เสาร์นี้ไม่รู้จะคุยอะไร!
การบ้าน-การเมืองก็วนๆ อยู่กับเรื่องฝ่ายค้านขู่นายกฯ วันที่ ๑๘ กันยา.ต้องมานั่งฟังอภิปรายเรื่องถวายสัตย์ฯให้ได้นะ
อย่าหนี!
เว้นแต่เปลี่ยนชื่อจาก “ตู่” เป็น “ปู”
แบบนี้ ฝ่ายค้านอนุญาตให้หนีไป ว.๕ ชั้น ๗ ได้!
นอกจากเรื่องถวายสัตย์ฯ ก็เรื่องน้ำท่วมอีสานของคนการเมืองน้ำเน่า
ทหาร หน่วยอาสา ข้าราชการ เขาลุยน้ำ ลอยคอ ไปช่วยชาวบ้านกันหามรุ่ง-หามค่ำ
แต่ไอ้ตี๋หัวตั้ง ดอดลงไปจัดฉากเซลฟี่เอาภาพมาลงโซเชียล แล้วบรรดาสมุนก็เป่าตูดกันยกใหญ่ ว่าลงไปช่วยชาวบ้าน!
แล้วยังมีเรื่องอะไรอีก…อ้อ!
เรื่องพรรคเล็กอดได้เก้าอี้ประธานกรรมาธิการ ประกาศแยกวงจากรัฐบาลไปสันถวะฝ่ายค้าน
รัฐบาลหายไปอีก ๑ เสียง เดี๋ยวฝ่ายค้านก็คงนับมือ-นับตีนมาเถียง ว่าเสียงฝ่ายข้ามากกว่าฝ่ายเอ็งแล้วนะ
ฉะนั้น เอ็งลง ให้ข้าขึ้น!
ก็สนุกดี ประชาธิปไตยเลือกตั้ง ยิ่งเลือก ยิ่งได้เปลือกแทนเนื้อ “คนเลือก” คือชาวบ้านและบ้านเมืองเสียประโยชน์
“คนได้รับเลือก” คือสส.และบรรดาสมุนเปรมประโยชน์
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า…….
ทุกขโต ทุกขถานัง ก็เลือกเอง (ไม่รู้จักจำ) ทุกข์เอง แล้วจะโทษใครเขาล่ะ?
แต่เรื่องนี้…น่าสนใจกว่า
เมื่อวาน (๖ กย.๖๒) ที่อาคารศาลฎีกา มีคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ออกมาแล้ว
ก็คดีที่อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ “นายบุญทรง-นายภูมิ” กับพวกรวม ๒๘ คน เป็นจำเลย และอยู่ในคุกนั่นแหละ
ศาลอ่านคำพิพากษาอุทธรณ์ตั้งแต่เที่ยง ไปเสร็จเอาทุ่มกว่า
คือ คดีนี้…….
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ตัดสินไปเมื่อ ๒๕ สค.๖๐
ให้จำคุกนายบุญทรงและจำเลยร่วม รวม ๑๕ ราย คนละ ๔-๔๘ ปี และยกฟ้องกลุ่มเอกชน ๘ ราย
อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ………
ขอให้เพิ่มโทษจำเลยบางคนและให้ลงโทษกลุ่มบริษัทโรงสีข้าว
จำเลยก็ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ตามกฎหมายใหม่ด้วยเช่นกัน
มีคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ เมื่อวาน สรุปเป็นดังนี้
พิพากษาแก้…….
จำคุกนายบุญทรง “จำเลยที่ ๒” เพิ่มอีกกระทงหนึ่ง เป็นเวลา ๖ ปี รวมโทษจำคุกนายบุญทรงจากเดิม ๔๒ ปี เป็นจำคุกทั้งสิ้น ๔๘ ปี
ให้ลงโทษกลุ่มบริษัทโรงสี…….
“นายปกรณ์ ลีศิริกุล” กรรมการบริษัท จำเลยที่ ๒๖ และ “นางประพิศ มานะธัญญา” กรรมการบริษัท เจียเม้ง จำกัด จำเลยที่ ๒๘ คนละ ๔ ปี
ปรับคนละ ๒๕,๐๐๐ บาท
ปรับนิติบุคคล ซึ่งเป็นโรงสีอีก ๔ ราย คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร จำเลยที่ ๒๒
บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด โดย “นายทวี อาจสมรรถ” กรรมการ จำเลยที่ ๒๔ บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด จำเลยที่ ๒๕
และบริษัท เจียเม้ง จำกัด จำเลยที่ ๒๗ อีกรายละ ๒๕,๐๐๐ บาท
โดยที่การกระทำของ “นายทวี อาจสมรรถ” หุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยที่ ๒๓ เป็นความผิดหลายกรรม
ให้ลงโทษ ๒ กระทง รวมจำคุกจำเลยที่ ๒๓ จำนวน ๘ ปี และปรับ ๕๐,๐๐๐ บาท
โดยที่พฤติการณ์ของกลุ่มโรงสี จำเลยที่ ๒๓,๒๖,๒๘ นั้น เห็นสมควรให้รอลงอาญาไว้คนละ ๓ ปี
นอกจากนี้ ยังให้กลุ่มโรงสีจำเลยที่ ๒๒-๒๓ ชดใช้เงิน ๒๗ ล้านบาท ให้กับกระทรวงคลัง
จำเลยที่ ๒๕-๒๖ รวมกันชำระเงิน ๑๕ ล้านบาท
และจำเลยที่ ๒๗-๒๘ ให้ร่วมกันชดใช้เงิน ๕๕ ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ได้มีการกำหนดในคำพิพากษานี้ ตามที่อัยการสูงสุด โจทก์ ยื่นอุทธรณ์
นอกจากที่แก้ ………
ให้เป็นไปตามที่ศาลฎีกาฯมีคำพิพากษา
ครับ คดีนี้ ก็ “ถึงที่สุดแล้ว”!
โดยเริ่มจากที่อัยการยื่นฟ้องเมื่อ ๑๕ มีค.๕๘ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาไป เมื่อ ๒๕ สค.๖๐ จำคุก “นายภูมิ สารผล” อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ ๑ รวม ๒ กระทง ๓๖ ปี
ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา (ฮั้วประมูล) มาตรา ๑๒ ซึ่งเป็นบทหนัก
จำคุก “นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์” รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ ๒ รวม ๓ กระทง ๔๒ ปี
ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา (ฮั้วประมูล) มาตรา ๑๒ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๕๑
ส่วนจำเลยที่ ๑๙,๒๒,๒๓,๒๔,๒๕,๒๖,๒๗,๒๘ ยกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอให้รับฟังว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
แต่ในชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คือเมื่อวาน…..
พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกคนละ ๔ ปี รอลงอาญา ๓ ปี
ในคดีนี้ จำเลยทั้งหมดมี ๒๘ คน
นอกจากที่ชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์พิพากษาแก้เมื่อวานแล้ว รายอื่นๆ ที่เหลือ เป็นไปตามที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองพิพากษาไว้แล้ว เมื่อ ๒๕ สิงหา.๖๐
ก็วันที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ทูนหัวทูลเกล้าของพรรคเพื่อไทย โทรหลอกบุญทรง
“พี่รอหนูแป๊บนะ กำลังมา”
แล้วถลกตูดแน่บ ออกช่องทางธรรมชาติ ทิ้งบุญทรงติดคุกถึงวันนี้นั่นแหละ!
อ่านข่าวพบแต่คำว่า จำเลยที่เท่านั้น-เท่านี้ อาจอยากกันทราบว่า แล้วใคร-เป็นใครกันบ้าง?
อย่างนั้นก็ เอาเป็นโพยนี่ไว้ตรวจหวยเลยละกัน
-นายภูมิ สาระผลอดีต รมช.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกก.พิจารณาระบายข้าว จำเลยที่ ๑ (คุก ๓๖ ปี)
-นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกก.พิจารณาระบายข้าว ที่ ๒ (คุก ๔๒ ปี)
-พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ที่ ๓ (คุก ๕๐ ปี-หนี)
-นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่ ๔ (คุก ๔๐ ปี)
-นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่ ๕(คุก ๓๒ ปี)
-นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ที่ ๖ (คุก ๒๔ ปี)
-นายสมคิด เอื้อนสุภา ที่ ๗
-นายรัฐนิธ โสจิระกุล ที่ ๘
-นายลิตร พอใจ ที่ ๙
-บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่ ๑๐
-น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ที่ ๑๑
-น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ ที่ ๑๒
-น.ส.สุทธิดาหรือสุธิดา ผลดี หรือจันทะเอ ที่ ๑๓ -นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร ที่ ๑๔(คุก ๔๘ ปี)
-นายนิมล หรือโจ รักดี คนสนิทเสี่ยเปี๋ยง ที่ ๑๕(คุก ๓๒ ปี)
-นายสุธี เชื่อมไธสง คนสนิทเสี่ยเปี๋ยง ที่ ๑๖(คุก ๓๒ ปี)
-นางสุนีย์ จันทร์สกุลพร ญาติเสี่ยเปี๋ยง ที่ ๑๗
-นายกฤษณะ สุระมนต์ ที่ ๑๘
-นายสมยศ คุณจักร ที่ ๑๙
-บริษัท กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดหรือบริษัท สิราลัย จำกัด ที่ ๒๐
-น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร ลูกสาวเสี่ยเปี๋ยง ที่ ๒๑
-ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร ที่ ๒๒
-นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ ที่ ๒๓
-บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด โดยนายทวี อาจสมรรถ กรรมการ จำเลยที่ ๒๔
-บริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ (2002)จำกัด ที่ ๒๕
-นายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท ที่ ๒๖
-บริษัท เจียเม้ง จำกัด ที่ ๒๗ และ
-นางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท ที่ ๒๘
สำหรับ “บจก.สยามอินดิก้า” จำเลยที่ ๑๐ ให้ปรับรวม ๔ กระทงเป็นเงิน ๑ ล้านบาท
และให้บจก.สยามอินดิก้า,เสี่ยเปี๋ยง และนายนิมล ร่วมกันชดใช้กระทรวงการคลัง ๑๖,๙๑๒,๑๒๘,๒๗๓.๖๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ นับแต่วันที่รับมอบข้าวตามสัญญาแต่ละฉบับ
นอกนั้น ยกฟ้อง
แต่ อ้อ….เกือบลืม………
ยิ่งลักษณ์เมื่อหนีไป เมื่อ ๒๗ กันยา.๖๐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาลับหลัง
ในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
จำคุก “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ๕ ปี
มติเป็นเอกฉันท์ “ไม่รอลงอาญา”