เราทำอะไรก็ตาม เราทำที่ไม่มีโทษทั้งในปัจจุบันและภายหน้า อันนั้นเป็นบุญ อะไรที่เราทำแล้วมีโทษทั้งในปัจจุบันและภายหน้า อันนั้นเป็นบาป
สิ่งที่เราทำทั้งดีทั้งชั่วมันไม่ไปไหนหรอก มันจะเก็บสะสมลงไปที่ใจนี้ ใจเป็นผู้สะสมไว้ สะสมไว้ บุญก็ให้ผลเป็นความผ่องใส บาปก็ให้ผลเป็นความเศร้าหมอง แล้วไม่มีอะไรจะมาลบล้างบุญลบล้างบาปได้ มันมีแต่ว่าเมื่อไรจะถึงคราวที่จะให้ผล มันก็ให้ผล ไม่มีอะไรสามารถลบล้างได้
เมื่อเราทำบุญทำบาป บุญมากกว่าบุญก็ให้ผล แต่ไม่ใช่ว่าบาปไม่มี บาปมันมีแต่ยังไม่สามารถให้ผล ไม่ใช่เราไปเห็นคนเสวยสุข วันนั้นเขาไปทำบาปอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมยังมีความสุขความสบาย ก็ตอนนี้บุญยังให้ผลอยู่ บาปยังไม่ทันให้ผล
ไม่ใช่ว่าบาปไม่มี มันมี แต่ยังไม่ให้ผล เหมือนตาชั่งทอง ข้างทองมันหนักมันก็ลง ข้างตะกั่วมันมีอยู่แต่ไม่หนักเท่าข้างทองมันก็ไม่สามารถลงได้ แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มี เมื่อเราเก็บเอาข้างทองออกไป พอข้างทองมันเบากว่า ข้างตะกั่วมันหนักกว่า มันก็ลง
เหมือนกับเราใช้แต่ส่วนบุญ เสวยไป ไม่ทำบุญเพิ่มขึ้น มันก็ค่อย ๆ จางออก จางออก พอบาปมันหนักกว่าส่วนบุญ มันก็ให้ผล
พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
วัดป่าหนองไผ่ จ.สกลนคร