สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย วันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ (ซาอุดิอาระเบีย 5 ราย, อินเดีย 2 ราย) และเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 24 ราย จึงมีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,310 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.83 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 86 ราย หรือร้อยละ 2.49 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,454 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจาก ซาอุดิอาระเบีย 5 ราย ทุกรายมีสัญชาติไทย แบ่งเป็น เพศชาย 4 ราย อายุ 37 ปี ว่างงาน และอายุ 21 ปี, 22 ปี, 35 ปี อาชีพนักศึกษา, และเพศหญิง 1 ราย อายุ 35 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางมาเที่ยวบินเดียวกันถึงประเทศไทยวันที่ 5 กันยายน 2563 ทุกรายเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ในกรุงเทพมหานคร พบเชื้อจากตรวจครั้งแรก วันที่ 8 กันยายน 2563 (วันที่ 3 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ
อินเดีย 2 ราย สัญชาติไทย เป็นเพศหญิง อายุ 27 ปี และเพศชายอายุ 2 ปี (เป็นมารดา-บุตร) เดินทางมาเที่ยวบินเดียวกัน ถึงประเทศไทยวันที่ 6 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ในจังหวัดชลบุรี โดยพักห้องเดียวกัน มารดาเริ่มป่วยวันที่ 7 กันยายน 2563 ด้วยอาการเจ็บคอ มีเสมหะ จมูกไม่ได้กลิ่น หายใจเหนื่อยบางครั้ง ส่วนบุตรไม่มีอาการ ทั้ง 2 ราย พบเชื้อจากการตรวจครั้งแรกในวันที่ 8 กันยายน 2563 (วันที่ 2 ของการกักตัว) เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี
สถานการณ์ทั่วโลกวันนี้ มีผู้ติดเชื้อสะสม 27,998,403 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 270,103 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 907,055 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 3 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา อินเดีย และบราซิล ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 122 ของโลก
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขณะนี้ สถานการณ์ทั่วโลกยังคงพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนในเอเชียพบผู้ป่วยต่อเนื่องในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินเดียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 95,529 ราย และประเทศเพื่อนบ้านเช่น เมียนมา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ยังคงเข้มมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองป้องกันโรคตามแนวชายแดน และโรงพยาบาลมีความพร้อมทั้งบุคลากร อุปกรณ์ป้องกัน ยาและเวชภัณฑ์พร้อมให้การดูแลรักษาหากพบผู้ติดเชื้อ
นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ และผลการตรวจผู้สัมผัสผู้ต้องขังชายที่พบการติดเชื้อขณะกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำ รวม 1,004 คน พบ 570 คนผลเป็นลบ ที่เหลืออยู่ระหว่างรอผล
แต่ประชาชนจะต้องไม่ประมาท สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่างไม่น้อย กว่า 1 – 2 เมตรหรือ 1 – 2 ช่วงแขน หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดหรือการระบายอากาศเป็นระบบปิด ให้สแกนคิวอาร์โค้ด “ไทย ชนะ” ทุกครั้งที่เข้า-ออกสถานที่ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
สำหรับสถานประกอบการ ขอให้จำกัดจำนวนการเข้าใช้บริการตามที่ราชการกำหนด ตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าใช้บริการ และสแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” เพื่อความสะดวกในการติดตามหากพบผู้ติดเชื้อในสถานที่