24 กันยายน 2563 ดร.สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาญัตติร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. …. ว่า เราแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เพื่อจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้พี่น้องประชาชน เพราะการเมืองวันนี้ไม่เอื้อให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ซึ่งมั่นใจว่าเป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศ สะท้อนมาจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา
ทุกพรรคการเมืองชูการแก้รัฐธรรมนูญเป็นนโยบายในการหาเสียง และรัฐบาลได้บรรจุการแก้รัฐธรรมนูญไว้ในนโยบายเร่งด่วน รวมทั้งยังมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฯ
ซึ่งสรุปผลการศึกษาชัดเจนว่าประชาชนต้องการแก้รัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังมีข้อเรียกร้องจากผู้ชุมนุมและรายชื่อประชาชนจากไอลอว์อีกเป็นแสนรายชื่อว่าต้องการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร. ซึ่งยืนยันว่าเราแก้รัฐธรรมนูญบนความต้องการของประชาชน
วันนี้ที่ประชาชนลำบากยากจน ไม่มีอยู่ไม่มีกิน หนี้สินท่วมตัว ประชาชนเป็นหนี้ ประเทศก็เป็นหนี้ เพราะที่ผ่านมาประเทศอยู่ได้ มีกินมีใช้ เพราะเศรษฐกิจเราเดินได้ด้วยโลก ซึ่ง 70% ของจีดีพีมาจากต่างประเทศ ส่วน 30% เป็นเงินในประเทศ เกิดจากการลงทุนภายใน
ซึ่งเราจำเป็นต้องหวังพึ่งเงินจากต่างประเทศ ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุน โดยต่างประเทศเขาจะคบค้าสมาคมกับประเทศที่มีระบบการปกครองที่เป็นสากล มีระบบการเมืองที่เข้มแข็ง มีระบบกฎหมายที่เป็นมาตรฐานไว้วางใจได้ และมีระบบบริหารที่ดี
โดยเขาดูจากรัฐธรรมนูญ เมื่อรัฐธรรมนูญดี กฎหมายดี หลักของการบริหารประเทศโปร่งใส มีการตรวจสอบ ถ่วงดุลกันได้ เขาก็มั่นใจที่จะมาลงทุน พอเกิดการยึดอำนาจปี 2557 ทุกอย่างหายไปหมดเลย ต่างชาติไม่คบค้าสมาคม ไม่เจรจาทางการค้าด้วย
และพอมีการเลือกตั้ง เราก็หวังว่าจะเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา โลกจะยอมรับ จะเกิดการลงทุน เงินต่างประเทศก็จะไหลคืนมา แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะผลจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งต่างชาติมองว่าการเลือกตั้งในประเทศไทยไม่เป็นสากล กว่าจะประกาศผลเลือกตั้งใช้เวลาถึง 2 เดือน และยังมีข้อครหาต่างๆ
เช่น บัตรเขย่ง บัตรออกลูกในหีบ เป็นต้น ซึ่งพอรัฐบาลไม่ได้รับการยอมรับ ต่างชาติก็ไม่มาลงทุน เศรษฐกิจก็ตกต่ำลงไป ดังนั้น วันนี้จึงต้องทำให้ประเทศกลับมามีความเชื่อมั่น สร้างกติกาที่เป็นสากล โดยการแก้รัฐธรรมนูญ ให้การเมืองเดินได้ มีความมั่นคง สามารถเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้