นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง เป็นส่วนหนึ่งภายใต้นโยบาย PPP Fast Track ของรัฐบาล มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานโครงการให้มีความรวดเร็ว รวมทั้งเปิดโอกาสให้เอกชนได้เข้าร่วมลงทุนในโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ร่วมกับภาครัฐ
นายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและขนส่งของประเทศ โดยกำหนดไว้ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมได้ผลักดันให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง ย้ำสิ่งสำคัญทุกภาคส่วนต้องทำความเข้าใจกับประชาชนและรณรงค์ให้คนมาใช้ให้มากขึ้น ดูแลประชาชนให้มากที่สุด พยายามปรับราคาให้เหมาะสม และให้ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึงนายกรัฐมนตรีขอขอบคุณกระทรวงคมนาคม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตลอดจนผู้ปฏิบัติงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันเร่งรัดการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าให้มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อประชาชนจะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าโมโนเรลทั้ง 2 สายนี้ เดินทางจากพื้นที่เขตชานเมือง เชื่อมต่อเข้าสู่ย่านใจกลางเมือง โดยสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ลดเวลาในการเดินทางมากยิ่งขึ้น
ขอให้การดำเนินโครงการนี้ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ หวังว่าความสำเร็จของโครงข่ายระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลนี้จะเป็นต้นแบบสำหรับการพัฒนาโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในหัวเมืองภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไป เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่กันไป
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี มีแนวเส้นทางพาดผ่านตอนเหนือของกรุงเทพฯ ในแนวตะวันตก – ตะวันออก ระยะทางรวม 34.5 กิโลเมตร มีสถานีรถไฟฟ้าให้บริการรวม 30 สถานี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง มีแนวเส้นทางพาดในแนวเหนือ – ใต้ ทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ระยะทางรวม 30.4 กิโลเมตร
ในขณะเดียวกัน แนวเส้นทางของทั้งสองโครงการยังสามารถทำหน้าที่เป็น Feeder ป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากการมีสถานีรถไฟฟ้าซึ่งเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายหลักจำนวนหลายแห่ง จะช่วยเติมเต็มโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
สำหรับรถไฟฟ้าซึ่งจะนำมาวิ่งให้บริการในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และสายสีเหลืองฯ เป็นรุ่น Bombardier Innovia Monorail 300 ควบคุมด้วยระบบอาณัติสัญญาณ CITYFLO 650 แบบไร้คนขับ ภายในห้องโดยสารของขบวนรถมีอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างครบครัน
โดยการส่งมอบขบวนรถจากผู้ผลิตมายังประเทศไทย จะดำเนินการต่อเนื่องไปจนครบจำนวน 42 ขบวน สำหรับสายสีชมพูฯ และ 30 ขบวน สำหรับสายสีเหลืองฯ ภายในปี 2564 ควบคู่กับขั้นตอนการติดตั้งและทดสอบระบบเพื่อสร้างความมั่นใจ และเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในปี 2565
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะผู้บริหารได้ร่วมกันตัดริบบิ้นรับรถไฟฟ้าโมโนเรลขบวนแรกของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูฯ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองฯ พร้อมเยี่ยมชมขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรล ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นของโครงการนอกจากงานก่อสร้าง และเตรียมความพร้อมสู่การเปิดให้บริการแก่ประชาชนในอนาคตอันใกล้นี้