หลังประเทศไทยเข้าสู่มาตรการผ่อนคลาย Covid-19 ระยะที่ 5 ทำให้ปัจจุบันมีการ
เดินทางผ่านเข้า – ออกทางบก ทางน้ำ ในพื้นที่ชายแดน ทั้งที่เดินทางผ่านการคัดกรองของภาครัฐกับความพยายามลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งในห้วงที่ผ่านมาปรากฏมีการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองที่ไม่ผ่านการคัดกรองได้ในหลายพื้นที่นั้น
ที่ผ่านมา ในส่วนของกองทัพบก พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการให้กองทัพภาค โดยกองกำลังชายแดนกองทัพบกทั่วประเทศปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวด เน้นการเฝ้าตรวจ ลาดตระเวน ป้องกันมิให้มีการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย หรือไม่ผ่านการตรวจคัดกรอง เพราะจะทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อโรค รวมทั้งมอบให้ทุกหน่วยสนับสนุนแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ของ ศบค.อย่างเต็มที่
ล่าสุด กำชับให้กองกำลังชายแดนกองทัพบก บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน เพิ่มมาตรการสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมือง
ผิดกฎหมายโดยเฉพาะตามช่องทางธรรมชาติ ด้วยการใช้ทั้งเครื่องมือเฝ้าตรวจและการเพิ่มกำลังพลในการปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดน มีการปรับปรุงและเพิ่มเติมเครื่องกีดขวาง การวางลวดหนาม การติดตั้งเครื่องเฝ้าตรวจในพื้นที่ล่อแหลมตามแนวชายแดน การติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างและโซล่าเซลล์ตามเส้นทางที่ติดต่อกับช่องทางธรรมชาติ เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถมองเห็นได้ตลอดเส้นทางเป็นการเพิ่มศักยภาพในการเฝ้าตรวจ
นอกจากนี้ กองทัพภาคได้เพิ่มกำลังทหารทำการลาดตระเวนทั้งกลางวันกลางคืนและเพิ่มความถี่ในการเฝ้าตรวจตามช่องทาง/ท่าข้าม การตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามเส้นทาง ตามแนวชายแดน
พร้อมทั้งมีการประชาสัมพันธ์กับผู้นำชุมชนขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสและกระจายข้อมูลข่าวสาร ควบคู่ไปกับการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น ในความร่วมมือสกัดกั้นแรงงานลักลอบเข้าเมืองอีก โดยจะดำเนินการตามมาตราการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในทุกพื้นที่ชายแดน
อย่างไรก็ตาม กองทัพบกตระหนักดีว่าการซีลชายแดนอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยมาตรการที่เข้มงวดเพื่อตรวจคัดกรองแรงงานต่างด้าว และผู้ที่เดินทางเข้าประเทศตามที่ ศบค.กำหนด ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรการเฝ้าตรวจไม่ให้มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือไม่ผ่านการคัดกรองจากภาครัฐ จะส่งผลดีต่อการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ไม่ให้เข้าสู่ประเทศเพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน