสร้างความเชื่อมั่น
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตอกย้ำ “เที่ยวเมืองไทย การ์ดไม่ตก” ผ่าน TVC เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศในการรับรู้ว่า
Read More
0 replies on “สามสัสผู้ก่อสงคราม”