“ช่อ” ไม่เคยเปลี่ยน

ผักกาดหอม

ดัดจริต…
ไม่ใช่คำด่า เพราะจริตทางพุทธ หมายถึง นิสัย มี ๖ ประการ
ราคจริต โทสจริต โมหจริต สัทธาจริต พุทธิจริต และ วิตกจริต
ก็แล้วแต่ จะดัดไปทางไหน
วานซืน “ช่อ พรรณิการ์” ไปเสวนา ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย หัวข้อ Parliamentarians at Risk: Reprisals against opposition MPs in Southeast Asia

แปลไทยว่า เมื่อผู้แทนกลายเป็นกลุ่มเสี่ยง: ปรากฏการณ์การคุกคามสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แค่ชื่อเรื่องก็น่าสนใจ เพราะตั้งขึ้นมาเพื่อ “ช่อ” เป็นการเฉพาะ

และเพื่อบอกว่ามี ส.ส.ไทยถูกคุกคาม
ลองอ่านดู เนื้อหาที่คุณช่อพูดบางท่อนบางตอน แม้จะตัดทอนมาแต่สาระไม่เปลี่ยน ดังนี้

…มีประชาชนกว่า ๖๓ คนแล้ว ที่ถูกแจ้งข้อหาละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินและถูกดำเนินคดีจากการใช้เสรีภาพในการแสดงออกความคิดเห็นทางการเมืองและจัดการชุมนุมทางการเมือง…

…เราจึงได้เห็นกระบวนทำลายล้างที่เข้มข้นยิ่งขึ้น ผู้มีอำนาจมีความคิดเพียงว่าจะใช้วิถีทางใดก็ได้ ขอแค่พวกเราต้องไม่เป็นรัฐบาล

เริ่มจาการที่พรรคอนาคตใหม่ถูกกระบวนการลดจำนวน ส.ส.เพราะการคำนวนของ กกต.ที่ค้านสายตาประชาชน จนเหลือเพียง ๘๑ คน ซึ่งดิฉันขอเรียกว่าการรัฐประหารโดย กกต. ที่ส่งผลให้สมการการจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนไปในที่สุด…..

…เมื่อเราเข้ามาเป็นพรรคฝ่ายค้านแล้ว เราก็ได้กลายมาเป็นตัวอันตรายยิ่งขึ้นในสายตาของผู้มีอำนาจ พวกเราถูกแจ้งข้อหาถึง ๒๗ ข้อหา

รวมถึงข้อหายุยงปลุกปั่น มีความพยายามที่จะแจ้งข้อหาโดยใช้มาตรา ๑๑๒ ด้วย โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการพยายามกำจัดเราออกจากสนามการเมืองให้ได้…

…พวกเรายังต้องเผชิญกับการคุกคามหลายรูปแบบ
เช่นเมื่อครั้งการแถลงนโยบายของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีเลือกที่จะตอบการอภิปรายนโยบายการต่างประเทศของตนด้วยการเรียกดิฉันว่า “คนสวย” โดยที่ไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมาหลังจากนั้น…

….ที่ผ่านมาดิฉันยังได้รับจดหมายข่มขู่ที่มีข้อความเกลียดชัง และแสดงความเห็นที่มีเนื้อหาล่วงละเมิดทางเพศ
ไปจนถึงขู่ที่จะข่มขืนมาถึงดิฉันอย่างสม่ำเสมอ ทั้งในรูปแบบจดหมายและในรูปของการแสดงความคิดเห็นออนไลน์ด้วย…

…มันเป็นที่ชัดเจนมากว่าพวกเขาต้องการปิดปากเรา พวกเขาต้องการด้อยค่า ทำลายล้างเรา เพื่อให้เราไม่พูด แต่เราเลือกที่จะสู้กับการกระทำกักขฬะเหล่านี้ด้วยการไม่หยุดพูด ไม่หยุดทำ…

…ดิฉันต้องการเผยแพร่เรื่องนี้ให้คนได้รับรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ว่ามีการกระทำที่กักขฬะเหล่านี้เกิดขึ้นกับดิฉันตลอดเวลา เพื่อหวังผลให้ดิฉันหยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง

และมันก็ชัดแล้วว่าพวกเขาทำไม่สำเร็จ เพราะจนถึงตอนนี้ดิฉันก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ พวกเขานั่นล่ะที่เป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันยังคงทำงานการเมืองต่อไป…

……การยุบพรรคอนาคตใหม่โดยศาลรัฐธรรมนูญหลังจากนั้น ได้ส่งผลให้เกิดการถอดถอนนักการเมือง ๑๑ คนออกจากสถานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทันที
ส่งผลให้ ส.ส.๑๐ คนย้ายข้างทางการเมือง และสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ถูกตัดลงไป และที่สำคัญเสียงของประชาชนที่เลือกเรามา ๖.๓ ล้านเสียงหายไปในทันที……

……การยุบพรรคอนาคตใหม่และการตัดสิทธิทางการเมืองของเราเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้าย ประชาชนไม่เข้าใจว่าทำไมเรื่องเช่นนี้ถึงเกิดขึ้นได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ประชาชนไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่เคยไปถึงเป้าหมายประชาธิปไตย ทั้งๆ ที่เราเริ่มต้นมาแล้วถึง ๘๘ ปี…

…นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนี้แม้แต่นักเรียนมัธยม นักศึกษามหาวิทยาลัย กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ
หรือกระทั่งนักกิจกรรมในสามจังหวัดชายแดนใต้ก็ออกมาเคลื่อนไหวแล้วโดยไม่สนใจอีกแล้วว่ามี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อยู่…

…ปกป้องสิทธิเสรีภาพของสมาชิกรัฐสภาเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับทุกประเทศทั่วโลก ยกตัวอย่างในฐานะที่ดิฉันเป็นสื่อมวลชนมาก่อน เสรีภาพของสื่อมวลชนมีความสำคัญมาก ไม่ใช่เพราะสื่อเป็นคนสำคัญมีอภิสิทธิ์

แต่เป็นเพราะสื่อมวลชนมีภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ ในการเผยแพร่ความจริงออกสู่สาธารณชน…

…ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ดิฉันไม่เคยเห็นสมาชิกรัฐสภาที่ไม่ทำหน้าที่ถูกคุกคาม มีแต่เพียงสมาชิกรัฐสภาที่ทำหน้าที่รับใช้ประชาชนอย่างสุดจิตสุดใจเท่านั้นที่ถูกคุกคาม หรือกระทั่งสังหารเอาชีวิต

ดังนั้นการรับประกันสิทธิของสมาชิกรัฐสภา จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อที่สมาชิกรัฐสภาจะได้ทำหน้าที่รับใช้และปกป้องประชาชนอย่างที่ควรทำต่อไปได้…

ครับ…เริ่มต้นที่ “ช่อ” ในฐานะสื่อมวลชน หลายคนคงรู้แล้วว่า เธอคืออดีตพิธีกรมือหนึ่งสังกัดวอยซ์ทีวี ที่มี พานทองแท้ ชินวัตร เป็นกรรมการรองผู้อำนวยการ
และพินทองทา คุณากรวงศ์ เป็นกรรมการบริษัท

เมื่อพูดถึงเสรีภาพสื่อ ของสื่อภายใต้เครือข่ายธุรกิจตระกูลชินวัตร ก็เป็นที่รู้กันว่า เป็นเสรีภาพที่จำกัดด้วยความยินยอมพร้อมใจของคนทำสื่อนั้น

ขณะที่สื่อโดยทุนนักการเมืองเป็นที่รังเกียจของคนทั่วโลก

เฉกเช่น “ซิลวิโอ เบอร์ลูสโคนี” อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลีผู้อื้อฉาว
เป็นเจ้าพ่อสื่อ ที่ใช้สื่อเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง
และปกป้องตัวเองจากการคอร์รัปชั่น

ฉะนั้นเสรีภาพและภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์สื่อ ในความหมายของ “ช่อ” ก็แค่สิ่งที่สนตะพายโดยตระกูลชินวัตร
ไม่เกินเลยที่กล่าวหาเช่นนั้น!

เพราะการทำงานสื่อของ “ช่อ” ไม่เคยมีแม้ครั้งเดียว ในการทำหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ ตรวจสอบการคอร์รัปชั่นในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

กลับกันต้นสังกัดที่้เรียกว่า “สื่อ” ทำหน้าที่ปกป้องคนในตระกูลชินวัตรอย่างเปิดเผย
การเผยแพร่ความจริงออกสู่สาธารณชนจึงถูกตั้งคำถามว่า เป็นความจริงของใคร
เป็นจริตที่ดัดให้คดหรือไม่?

เมื่อนำจริต หรือความประพฤติ ที่ดัดให้คดนี้ไปอธิบาย ปรากฏการณ์การคุกคามสมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็จะได้ความคด มากกว่าความจริง
จริงหรือที่มีขบวนการทำลายล้างเพื่อไม่ให้พรรคอนาคตใหม่ได้มีอำนาจ
ก็น่าจะจริง!

แต่..ไม่แน่ใจว่า “ช่อ” ใช้คำว่า “กระบวนการ” หรือ “ขบวนการ”
เพราะตามข่าวบอกว่า “กระบวนการ”
ก็น่าสนใจ เพราะ กระบวนการ หรือ โพรเสส คือการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามระบบ ตามธรรมชาติ

“ช่อ” ยอมรับว่าพรรคอนาคตใหม่ถูกทำลายโดยล้างไปตามธรรมชาติอย่างนั้นหรือ?
ก็ไม่น่าใช่

จึงน่าจะเป็น “ขบวนการ” เสียมากกว่า เพราะ ขบวนการ ใช้กับการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคล เช่นขบวนการกู้ชาติ ขบวนการล้มเจ้า เป็นต้น


แต่ขบวนการทำลายล้างพรรคอนาคตใหม่ ก็คือคนในพรรคอนาคตใหม่นั่นเอง
การยุบพรรคอนาคตใหม่ มาจากความผิดที่กรรมการบริหารพรรคเป็นผู้ก่อ
เพียงแต่พรรคอนาคตใหม่มองตัวเองเป็นศูนย์ แล้วเชื่อว่า มีขบวนการจ้องทำลาย
ศาล องค์กรอิสระ รัฐบาล ล้วนถูกเหมาว่าอยู่ในขบวนการทำลายพรรคอนาคตใหม่

๘๑ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เก้าอี้ส.ส.มากขนาดนี้ พรรคอนาคตใหม่ควรจะขอบคุณรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ที่ใช้วิธีการคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นคุณกับพรรคอนาคตใหม่

เพราะหากให้การคำนวณตามรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ หรือ ๒๕๕๐ พรรคอนาคตใหม่ได้ส.ส.มากสุด ไม่ถึง ๕๐ ที่นั่ง
เช่นเดียวกับการอ้างความชอบธรรมเสียงของประชาชนที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ ๖.๓ ล้านเสียง แต่พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า ไม่เคยให้ความสำคัญกับ ประชาชน ๑๖.๘ ล้านคนที่ร่วมลงประชามติรับรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐


หากการยุบพรรคอนาคตใหม่เป็นฟางเส้นสุดท้าย แล้วจะอธิบายอย่างไรกับสิ่งที่เคยเกิด นั่นคือทุนการเมืองอย่างทักษิณได้สร้างความฉิบหายเอาไว้มากมาย

และ “ธนาธร” ก็เดินตามรอย
เป็นทุนผูกขาดในพรรคอนาคตใหม่ แม้กระทั่งที่ทำการพรรคยังอยู่ในชายคาตึกไทยซัมมิท เหมือนที่เพื่อไทยอยู่ใต้ถุนตึกชินวัตร

“คนสวย” อย่าง “ช่อ” น่าจะเข้าใจอะไรง่ายกว่านี้ หากไม่สำคัญตนผิด ดัดจริตคิดว่าตนเองคือสมาชิกสมาชิกรัฐสภาที่ทำหน้าที่รับใช้ประชาชนอย่างสุดจิตสุดใจ ถูกคุกคาม
หรือกระทั่งสังหารเอาชีวิต ขู่จะข่มขืนสม่ำเสมอ

แล้วไปเหน็บแนมว่าไม่เคยเห็นสมาชิกรัฐสภาที่ไม่ทำหน้าที่ถูกคุกคาม


“ศรีนวล บุญลือ” ทำงานในพื้นที่ เขต ๘ เชียงใหม่อย่างหนัก แต่เมื่อพลิกขั้วไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย วันนี้ยังถูกข่มขู่คุกคาม โดยพรรคพวกของ “ช่อ”
เพียงเพราะ ไม่ใช่พวก!

ครับ…นี่คือวิธีคิดแบบยกตนข่มท่าน
วันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพรก.ฉุกเฉินมิได้ใช้เพื่อกำจัดการเมืองฝ่ายตรงข้าม แต่เพื่ออำนวยความสะดวกในการต่อสู้กับโควิด-๑๙ เท่านั้น

แต่ “ช่อ” ก็ยังหยิบฉวยมาสร้างความชอบธรรม ปลุกเร้าว่ากำลังต่อสู้กับเผด็จการ
นับแต่เป็นสื่อเครือข่ายธุรกิจตระกูลชินวัตร จนมาเป็นนักการเมืองใต้ชายคาธนาธร
“ช่อ” ไม่เคยเปลี่ยน.


Written By
More from pp
“สาทิตย์” มอง อาจถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนบางอย่างในรัฐธรรมนูญเพื่อขจัดเงื่อนไขความขัดแย้งในสังคม
24 ก.ย. 2563 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ในการประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณา แก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยระบุว่า
Read More
0 replies on ““ช่อ” ไม่เคยเปลี่ยน”