ผสมโรง
สันต์ สะตอแมน
ส่วนตัวต้องบอก..เห็นด้วย!
กับข่าวคุณสามารถ พยัคฆ์อรุณ จูงมือรุ่นพี่ คุณดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์ อดีตแชมป์มวยไทยเข้าพบนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี
เพื่อปรึกษาหารือ ขอให้นำข้อเสนอเรียกร้อง เรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้พิจารณาให้การช่วยเหลือสนับสนุนกลุ่มนักมวยที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็น “แชมป์โลกมวยสากล” หรือ “แชมป์มวยไทย” ได้มีโอกาสเข้ารับการคัดเลือกเป็น “ศิลปินแห่งชาติ” เหมือนกับศิลปินสาขาอาชีพอื่นๆ บ้าง
อย่างไรก็ตาม แม้จะเห็นด้วย แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ผมห่วงว่าจะมีเสียงคัดค้าน-เห็นต่างขึ้นแน่หลังจากที่ข่าวนี้ได้แพร่กระจาย เพราะมวยไทย-มวยสากล แม้จะถูกยกให้เป็น “ศิลปะ” อีกแขนง
แต่เมื่อการประกาศเกียรติคุณ “ศิลปินแห่งชาติ” ถูกกำหนดไว้เพียง 3 สาขา คือสาขาทัศนศิลป์ สาขาศิลปะการแสดง สาขาวรรณศิลป์
แล้วจะเอาศิลปะมวยไทย ไปบรรจุอยู่ในสาขาไหนล่ะ ถึงจะดูกลมกลืนแบบไม่ตะขิดตะขวง ขัดๆเขินๆ?
ข้อนี้..เห็นจะต้องฝากคุณสุภรณ์ นำไปคิดเป็นการบ้าน เพื่อที่จะได้มีข้อมูล ช่องทางต่อรอง-ต่อสู้กับฝ่ายที่เห็นต่างไว้ก่อนที่จะเข้าพบ-นำข้อเสนอเรียนต่อพล.อ.ประยุทธ์
อีกอย่าง คำว่า “แชมป์มวยไทย” นั้น จะกำหนดหลักเกณฑ์ หลักการแบบไหน อย่างไรที่จะถึงขั้นได้รับการประกาศให้เป็น “ศิลปินแห่งชาติ” ก็ต้องคิดให้หนัก
เพราะต้องไม่ลืมว่า “แชมป์มวยไทย” ที่เห็นเป็นอยู่ ก็มีแชมป์มวยไทยลุมพินี แชมป์มวยไทยราชดำเนิน แชมป์มวยประเทศไทย แชมป์มวยช่อง 7 สี ซึ่งแม้จะได้รับการยกย่องเป็น “สุดยอดมวยไทย”..
แต่หากถามคนในวงการมวย คำตอบที่ได้ก็น่าจะไม่ต่างกัน นั่นคือ.. “ยังไม่ถึงขั้นได้เป็นศิลปินแห่งชาติ”!
ก็..อย่างที่บอก คุณสุภรณ์ต้องทำการบ้าน ศึกษารายละเอียดให้มาก จะทำอย่างไรที่จะไม่ให้ถูกต้อนเข้ามุมจากอีกฝ่าย ให้ชัวร์ต้องหา “พี่เลี้ยง”เชิงมวยดีๆ-เก่งๆ มาช่วยเทรนแล้วล่ะ!
ครับ..ดาราก็จาก ผู้กำกับก็ไป นักร้องก็ลา ครานี้ก็ถึงเวลาของโรงภาพยนตร์บ้าง..เฟซบุ๊ก Apex Scala โพสต์ข้อความ.. “LA SCALA ลาสกาลา” วันที่ 3 กรกฎาคม 2563 โรงภาพยนตร์จะเปิดไฟทุกดวง
เพื่อให้มาเก็บภาพความสวยสง่า และบรรยากาศที่แสนมีเสน่ห์ ให้ความสว่างไสวของแสงไฟอยู่ในความทรงจำร่วมกัน
สยามสแควร์เคยมีโรงหนังขนาดใหญ่สามทหารเสือ สยาม ลิโด สกาลา จนเป็นส่วนสำคัญที่ให้สยามสแควร์เติบโตเป็นทำเลทองทางธุรกิจที่เจริญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
และปฏิเสธไม่ได้ว่าความโอ่อ่าทำให้สกาลามีฐานะเป็น “ราชาโรงหนังแห่งสยาม”
ด้วยความช่วยเหลือเกื้อกูลของกัลยาณมิตร “หอภาพยนตร์” กรุณาคัดสรรภาพยนตร์มาฉาย เพื่อปิดม่านการฉายภาพยนตร์ในวันที่ 4 และ 5 กรกฎาคม 2563”
สรุป..คือ “โรงหนังสกาลา” ปิดกิจการอย่างถาวร..R.I.P.!