ทางตำรวจสน.ทองหล่อ ได้ส่งสำนวน พร้อมความเห็นสั่งฟ้องนายวรยุทธ 3 ข้อหา ขับรถประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ได้รับความเสียหาย และไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานในทันที, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย ให้กับพนักงานอัยการไปเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา
ส่วนการดำเนินการทางวินัยกับตำรวจ 11 คนแรก ได้ส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อปี 2559 ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องกลับมาว่าเป็นวินัยไม่ร้ายแรง ให้ ตร. ลงโทษ ส่วน 10 คนหลังที่เจอ จะตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากพบเป็นคดีอาญา จะต้องส่งไป ป.ป.ช. ขณะที่ 11 คนแรก หากพบมีความผิดใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงหลัง ก็จะส่งให้กองวินัยพิจารณาลงทัณฑ์ และหากพบความผิดเกี่ยวกับมาตรา 157 ก็ต้องส่ง ป.ป.ช. ตามขั้นตอนต่อไป
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวอีกว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อบกพร่อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ต.ร เห็นควรให้จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการสอบสวน เนื่องจากผู้กระทำความผิดอยู่ในหลายสังกัด ส่วนกรณีพิจารณาความบกพร่องของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้ส่งเรื่องให้กองวินัยตั้งกรรมการสอบวินัย ซึ่งไม่ได้หมายความว่า พล.ต.ท.เพิ่มพูน เกี่ยวข้องหรือมีความผิด แต่เพื่อพิจารณาในข้อเท็จจริงส่วนที่เกี่ยวข้อง
ในเรื่องการมอบอำนาจ หลัง ผบ.ตร. ไปพบคณะทำงานของนายวิชา มหาคุณ ได้ออกคำสั่งจะลงมากำกับดูแลการสั่งคดีด้วยตนเอง ขณะที่เรื่องการออกหมายแดง ต้องรอให้ทางอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องก่อน จากนั้นจะส่งมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อออกหมายแดง ส่งเข้าระบบอินเตอร์โพล ประกาศหาถิ่นที่อยู่นายวรยุทธ ไปที่ประเทศสมาชิกทั้งหมด 150 ประเทศ หากมีประเทศใดแจ้งกลับมา ก็ต้องไปพิจารณาเรื่องสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของประเทศนั้นๆ ต่อไป
พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยอมรับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของนายวิชา มหาคุณ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ลงมาดูแลการสั่งคดีด้วยตนเอง ส่วนเรื่องการลงโทษทางวินัยกับตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการทำคดี เรามีการลงโทษมากกว่าที่คณะกรรมการฯ ชุดนายวิชา ส่วนจะมีการสั่งตำรวจที่ถูกดำเนินการทางวินัยทั้ง 21 นาย ให้ช่วยราชการหรือไม่ ถ้าพบว่าตำรวจนายใดหากยังปฏิบัติหน้าที่อยู่แล้วทำให้พยานหลักฐานและการสอบสวนเสียหาย ตนก็จะเสนอ ผบ.ตร.ให้มีคำสั่งให้ตำรวจนายดังกล่าวมาช่วยราชการ
ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร.ที่ถูกพาดพิงว่าเป็นคนพานายสายประสิทธิ เกิดนิยม มาพบพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์ (สบ4) พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ต.อ.สมยศ ไม่ได้เป็นข้าราชการตำรวจ ไม่สามารถเรียก พล.ต.อ.สมยศ มาให้การได้ ซึ่งในเอกสารแถลงข่าวของนายวิชา ไม่ได้ระบุชื่อ พล.ต.อ.สมยศ ระบุเพียงว่านายตำรวจระดับสูง เรื่องนี้ก็ต้องมีสืบค้นหาข้อเท็จจริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ธนสิทธิ ให้การกับคณะกรรมการฯ ของตำรวจว่า พล.ต.อ.สมยศ เป็นผู้พานายสายประสิทธิ์ มาพบ ส่วนประเด็นการแก้วันที่สอบปากคำจากวันที่ 29 ก.พ. เป็นวันที่ 26 ก.พ.ของพนักงานสอบสวน ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ชุดของตน มีการเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับวันที่ไว้หมดแล้ว หลังจากนี้ก็เอามาเปรียบเทียบกับชุดของนายวิชา ว่าเหตุใดข้อมูลไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตามคณะกรรมการวินัยจะตรวจสอบประเด็นนี้อย่างละเอียดต่อไป
เมื่อถามถึงการแจ้งข้อกล่าวหาประมาทร่วมกับ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับ ด.ต.วิเชียร พนักงานสอบได้แจ้งข้อกล่าวหาและมีความสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากผู้ต้องหาถึงแก่ความตาย เรื่องนี้ตนขอพูดในหลักการ หลักปฏิบัติของพนักงานสอบสวน คนที่ตายไปแล้วหากไม่แจ้งข้อกล่าวหา หรือไม่เข้าสู่กระบวนการสอบสวนแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นผู้เสียหายหรือผู้ต้องหา ตรงนี้จะพันกับการเรียกค่าเสียหาย ถ้าหากพบว่ามีการกระทำผิดในบางส่วนพนักงานก็จะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาก่อน
เมื่อถามย้ำว่าการแจ้งข้อกล่าวหากับ ด.ต.วิเชียร ของพนักงานสอบสวนถูกต้องแล้วหรือไม่ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวว่า ตนพูดในหลักการ แต่พอลงในรายละเอียดจะอยู่ที่คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยว่าการแจ้งข้อกล่าวหากับ ด.ต.วิเชียร เพราะอะไร มีเหตุผลอะไรถึงแจ้งข้อหาประมาทร่วม จะต้องสอบปากคำลงรายละเอียดให้มากกว่านี้
“ตำรวจมีกำลังพล 2.5 แสนนาย เราทำดีที่สุด หากเกิดเหตุอะไรไม่ดีเราก็ดำเนินการโดยทันที ไม่มีช่วยกัน เอาตรงๆ ผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก บางครั้งผมเองก็ไม่สามารถดำเนินการได้ตามใจสื่อมวลชน หรือนักเลงคีย์บอร์ดบางคนได้ ส่วนที่นายวิชาระบุว่า ตำรวจบางคนเป็นต้นไม้ที่ต้องฟันทิ้ง ก็คงต้องฟันหากมีพยานหลักฐานว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หรือเกี่ยวข้องกับคดี ในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอย่างร้ายแรง เราก็พร้อมฟัน แล้วก็ส่งเรื่องให้ป.ป.ช.ดำเนินการเลย เดี๋ยวจะหาว่าช่วยกัน”ผู้ช่วย ผบ.ตร.ระบุ