วันที่ 21 เม.ย.63 เวลา 10.30 น. บริเวณ พรมแดนไทย-มาเลเซีย พื้นที่ท่าบ่อดิน บ้านตันหยงมะลิ ต.สุไหงโกลก อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเดินทางลงพื้นที่ตรวจติดตามการรับคนไทยจากประเทศมาเลเซียกลับเข้าประเทศ ภายหลังมีการเปิดด่านตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา
ซึ่งพบว่า มีคนไทย แอบลักลอบเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติที่ผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดน จังหวัดนราธิวาส จำนวนมาก
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้พบปะพูดคุยพร้อมเน้นย้ำให้กองกำลังป้องกันตามแนวชายแดน ตรวจคุมเข้มช่องทาง ท่าข้ามธรรมชาติตลอดแนวชายแดน ไทย-มาเลเซียป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรค COVID-19 ก่อนจะมอบเครื่องอุปโภค บริโภค และเงินบำรุงขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่
โดยมี พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ร่วมคณะลงพื้นที่ ขณะที่ภาพรวมการดูแลคนไทยกลับเข้าประเทศตามด่านชายแดนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ขอให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน กำลังพลทุกนายที่เสียสละ ปฏิบัติหน้าที่ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเต็มที่
ทั้งนี้การดูแลพื้นที่ตามแนวชายแดนตั้งแต่ จ.สตูล ถึง จ. นราธิวาส ซึ่งมีสภาพเป็นพื้นที่ ป่า ภูเขา และลำน้ำ ทำให้มีช่องทางธรรมชาติที่สามารถลักลอบเข้ามาได้โดยตลอด ก็ได้เน้นย้ำให้กองกำลังป้องกันแนวชายแดน ได้ตรวจตรา ลาดตระเวน คุมเข้ม ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกัน สกัดกั้น ไม่ให้มีการลักลอบใช้ช่องทางเหล่านี้ข้ามเข้ามาได้
และหลังจากได้มาดูพื้นที่ก็จะให้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เสริมไฟส่องสว่างมาติดตั้งตลอดแนวริมแม่น้ำสุไหงโกลก เพื่อไม่ให้เข้ามาได้โดยสะดวก
ส่วนการดูแลคนไทยที่เดินทางกลับเข้ามา ณ ขณะนี้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว โดยได้อำนวยความสะดวกให้กับคนไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
โดยคนที่เข้ามาจะต้องได้รับการดูแลและเข้าระบบตามศูนย์ Local Quarantine รวมทั้งต้องผ่านระบบคัดกรองโรคของกระทรววงสาธารณสุข ซึ่งทหารได้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนข้ามกลับเข้ามา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องตรวจสอบข้อมูลประวัติอาชญากรรม ตรวจสอบที่อยู่จริง การพิสูจน์ทราบการมีตัวตนของผู้ที่เข้ามา เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง ที่ต้องทำควบคู่กันไป
ทั้งนี้ ตลอด 4 วันที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาสในการบูรณาการการทำงานร่วมกัน
ด้าน พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากเปรียบเทียบกับจังหวัดอื่นก็ถือว่ายังคงมีความรุนแรง สืบเนื่องจากการเดินทางกลับเข้าประเทศของกลุ่มที่ไปปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศเพื่อนบ้าน จนเกิดการแพร่ระบาดกระจายในครอบครัว และภายในกลุ่มผู้ปฏิบัติศาสนกิจกันเอง
และเมื่อ 3 วันที่ผ่านมายังได้มีคนไทยที่ทำงานในมาเลเซียเดินทางกลับมาเป็นจำนวนมาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เสริมกำลังในการเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการหลบหนีเข้าเมือง โดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดวิธีมาตรการในการรองรับไว้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้ามาถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคและกักกันตัว ไม่ให้หลุดรอดไปได้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ
สำหรับในพื้นที่ชุมชนหมู่บ้าน ได้จัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนลงพื้นที่สร้างความเข้าใจในการป้องกันการแพร่ระบาด นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ตลอดจนภาคเอกชน จัดทำถุงยังชีพแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในขั้นต้น แล้วกว่า 10,000 ชุด
ทั้งนี้ ตั้งแต่มีการเปิดให้คนไทยเดินทางกลับเข้ามาตั้งแต่ วันที่ 18 -20 เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้มีคนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ไปทำงานในประเทศมาเลเซียเดินทางเข้ามาทางด่านพรมแดนสุไหงโกลก แล้วกว่า 832 คน เป็นแรงงานที่ถูกกฎหมาย จำนวน 157 คน และลักลอบหนีเข้ามาอีกกว่า 672 คน (ข้อมูล ณ. วันที่ 21 เม.ย.เวลา 13.00น.)
โดยทุกคนเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคของกระทรวงสาธารณสุข และเข้ากักกันตัวยังศูนย์ Local Quarantine ของแต่ละพื้นที่เป็นเวลา 14 วัน