“ฟื้นฟู ขสมก.”เปลี่ยนอดีตสู่อนาคตอย่างยั่งยืน “ยืนหยัดการเดินทางเคียงคู่คนกรุงฯ ‘ราคาถูก-รถสบาย-เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม’ พร้อมเป็นต้นแบบ รัฐวิสาหกิจ ต่อไป..”

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานรัฐวิสหกิจ ภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูกิจการ สืบเนื่องมาจากตลอดระยะเวลา 43 ปี ก้าวเข้าสู่ปีที่ 44 ในเดือนตุลาคมนี้ มีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ผนวกกับมีภาระหนี้สินสะสมมหาศาล หนำซ้ำยังมีดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้นด้วยทั้งนี้ จากข้อมูลเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมานั้น ขสมก. มีหนี้สินสะสมรวม 169,507.311 ล้านบาท พร้อมทั้งมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ไม่เพียงเท่านั้น หลายคนคงอาจจะเอ่ย เมื่อได้ยินหน่วยงาน “ขสมก.” คงจะกล่าวว่า ถือเป็นหน่วยงานให้บริการขนส่งสาธารณะที่ไม่ค่อยปรับปรุงการให้บริการ สะท้อนจากสภาพรถโดยสาร (รถเมล์) ที่มีสภาพรถชำรุด ทรุดโทรม เนื่องจากมีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี ครั้นจะซ่อมบำรุงนั้น ก็มีราคาสูง เป็นเหตุให้รถเมล์บางคัน จึงต้องจอดเสียไม่สามารถซ่อมได้ และส่งผลให้มีจำนวนรถไม่เพียงพอ ต่อการให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึงในท้ายที่สุด

ด้วยปัจจัยดังกล่าวข้างต้นนั้น ล่าสุด “กระทรวงคมนาคม” โดย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เร่งเครื่องเดินหน้าแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมาเห็นชอบในหลักการของแผนฟื้นฟูดังกล่าว โดยในขณะนี้ได้ดำเนินการเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกระทรวงคมนาคมได้เสนอไปยังคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) พิจารณา และคาดว่าจะเสนอ ครม. ได้ภายในกรกฎาคม 2563

สำหรับการดำเนินการแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. นั้นต้องถือได้ว่า ได้เริ่มสตาร์ทอย่างเป็นทางการ เมื่อ “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ได้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้กำหนดให้เป็น”นโยบายเร่งด่วน”ของกระทรวงคมนาคม และวางเป้าหมายให้ ขสมก. ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ ให้บริการประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างมีคุณภาพ จะต้องไม่เป็นภาระต่องบประมาณของรัฐในอนาคต และที่สำคัญที่สุด คือการจัดเก็บราคาค่าโดยสารที่เหมาะสม และมีราคาถูกลงกว่าเดิม เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน

นอกจากนี้ยังวางแนวทางให้ ขสมก. จะต้องเป็นหน่วยงานที่ช่วยแก้ปัญหามลภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 เนื่องจากปัญหาดังกล่าว ส่วนใหญ่แล้ว จะมาการเผาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า ขสมก. ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุนั้น ด้วยเหตุนี้ แผนการดำเนินการของ ขสมก. ในอนาคตนั้น จะนำรถปรับอากาศมาวิ่งให้บริการทั้งหมด เพื่อเป็น”มิตรต่อสิ่งแวดล้อม” รวมถึงไม่สร้างปัญหาการจราจร โดยการปฏิรูปเส้นทางไม่ให้ทับซ้อน พร้อมจัดช่องทางเดินรถเฉพาะ บริเวณชิดเกาะกลางถนน (บัสเลน) ห้ามรถประเภทอื่นเข้าไปวิ่งใช้ ตามที่ได้ไปดูต้นแบบจากประเทศเกาหลีใต้มาประยุกต์ใช้

ฟื้นฟู ขสมก. แล้วได้อะไร?

สำหรับแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. นั้น วัตถุประสงค์ที่สำคัญในการดำเนินการ ได้กำหนด 5 ด้าน ได้แก่

1.เพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชนด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่หรือE-TICKET ด้วยการกำหนดค่าโดยสารให้มีราคาที่ถูกลง โดยจะจัดเก็บค่าโดยสารตั๋ว 30 บาท/คน/วัน ในส่วนกรณีตั๋วรายเดือน จะมีค่าเฉลี่ย 25 บาท/คน/วัน ซึ่งจากข้อมูลของผลการศึกษา พบว่า จะทำให้มีราคาถูกลงกว่าในปัจจุบันประมาณ 20 บาท/วัน

2.แผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ที่จัดทำขึ้นมานั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการจราจรติดขัด โดยการปฏิรูปหรือปรับปรุงเส้นทางเดินรถ จากในปัจจุบัน 269 เส้นทาง เหลือ 162 เส้นทาง แบ่งเป็น ขสมก. 108 เส้นทาง และเอกชน 54 เส้นทาง นอกจากนี้ ยังจะทำให้ ขสมก.และผู้ประกอบการเอกชนสามารถลดจำนวนรถที่จะนำมาให้บริการลง 300-500 คัน จากเดิมใช้รถจำนวน 4,800- 5,000 คัน เมื่อดำเนินการตามแผนจะเหลือรถที่ให้บริการแค่ 4,500 คัน

3.เพื่อเป็นลดปัญหามลภาวะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากรถที่จะนำมาวิ่งให้บริการในอนาคตนั้น จะต้องเป็น NGV หรือรถเมล์ไฟฟ้า (EV) เท่านั้น พร้อมทั้งเป็นรถที่ประกอบในประเทศไทย ที่มีสัดส่วนของมูลค่าวัสดุอุปกรณ์ที่ผลิตในไทยไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่าฯ ทั้งนี้ ตามแผนการจัดเช่ารถปรับอากาศนั้น จะทยอยรับมอบล็อตแรกในช่วงเดือนมีนาคม 2564 และครบทั้งหมดภายในเดือนกันยายน 2565 ด้วย

4.เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการขาดทุนของ ขสมก. อย่างยั่งยืน โดยมีแผนให้ กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาฯ (EBITDA) เป็นบวกในปี 2572 จากการดำเนินการ และ 5.เพื่อให้ ขสมก.สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และไม่เป็นปัญหาต่องบประมาณของภาครัฐ โดยขสมก.ขอรับเงินสนับสนุนการเดินรถเพื่อการให้บริการสังคม (PSO) ระยะเวลา 7 ปี (2565-2571) วงเงินรวมไม่เกิน 9,675 ล้านบาท และเลี้ยงตัวเองได้ตั้งแต่ปี 2572 (EBITDA ไม่ติดลบ)

ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และทุ่มเท ของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แผนงานการฟื้นฟู       ขสมก.ก้าวมาสู่ความคืบหน้าที่สำคัญ

“ในช่วงแรกๆ ขสมก.จะมีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย แต่ถ้าดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. แล้ว หนี้ก็จะหมดไป สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ไม่เป็นภาระต่องบประมาณภาครัฐ ที่สำคัญยังเป็นการช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนด้วย ส่วนรถใหม่ที่จะเอามาวิ่งให้บริการนั้น ผู้ประกอบการที่จะมารับวิ่งต้องหารถมาเอง พนักงานของตัวเอง เติมน้ำมันเอง และซ่อมบำรุงเอง ซึ่งไม่ต้องห่วง เพราะว่าได้มีการศึกษามาแล้ว พบว่า หากมีการเก็บค่าโดยสารตลอดทั้งวันในราคา 30 บาท ในส่วนของเอกชนสามารถที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ได้”

นอกจากนี้ ต้องยอมรับว่าการดำเนินการในครั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาของ ขสมก. เนื่องจากหากดำเนินการได้สำเร็จนั้น จะเป็นประโยชน์กับประชาชนเป็นอย่างมาก ผนวกกับการใช้หลักธรรมาภิบาลมาประยุกต์ในการดำเนินการ โดย “โปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดตามระเบียบกฎหมาย”

… เชื่อว่า การฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ในครั้งนี้ จะนับเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์ของกระทรวงคมนาคม ที่ทำให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ที่มีหนี้สะสมมาอย่างยาวนาน จะสามารถปลดล็อคและกลับมายืนได้ด้วยตัวเองในอนาคต และจะทำให้ตรงตามเจตนารมย์ที่ กระทรวงคมนาคม ยุค “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เคยกล่าวไว้ว่า

“เชื่อว่าหาก ขสมก. สามารถดำเนินการได้ตามแผนฯ จะทำให้ ขสมก.มีผลประกอบการเป็นบวก และสามารถดูแลตัวเองได้ พร้อมทั้งจะเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแรกที่มีการดำเนินการไม่ขาดทุน รวมถึงเป็นต้นแบบให้กับรัฐวิสาหกิจอื่นได้วย” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมให้คำมั่นปิดท้าย

Written By
More from pp
Work from Home อย่างไร ไม่ส่งผลร้ายต่อกระดูกและข้อ
ในห้วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับโรค Covid–19 ที่กำลังระบาดในขณะนี้ มีหลายคนต้องปรับตารางการทำงาน เพื่อรองรับกับสถานการณ์การระบาด และจำเป็นต้องทำงานจากที่บ้าน หรือที่เรียกกันว่า Work from Home ซึ่งการที่ต้องเปลี่ยนสถานที่จากที่ทำงานมาเป็นที่บ้านก็มีบางปัจจัยที่อาจทำให้เกิดความไม่สบาย หรือเกิดความเจ็บป่วยของโรคทางกระดูกและข้อได้
Read More
0 replies on ““ฟื้นฟู ขสมก.”เปลี่ยนอดีตสู่อนาคตอย่างยั่งยืน “ยืนหยัดการเดินทางเคียงคู่คนกรุงฯ ‘ราคาถูก-รถสบาย-เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม’ พร้อมเป็นต้นแบบ รัฐวิสาหกิจ ต่อไป..””