ผักกาดหอม
มีข่าวสารจากเยอรมัน
สำนักข่าวต่างประเทศยักษ์ใหญ่หลายเจ้ารายงานตรงกัน
รัฐบาลเยอรมันชี้แจงต่อกรรมาธิการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฏรเยอรมันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา…….ยืนยันไม่พบการกระทำใดๆ ในลักษณะที่เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
รัฐบาลเชื่อว่าพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้รับอนุญาตให้ตัดสินพระทัยเป็นครั้งคราว ตราบใดที่พระองค์ไม่ได้ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจอย่างต่อเนื่องในแผ่นดินเยอรมนี
รัฐบาลเยอรมัน มองว่า ขณะนี้ยังไม่อาจกล่าวได้ว่าพระองค์ทรงงานอย่างต่อเนื่อง
พระองค์ทรงถือวีซ่าที่อนุญาตให้ทรงประทับอยู่ในเยอรมนีได้นานหลายปีในฐานะบุคคลทั่วไป
และทรงได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตในฐานะประมุขของรัฐ
เป็นที่ชัดเจนว่าหลายคนมองว่าสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้นเป็นปัญหา แต่ทางรัฐบาลระบุว่านี่ยังไม่ถือว่าเป็นการทรงปฏิบัติภารกิจด้านการเมือง
ในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวแปรพระราชฐานพำนักในแคว้นบาวาเรีย มีการตั้งข้อสังเกต จากผู้ชุมนุมประท้วงกลุ่มคณะราษฎร ระบุว่ามีการใช้พระราชอำนาจแทรกแซงการทำงานของรัฐบาลไทย
มีการกล่าวหาถึงการใช้พระราชอำนาจบนดินแดนเยอรมนี
เช่นการลงพระนามในพระบรมราชโองการหรือพระราชกำหนด ที่อาจเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยเหนือเขตแดน
หรืออาจมีการกระทำที่ผิดกฎหมายของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
ในการชี้แจงของรัฐบาลเยอรมัน ต่อกรรมาธิการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฏรเยอรมันระบุ ไม่พบการกระทำในลักษณะดังกล่าว…….
ครับ….นั่นคือข่าวสารโดยรวมจากฝั่งเยอรมัน
คณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาบุนเดสทาค ขอให้ตัวแทนของรัฐเข้าชี้แจงหลัง คณะราษฎร ๖๓ ชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมัน ประจำประเทศไทย
และยื่นจดหมายผ่านเอกอัครราชทูตเยอรมนี เรียกร้องให้รัฐบาลเยอรมัน ชี้แจงเกี่ยวกับการประทับอยู่ในเยอรมนีของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐
เมื่อมีคำตอบจากรัฐบาลเยอรมันออกมาเช่นนี้แล้ว ก็มีคำถามกลับไปยังบรรดาแกนนำม็อบ ๓ นิ้ว ที่ดูลิงโลดเป็นพิเศษหลังกลับจากยื่นหนังสือให้สถานทูตเยอรมนีว่า…..
จะรับผิดชอบอย่างไร?
ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตอบ
แต่ขอให้ตรงไปตรงมา
อย่ากะล่อน
เพราะการไปที่สถานทูตเยอรมัน เมื่อคืนวันที่ ๒๖ ตุลาคม พฤติกรรมของแกนนำ และผู้ชุมนุมบางส่วน มากกว่าการไปยื่นหนังสือ
ลายลักษณ์อักษรที่ปรากฏในแถลงการณ์ ที่ยื่นต่อสถานทูตเยอรมัน สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับคนไทยจำนวนมหาศาล
ถ้อยความที่รัฐบาลเยอรมันชี้แจงต่อกรรมาธิการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฏรเยอรมัน คือการตอบคำถาม ๔ ข้อ ในแถลงการณ์ของ คณะราษฎร ๖๓
๔ ข้อมีอะไรบ้าง ขออภัย ไม่สามารถนำมาเผยแพร่ได้
แต่เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยาม ใช้ความเท็จ อาฆาตมาดร้าย ต่อองค์ประมุขของประเทศอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
และเมื่อรัฐบาลเยอรมันยืนยันแล้วว่า “ไม่จริง”
….จะรับผิดชอบอย่างไร
มายด์- ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล
ไผ่ -จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา
วารินทร์ แพทริก
๓ แกนนำ ๓ นิ้ว คิดหาคำตอบไว้หรือยัง
ย้ำอีกที……จะรับผิดชอบอย่างไร
หรือจะปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ
ก่อนจะเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อน
แต่…เอาเถอะ…
ที่เย้วๆ เอาความเท็จไปปลุกปั่นหน้าสถานทูตเยอรมัน สน.ทุ่งมหาเมฆ ออกหมายเรียกคนที่ปราศรัยกันมันปากในคืนวันนั้นแล้วล็อตแรก ๕ คน
มายด์- ภัสราวลี ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ฐานความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๖
“ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต
(๑) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย
(๒) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร
หรือ (๓) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๗ ปี”
ล็อตสองจะตามมาในอีกไม่นาน
หลังจากนี้ก็ว่าไปตามกฎหมาย….
ในสถานการณ์ที่ราคายางพาราจ่อกิโลละ ๑๐๐ บาท
นายกฯ ก็เพิ่งลงนามสัญญางาน ระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟ (สัญญา ๒.๓ ) โครงรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา วงเงิน ๕ หมื่นล้านบาท ร่วมกับบริษัท ไซน่า เรลเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล (CHINA RAILWAY INTERNATIONAL CO., LTD.) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ดีไซน์ คอร์เปอเรชั่น (CHINA RAILWAY DESIGN CORPORATION)
ถ้าบวกกับรถไฟฟ้าที่สร้างอยู่ทั่วกรุงเทพฯ รถไฟรางคู่ นี่ถือเป็นการปฏิวัติระบบรางครั้งที่ ๒ ในประวัติศาสตร์ นับแต่กำเนิดรถไฟไทยสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕
แต่ก็ยังมีคนบอกปัญหาประเทศแก้ไขได้มีวิธีเดียวคือ “บิ๊กตู่” ต้องลาออก เพราะ ๖ ปีไร้ผลงาน อยู่ไปประเทศมีแต่จะเสียหาย
“บิ๊กตู่” จะอยู่จะไป ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมาก
แต่ยังนึกภาพไม่ออกว่า เพื่อไทย ก้าวไกลขึ้นมาเป็นรัฐบาลแทนแล้วจะดีกว่าตรงไหน
เพราะมีหลักฐานตัวเป็นๆ คาคุกอยู่หลายคน
พูดไปก็เสียดายพลังนักศึกษา จะมีประโยชน์มากกว่านี้ หากมีกระบวนการคิดที่เป็นระบบและปฏิบัติได้จริง
เริ่มต้นที่เรียกร้องให้ปฏิรูปการเมือง จะมีแนวร่วมมหาศาล เพราะเหลือง แดง กปปส. ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือ ปฏิรูปการเมือง เพียงแต่วิธีการต่างกันเท่านั้นเอง
แต่นี่…เริ่มขึ้นมา ก็ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อเริ่มต้นเช่นนี้ ก็ไม่มีเส้นทางให้ไปต่อ
ครับ…วานนี้ (๒๙ ตุลาคม) เฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ของอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ชูชาติ ศรีแสง เขียนถึงประเด็นร้อน
————–
….เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวพรรคอนาคตใหม่ ถือครองหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชน ในขณะสมัครรับเลือกตั้ง จึงขาดคุณสมบัติและขาดสมาชิกภาพ ส.ส. ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
…..หลังจากนั้น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ได้นำรายชื่อ ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลจำนวนหนึ่งเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าขาดสมาชิกภาพ ส.ส. เพราะถือหุ้นสื่อมวลชน
…..ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จึงดำเนินการนำรายชื่อ ส.ส.ฝ่ายค้านจำนวนใกล้เคียงกันเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าขาดสมาชิกภาพ ส.ส. เพราะถือหุ้นสื่อมวลชน เช่นเดียวกัน
…..เมื่อวานวันที่ ๒๘ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่า นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถือหุ้น บริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด และ บริษัท เฮด อัพ โปรดักชั่น จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชน จึงต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. นายธัญญ์วารินจึงขาดสมาชิกภาพ ส.ส.
…..ส่วน ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน นอกจากนี้ ฟังไม่ได้ว่าถือหุ้นในนิติบุคคลที่ประกอบกิจการสื่อมวลชน จึงให้ยกคำร้อง
…..เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ไปเล่นงาน ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลก่อน จึงถูก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเล่นงานกลับเป็นเอาคืนบ้าง
…..ถ้า ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ไม่ไปเล่นงาน ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลก่อน ก็คงไม่ถูก ส.ส. พรรคพลังประชารัฐเล่นงานกลับอันเป็นเหตุนายธัญญ์วารินถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ขาดสมาชิกภาพ ส.ส.
…..ดังนั้นผู้ที่ทำให้นายธัญญ์วารินต้องพ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส. ก็คือเพื่อนของนายธัญญ์วาริน ที่อยู่ในพรรคเดียวกันนั่นเอง หาใช่ใครอื่นไม่
…..เพื่อนเราเผาเรือน ?
————
แต่…. “ทอน” กับพวก เหมารวมว่ากระบวนการยุติธรรมทำงานคือ “นิติสงคราม”
ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการกำจัดศัตรูทางการเมือง
“ทอน” บอกว่า “รัฐบาลคิดว่าถ้าเด็ดหัวแกนนำได้ เอาเข้าคุกได้เรื่องจะจบ อันนี้คิดผิด เพราะตั้งโจทย์ผิด”
พูดอย่างกับเอานักการเมืองเข้าคุกเป็นเรื่องง่ายสำหรับประเทศไทย
ไอ้ที่อยู่ในคุกวันนี้ก็เพราะหลักฐานมันคาปาก ไม่ใช่นิติสงคราม
หรือจะเป็นนิติสงครามจริง จะไปทำอะไรได้ หากความผิดไม่มีมูล
ก็อย่างที่ท่านชูชาติ โพสต์เอาไว้
จะเล่นงานคนอื่น แต่ไม่ดูแผลตัวเอง
บอกให้เอาบุญ…วันนี้ประชาชนเขาไม่ได้โกรธแค้นรัฐที่ “ทอน” ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
แต่แค้นเพราะมีไอ้โม่งอยู่เบื้องหลังเด็ก คิดล้มล้างสถาบันต่างหาก