สธ.เพิ่มค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกโรคโควิด 19 ช่วงผ่อนปรน

กระทรวงสาธารณสุข เพิ่มการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยง เน้นกลุ่มกลับจากต่างประเทศ บุคลากรทางการแพทย์ และสถานที่ชุมนุมของคนจำนวนมากในช่วงผ่อนปรนมาตรการ เป็นแนวปฏิบัติและการตัดสินใจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และกทม. ผลดีดีซี โพลล์ ครั้งที่ 8 พบประชาชนล้างมือเพิ่มขึ้น แต่สวมหน้ากากลดลง

บ่ายวันนี้ (7 พฤษภาคม 2563) ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยพบผู้ป่วยโรคโควิด 19 รายใหม่จำนวนน้อยลง รัฐบาลได้ผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ มากขึ้น หากประชาชนหย่อนการป้องกันตนเอง อาจทำให้สถานการณ์กลับมาพบผู้ป่วยระลอกสอง

เพื่อเป็นการควบคุมโรคในระยะยาว กระทรวงสาธารณสุข ได้เพิ่มการเฝ้าระวังเชิงรุก ค้นหาผู้ติดเชื้อทั้งในกลุ่มเสี่ยง และสถานที่เสี่ยง จากเดิมที่เน้นเฉพาะการตรวจค้นหาในผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือคนในครอบครัว และเป็นแนวปฏิบัติสำหรับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพฯ โดยมอบให้อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของคณะกรรมการฯ พิจารณาจากสถานการณ์ของพื้นที่เป็นหลัก โดยจะสนับสนุนการตรวจด้วยเทคโนโลยีที่ประหยัดมากขึ้น เช่น การตรวจเชื้อในน้ำลายแทนการตรวจจากโพรงจมูก การตรวจโดยการนำตัวอย่างมาตรวจรวมกันในครั้งเดียว 5 ถึง 10 ตัวอย่าง (Pooled Sample) กำหนดค่าเป้าหมายการตรวจไว้ที่ 6,000 คนต่อประชากรล้านคน คาดประมาณการตรวจ 85,000 คนต่อเดือน

ทั้งนี้ ประชากรกลุ่มเสี่ยง หมายถึงกลุ่มที่มีแนวโน้มอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น แรงงานต่างด้าวที่อยู่รวมกันในที่พักหรือโรงงาน ผู้ต้องขัง ผู้ต้องกักในศูนย์กักกันคนเข้าเมือง หรือกลุ่มที่มีโอกาสพบปะผู้คนจำนวนมาก เช่น บุคลากรหรือพนักงานต้อนรับประจำรถสาธารณะ อาชีพเสี่ยงอื่น ๆ หรือกลุ่มที่มีแนวโน้มพบปะผู้ป่วยสูง คือ บุคลากรทางการแพทย์ ส่วนสถานที่เสี่ยง ได้แก่ ตลาดนัด ศาสนสถาน สถานีขนส่งผู้โดยสาร สถานีรถไฟฟ้า ชุมชนแออัด เป็นต้น

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคได้สำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับโควิด 19 และการเว้นระยะห่าง หรือ ดีดีซี โพลล์ (DDC poll) 8 ครั้ง ตั้งแต่มกราคม – 5 พฤษภาคม 2563 ในกลุ่มตัวอย่าง 27,843 คน พบว่า การล้างมือด้วยน้ำและสบู่ และแอลกอฮอล์เจลเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหลังการเข้าห้องน้ำ ก่อนและหลังการรับประทานอาหาร จากครั้งที่ 1 ร้อยละ 61.2 เป็นร้อยละ 92.7 ในครั้งที่ 8 การสวมหน้ากากเมื่อมีอาการเจ็บป่วย เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อเพิ่มขึ้น จากครั้งที่ 1 ร้อยละ 56.2 เป็นร้อยละ 74.6 ในครั้งที่ 8 แต่มีอัตราการสวมหน้ากากลดลงจากครั้งที่ 5 ที่พบร้อยละ 94.9 ซึ่งเป็นช่วงที่มีรายงานผู้ป่วยจำนวนมาก ส่วนการสวมหน้ากากเมื่อไม่มีอาการเจ็บป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้รับเชื้อลดลง จากครั้งที่ 3 ร้อยละ 93.5 เป็นร้อยละ 75.7 ในครั้งที่ 8 นอกจากนี้ยังพบว่ามีประชาชนไม่สวมหน้ากากเพิ่มขึ้นเมื่อไม่มีอาการเจ็บป่วย เป็นร้อยละ 2.1

สำหรับการเว้นระยะห่าง พบว่า ประชาชนรับรู้ว่าต้องเว้นระยะห่างจากผู้อื่น 1-2 เมตร เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 72.3 เป็นร้อยละ 94.1 แต่การลดความถี่และระยะเวลาในการไปในพื้นที่สาธารณะไม่เปลี่ยนแปลงมาก อาจเป็นเพราะประชาชนเชื่อว่า การเว้นระยะห่างทางกายช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อลดลงจากร้อยละ 84.8 เป็นร้อยละ 78.1 นอกจากนี้ พบว่าต้องการให้ภาครัฐจัดจำหน่ายหน้ากากราคาถูก มีจุดแอลกอฮอล์เจลบริการ และเข้มงวดการคัดกรองผู้ใช้บริการสถานที่สาธารณะต่างๆ

“แม้รัฐบาลจะผ่อนปรนมาตรการ แต่ประชาชนต้องไม่ผ่อนการปฏิบัติตัว ยังคงต้องปฏิบัติตัวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 ทั้งการล้างมือบ่อย ๆ การสวมหน้ากากเมื่อออกนอกบ้านทุกครั้ง การเว้นระยะห่าง และลดกิจกรรมที่ทำร่วมกับผู้อื่นจำนวนมาก” นายแพทย์สุวรรณชัยกล่าว

Written By
More from pp
พร้อมเป็นนายกฯ แต่ไม่ใช่เพื่ออำนาจ! “อนุทิน” ลั่นเพื่อชาติเท่านั้น เคลียร์ปมคำถาม “ช่อ พรรณิการ์” เพราะไม่รู้จักกันจริง!
เมื่อการเมืองไทยยังเต็มไปด้วยการต่อรอง การข้ามขั้ว และกระแสข่าวลือเรื่อง “นายกฯ คนใหม่” สปอตไลต์ก็กลับมาจับจ้องที่หนึ่งในตัวเต็ง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอย่าง คุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยในวันนี้ เจ้าตัวได้มาเปิดใจแบบหมดเปลือก บนเก้าอี้ รายการ คนดังนั่งเคลียร์...
Read More
0 replies on “สธ.เพิ่มค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกโรคโควิด 19 ช่วงผ่อนปรน”