เมื่อได้ยินได้ฟังอะไรมา อย่าไปหูเบาอย่าไปเชื่อง่าย ยิ่งทุกวันนี้ เพราะมีทั้ง เฟซบุ๊กส์ ยูทูป โซเชียล สื่อข่าวต่างๆ ระดมบอกกล่าว พวกที่หูเบาทั้งหลายก็กระโดดโลดเต้น เมื่อได้ยินมาแล้ว
ไม่ได้ฟังเหตุไม่ได้ฟังผล
เขาพูดด้วยเหตุอันใดในการที่เขาพูดหรือเขาแสดงมานั้น
อย่าเป็นผู้หูเบากระโดดโลดเต้น อย่าเป็นคนเชื่อคนง่าย
แต่ก็อย่าเป็นคนหูตึงไม่ยอมฟังใครเลย ถ้าหากไม่ยอมฟังใครเลย
เหมือนกับที่หลวงพ่อเปรียบเทียบให้ฟัง
เหมือนกับถ้วยน้ำชา ๔ ถ้วย ถ้วยหนึ่งคว่ำ ถ้วยหนึ่งหงายแต่ก้นรั่ว
ถ้วยหนึ่งน้ำเต็มแก้ว แต่ถ้วยหนึ่งมันพร่อง น้ำพร่องแก้ว น้ำไม่เต็มแก้ว
หลวงพ่อได้เปรียบเทียบให้ฟังว่า
ไอ้พวกที่น้ำคว่ำแก้ว เทใส่ยังไงก็ไม่เข้า
ถ้าจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับคนทั้งหลาย
ไม่ยอมฟังใคร หัวดื้อหัวรั้นเชื่อแต่ตัวเอง ไม่ยอมเชื่อใคร
ปิดหูปิดตา ไม่ยอมฟังคำเสียงคนผู้หวังดีแนะนำสั่งสอนบอกกล่าว
แก้วอีกใบหนึ่งหงายปากจริงอยู่แต่ก้นรั่ว เทน้ำชาใส่ทีไรรั่วหมด
ถ้าจะเปรียบเทียบกับคนฟังได้ทุกอย่าง ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา
แต่ว่าไม่นำมาประพฤติปฏิบัติ ไม่ได้นำมากลั่นกรองไตร่ตรอง
เพราะมันรับไม่อยู่ เพราะใจมันรั่ว เหมือนกับถ้วยชามันรั่วมันเทน้ำไม่อยู่
แต่แก้วที่สามน้ำชาเต็มแก้ว เทน้ำเท่าไหร่มันก็ล้น
คนประเภทนี้คล้ายๆกับว่ารู้หมดทุกอย่าง ข้านี้รู้หมดทุกอย่าง
อย่ามาสอน อย่ามาพูด ข้ารู้หมดแล้ว
ประเภทนี้ก็มีอีกมากเหมือนกัน
ไม่ยอมฟังคำใคร เป็นผู้ฉลาด รู้หมดทุกอย่าง
แต่พอเอาเข้าจริงๆตัวเองจะฉลาดได้ยังไง
มันรู้แต่เพียงที่รู้เท่านั้นเอง สิ่งมันที่โง่มีตั้งมากมาย
มนุษย์น้ำเต็มแก้วมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน
ถ้าน้ำพร่องแก้ว คือ น้ำไม่เต็มแก้วนี่
พร้อมที่จะรับฟังเหตุผลของผู้ใดใครก็ตามมาเทใส่ก็ฟัง
ถ้าเขาเทมาเขาพูดมามากลั่นกรองดูอีก พูดมานี้มีเหตุมีผล
ถ้ามีแต่เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่นมาใส่ในแก้วไว้
เราพิจารณาดูแล้วไม่ได้เรื่อง
เททิ้ง…ไม่เอา อันนี้คือน้ำไม่เต็มแก้วคือพร้อมที่จะตรวจตราดู
กลั่นกรองไตร่ตรองด้วยเหตุและผล
เพราะฉะนั้นให้พวกเราตรวจตราดูตนเองนะทีนี้
พวกเราเป็นคนประเภทไหน น้ำเต็มแก้ว น้ำพร่องแก้ว
หรือแก้วก้นรั่ว หรือน้ำล้นแก้ว
ให้พวกเราศึกษามองตนเองน่ะ
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “ถ้วยน้ำชา ๔ ถ้วย”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒