ก็สนุกกันใหญ่……..
พอ ผบ.ทบ. “พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์” เดี่ยวไมโครโฟนจบ “อองตวน-ปิยบุตร” ก็ตั้งเวที เดี่ยวมั่ง
ผมฟังบางช่วง-บางตอนแล้ว ต้องบอกว่า
ปิยบุตรเอ้ย…
อาบน้ำ-อาบท่า ปะแป้งแล้วกินนมนอนเถอะ จะอึ จะฉี่ รดที่นอน ก็ตามสบาย ถือว่าฝากเป็นอนุสรณ์สุดท้าย ให้ช่อ กะ ทอนไว้ดูต่างหน้าก็แล้วกัน
เพราะการเอากากตำราฝรั่งภายใต้เงื่อนไขสังคมชาติของเขายุคนั้น มาท่องกระแทกไหล่ ผบ.ทบ.
เจตนาให้กระทบไปถึงสถาบันเมื่อวาน (๑๒ ตค.๖๒) ที่อาคารไทยซัมมิท ของแม่สมพร
เหมือนลั่นไกใส่ราวนมซ้ายตัวเอง…….
แต่โชคไม่ดีเหมือนเขา เพราะกระสุนไม่ทะลุหลัง ดันไปถูกม้ามพอดิบ-พอดี
แบบนี้ หมอดูอาการเสร็จ
คลี่ผ้าคลุมถึงหัว!
เถอะ…แล้วค่อยคุยกันวันต่อไป เพราะวันนี้ อยากแยกชิ้นส่วนประเด็นธนาธรที่ไปสัมนาที่ฮ่องกง แสดงตนเป็นแนวร่วม โจ ซัว หว่อง
ในปฏิบัติการแยกฮ่องกงจากจีนไปเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ-สหรัฐฯ จนเป็นเหตุให้ “สถานทูตจีนในไทย” ต้องแสดงท่าทีผ่านเฟซบุ๊ค ตอนหนึ่งว่า
“……..นักการเมืองประเทศไทยบางคนมีการติดต่อกับกลุ่มที่คิดจะแบ่งแยกฮ่องกงออกจากประเทศจีนโดยมีท่าทีเชิงสนับสนุน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดอย่างร้ายแรงและไร้ความรับผิดชอบ ฝ่ายจีนหวังว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องสามารถรับรู้ข้อเท็จจริงของปัญหาฮ่องกง ใช้ความระมัดระวัง ทำในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อมิตรภาพจีน-ไทย”
คือเรื่องเหล่านี้ พูดกันแต่หน้าฉากเท่าที่ตาเห็น แล้วใครล่ะ คือตัวการที่เชิดอยู่หลังฉาก?
ไม่มีใคร “แง้มฉาก” ให้เห็นเลย!
ฉะนั้น วันนี้ เรามาแง้มกันซักหน่อยเป็นไร ตัวหลังฉากนี่แหละ น่าสนใจกว่า ตัวธนาธร, ตัวโจ ซัว หว่อง ที่เป็นแค่ “หุ่นปลายเชือกชัก” เป็นไหนๆ
ก็ต้องคลำจาก “ปมแรก” ไปเลย คือต้องดูว่า งานสัมนาที่ฮ่องกง เมื่อ ๕ ตุลา.ใครเป็นคนจัด?
ทำไมเจาะจงเชิญธนาธรไปร่วม ………
เจตนาเชิด “ธนาธร-โจ ซัว หว่อง” ผู้มีปฏิบัติการ “ชังชาติ” เหมือนๆ กันออกฉากโลก
ว่านี่คือ “ตัวเลือกใหม่” ของอำนาจใหม่ ในภูมิภาคเป้าหมาย อย่างนั้น ใช่หรือไม่?
เชิดเพื่อขับเน้น ตอกย้ำ การชักชวน-เรียกร้อง “อำนาจนอกชาติ” ให้เข้าไปแทรกแซงภายใน “ล้มเก่า-สถาปนาอำนาจใหม่”………..
ว่าเป็นเทรนด์ที่สังคมยุคปัจจุบันต้องการ อย่างนั้นใช่หรือไม่?
อย่านึกว่า สัมนาที่ฮ่องกง แค่จัดกันเอง-ดูกันเองที่ฮ่องกงนะ “ถ่ายทอดสด” เชื่อมไป “สำนักงาน BBC” บนเกาะอังกฤษโน่นด้วย!?
นี่….ต้องแง้มฉากตรงนี้ ถึงจะลากโยงไปถึง “ตัวการ”
เมื่อรู้ถึงตัวการแล้ว ก็ไม่ยากคาดเดาถึงเจตนาและเป้าหมายในกระบวนการฮ่องกงที่กำลังเชื่อมโยงกับกระบวนการธนาธร-อนาคตใหม่ ในไทย
สรุปง่ายๆ ชั้นแรก คือ……..
ธนาธร ก็ดี โจ ซัว หว่อง ก็ดี แค่ “หมากในกระดาน” ของใครบางคน-บางกระบวนการที่ “กำหนดตาเดิน” อยู่ข้างหลัง
อย่านึกว่าทักษิณนะ!
ทักษิณแค่ “หมากตัวหนึ่ง” ไม่ต่างโจ ซัว หว่อง และธนาธร แถมเป็นหมากที่ถูกกิน โยนทิ้งนอกกระดานแล้ว
แล้วใคร คือ “จอมบงการ” ที่อยู่เบื้องหลังพวกนี้?
ผมก็อยากรู้ แต่ไม่รู้ ฉะนั้น แกะรอยไปพร้อมๆ กันเลย
ธนาธรบอกไว้อย่างนี้…..
“5 ตุลาคมที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญจากนิตยสาร The Economist ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก
ให้ไปพูดที่งาน Open Future Festival ที่ฮ่องกง ในหัวข้อเรื่อง “Inside the Minds of Asia’s Next Gen Politicians”
ซึ่งในวงเสวนาของผม มีผู้ร่วมรายการสองคนได้แก่ Tim Wilson สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหัวก้าวหน้าจากออสเตรเลีย และ Nurul Izzah Anwar สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากมาเลเชีย ลูกสาวของคุณอันวาร์ อิบราฮิม Nurul มาไม่ได้ เนื่องจากติดภารกิจ บนเวทีเสวนาจึงเหลือเพียงผมกับ Tim”
อ้อ…
นิตยสาร The Economist เป็นคนจัด!
แล้ว The Economist ของใคร อยู่ที่ไหน ทำไมจึงมาจัดสัมนาเรื่องนี้ที่ฮ่องกง จัดด้วยเจตนาอะไร?
ก็ไล่ไปดูทีละประเด็น……
The Economist นี่ รู้จักกันทั้งโลก มีมาร่วม ๒๐๐ ปีแล้ว บ่อยครั้ง “บางฉบับ” ไม่สั่งเข้ามาวางในเมืองไทย เพราะเสนอเรื่องราวบิดเบือนเกี่ยวกับสถาบัน
กองบัญชาการใหญ่อยู่อังกฤษ มีกองบรรณาธิการกระจายไปทุกภูมิภาคในโลก พิมพ์เป็นล้านๆ ฉบับแต่ละสัปดาห์ ครึ่งหนึ่ง แพร่หลาย-ขายดีในสหรัฐฯ
ตัวตนเจ้าของจริงๆ มะลำ-มะเลือง บอกคลุมๆเพียงว่า “กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์”
แต่ที่สรุปได้แน่นอน คือกลุ่มทุนเครือข่ายผู้คุมกลไกเศรษฐกิจการค้ายุโรป-สหรัฐฯ
ชัดๆ ก็คือ กลุ่มทุนครอบงำเศรษฐกิจ-การค้า-การเมือง-การเงินโลก
นิตยสารนี้ เป็นสื่อสาร “ชี้ทิศ-นำทาง” ตามที่กลุ่มทุนโลกต้องการนำไป
แค่เห็นชื่อ “เครือข่ายตระกูล Rothschild” คุมกลไก
ก็แทบไม่ต้องอธิบาย ว่า The Economist เครื่องมือของใคร และเพื่ออะไร?
Rothschild คือตระกูลกลุ่มประเทศยุโรป ร่ำรวย ทรงอิทธิพล แผ่จากยุโรปครอบคุลมสหรัฐฯ
พูดให้เห็นจะจะ ตระกูลร็อตไชด์นี่แหละคือ ผู้ก่อตั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ “Federal Reserve Bank”
นอกจากเฟดแล้ว….
ทั้ง แบงก์โลก ไอเอ็มเอฟ เอดีบี ก็ตระกูลร็อตไชด์กับเครือข่าย “แบงก์ใหญ่ของโลก” ๗-๘ แบงก์ ของแก๊งนี้ทั้งสิ้น
โลกทั้งใบ จะเป็น-จะตาย…….
ก็อยู่ที่เทพเจ้า Fed จะชี้นิ้วบันดาล!
พอเห็นลางๆ กันแล้วนะ ว่า The Economist เนื้อแท้ คือ
สื่อเครือข่าย “แก๊งคุมโลก” ต่อเนื่องมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๑ ที่ ๒ และจวนเจียนครั้งที่ ๓ รอมมะร่อขณะนี้
“แก๊งคุมโลก” ขับเคลื่อนกลไกโลกผ่าน….Council on Foreign Relations ที่รู้จักกันดีในชื่อย่อ
องค์การ CFR “จัดระเบียบโลกใหม่” เป็นระบอบรวมศูนย์” อำนาจเดียวคุมโลก”
ไม่มีแล้ว ประชาธิปไตย คอมมูนิสต์ เผด็จการทหาร มีแต่” รัฐบาลโลก” เป็นระบอบปกครองสังคมโลกใหม่ ที่ CFR ออกแบบ และมุ่งไปสู่!
ก็พอเห็นภาพแล้วนะทีนี้ ว่าทำไมม็อบฮ่องกงจึงชูป้าย liberate
โบกธงชาติ สหรัฐ-อังกฤษ แล้วฉีก เผา กระทืบธงจีน ชาติกำเนิดตัวเอง
การเมืองสหรัฐฯมี ๒ ขั้ว ไม่เดโมแครตก็รีพับลิก ผลัดกันเป็นประธานาธิบดี ใครก็ด่าทรัมป์ ว่าก่อสงครามการค้ากับจีน ทำวุ่นวายทั้งโลก
ที่จริงไม่ใช่ คนเป็นประธานาธิบดี คือคนที่ขบวนการ CFR คัดสรรส่งมา ใครเป็น ก็ต้องเล่นตามบท CFR สั่ง
ก็เพราะจีนโตพรวดพราดเป็นงาแซงอำนาจโลกที่สหรัฐฯครองอยู่
จีนสร้างขั้วอำนาจ “เศรษฐกิจ-การเงินโลก” เปโตรดอลลาร์ ถูกหยวนกัดกร่อนความสำคัญลงไปเรื่อยๆ
ที่สำคัญ การตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank; AIIB) ของจีนกับประเทศพันธมิตร
เท่ากับจีนผงาดเป็น “นักเลงคุมซอย” คนใหม่
แล้วแบบนี้ สหรัฐฯ หรือ CFR ที่เป็นเจ้าพ่อคุมซอยคนเดิม เขาจะยอมหรือ?
ขืนยอม ทั้งเวิลด์ แบงก์ ทั้ง ไอเอ็มเอฟ ทั้ง เอดีบี ของ CFR ก็จะลดฐานะในภูมิภาคนี้ไปอยู่แค่ “สถานธนานุบาล”!
ฮ่องกง เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ-การเงิน ของ CFR มาร่วมร้อยปี คนฮ่องกงวันนี้ เหมือนปลา ๒ น้ำ
เกิดในน้ำเทมส์ของอังกฤษ แต่โตในน้ำแยงซีของจีน
CFR จึงใช้ช่องว่าง ๒ น้ำ ที่ทำให้คนฮ่องกง ๒ ใจ เชิดโจ ซัว หว่อง ก่อปฏิวัติร่ม และเรื่อยมาถึงปฏิบัติการเผาบ้าน-แยกประเทศขณะนี้
เพื่อแก้เกมและสกัดจีนที่ผงาดเป็น “นักเลงคุมซอย” ทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านการเงินโลก
ตั้ง AIIB ขึ้นมาแข่ง เวิลด์ แบงก์,ไอเอ็มเอฟ และ เอดีบี แบบนี้ CFR ยอมไม่ได้
เห็นคร่าวๆ อย่างนี้แล้ว พอเข้าใจกระมัง ว่าทำไม The Economist จึงจัดสัมนาที่ฮ่องกง
ทำไมต้องจัดฉากให้ธนาธร-โจซัว หว่อง ออกฉากคู่กัน และทำไมต้อง “ถ่ายทอดสด” ไปถึงอังกฤษ?
ที่ธนาธรบอก เขาเชิญ Nurul Izzah Anwar สส.มาเลเชีย ลูกสาว “อันวาร์ อิบราฮิม” ไปด้วย แต่เธอไม่ได้ไปนั้น
ไม่แปลก
ประการแรก เธอไม่ใช่เป้าหมายหลักในการเชิญ ประการที่สอง เธอฉลาด รู้ว่าเขาเชิญไปเพื่ออะไร เธอจึงไม่ไป
แต่ธรไป…..
เพราะทั้ง The Economist ทั้งธนาธร และ โจ ซัวหว่อง คือ พัพเพต “หุ่นเชิด” หน้าฉาก ของ CFR
สรุป ประชาธิปไตย, คอมมูนิสต์, เผด็จการทหาร เป็น “ยาหมดอายุ” ของสังคมโลกยุคไร้พรมแดนปัจจุบันนี้ไปแล้ว
“เครือข่ายสังคม” สื่อสารสองทาง ด้วยเทคโนโลยีไอที ผ่านเครื่องมือ IOT, AI, CLOUD เป็นกลไกควบคุมโลกเข้ามาแทนที่ระบบ-ระบอบตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑ และที่ ๒ นั้นแล้ว
มนุษย์ทุกคนวันนี้ ถูกตีตรา ถูกควบคุมถูกติดตามตัว ด้วยระบบ G.P.S, IVHS, Smart Gards และแอปต่างๆ รวมถึงระบบสแกน โดยไม่รู้ตัว แต่ยินยอมพร้อมใจ
ไอ้ตี๋กร่าง ไอ้หว่องปากเป็ด ไอ้เทพบุตรสุดสะเหร่อ อนาคตใหม่-อนาคตเก่า อะไรนั่นน่ะ
จมูกร้อยเชือก CFR ทั้งนั้น
ประชาธิปไตย..อำนาจประชาชน แค่เสียงควายละเมอ แต่ควายก็ยังประเสริฐ เพราะควายไม่ชังชาติ ไม่ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน
ผิดกับพวกเวรตะไล วันๆไม่ทำอะไร ขายแผ่นดินท่าเดียว