ผักกาดหอม
ยังอยู่ในน้ำท่วมหาดใหญ่ครับ…
เพราะปัญหามันมากขึ้นเรื่อยๆ
เอาเฉพาะที่ต้องแก้เฉพาะหน้า ตั้งแต่การกู้ภัย และต่อด้วยการฟื้นฟู ระหว่างทางรัฐบาลจะถูกด่าอีกเยอะครับ
เห็นพรรคการเมืองมะรุมมะตุ้มกันที่หาดใหญ่แล้ว อดคิดไม่ได้ว่าจะมีพรรคการเมืองไหน มีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ภัยธรรมชาติ อย่างจริงจัง เหมือนเอานโยบายประชานิยม แจกเงินชาวบ้านเป็นนโยบายหลักกันบ้าง
โพสต์ของ “ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์” นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล น่าสนใจครับ
“…วันนี้ผมมีพูดที่พรรคประชาธิปัตย์ เขาติดต่อไว้นานแล้ว หัวเรื่องคือการรับมือภัยพิบัติในยุคโลกร้อน ในกรณีหาดใหญ่ จากการสื่อสารที่ผิดพลาดในช่วงต้น คนกลับเข้าไปในช่วงรอยต่อระลอก ๑-๒ ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดในการรับมือภัยพิบัติ นั่นคือมีผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมาก
มาถึงการช่วยเหลือของภาครัฐ การประเมินสถานการณ์ที่ไม่ดีพอ การใช้ระบบแบบเดิมๆ คือสั่งการ ทำให้เกิดการทำงานที่เชื่องช้าและสับสน
การประสานงานที่วุ่นวาย การสื่อสารที่ขาดหาย และการไม่ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทุกอย่างที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สุดท้ายแล้วภาคประชาชนคือพระเอก ทุกท่านที่กรุณาเสียสละลงไปกู้ภัยและช่วยชาวบ้าน
แต่ภาคประชาชนก็คงทำได้เพียงซัพพอร์ต เราต้องการภาครัฐให้นำทาง แต่มันก็ไม่ค่อยมีอย่างที่หวัง หลายหน่วยงานลงไปช่วยกัน พี่ๆ ทหารไปช่วย กรมประมง กรมทะเลก็เอาเรือออกไป ผมทราบดีและอยากขอบคุณจากใจ
แต่การนำทางมันต้องมากกว่านั้นมากๆ การสื่อสารต่อผู้คนทั่วประเทศที่เป็นห่วงใจจะขาด มันต้องทำดีกว่านั้น
การลงมือทำในพื้นที่ มันต้องจริงจังและฉับพลัน ทุกนาทีมีค่าหมายถึงชีวิต
ในโลกโซเชียล โพสต์ต่างๆ ที่ทยอยขึ้นมา ผ่านไป ๓-๔-๕ วัน ความช่วยเหลือยังไม่มาถึง ยิ่งทำให้ศรัทธาสูญหาย
แม้แต่ผมผู้ไม่ค่อยหวังอะไรอยู่แล้ว บอกเสมอว่าการรับมือภัยโลกร้อนของไทย อยู่ในสภาพตัวใครตัวมัน ผมยังไม่คิดว่ามันจะเศร้าได้ถึงขนาดนี้
ในยุคของผม ภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่เจอคือพายุเกย์และสึนามิ เรายังเชื่อและศรัทธาภาครัฐมากกว่านี้
อาจเป็นเพราะยุคนี้มีโซเชียล มีการทำงานของภาคประชาชนที่พัฒนาไปข้างหน้า ขณะที่ภาครัฐตามไม่ทัน ทำให้การเปรียบเทียบเห็นชัดขึ้น
และยิ่งโลกร้อนขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งภัยพิบัติเกิดขึ้นถี่แค่ไหน เรายิ่งเห็นภาพชัด
มันจึงเป็นสถานการณ์ที่ผมบอกมาตลอด โลกร้อนมันน่ากลัว เราต้องให้ความสำคัญมากๆ กับการรับมือ
จากกรณีหาดใหญ่ ผมเชื่อว่าคนไทยเห็นความน่ากลัวของโลกร้อน เริ่มคิดถึง เริ่มหาข้อมูล เริ่มรู้สึกถึงความเสี่ยง
เริ่มอยากให้คนที่เขาเลือกไปเป็นผู้แทน ไม่ว่าจะระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ ต้องมีอะไรที่เขาศรัทธาได้
มีอะไรที่จะทำให้พวกเขาวางใจว่าจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น
มันก็จะสะท้อนกลับมาสู่การปรับตัวของพรรคการเมือง ให้ความสำคัญกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ให้ความสำคัญกับการรับมือโลกร้อนมากขึ้น นอกเหนือไปจากเอะอะก็ Net Zero
จนสักวัน โลกร้อนจะกลายเป็นนโยบายหลัก มิใช่แค่ของแถม
และต้องเป็นนโยบายที่ทำได้ มิใช่แค่แถลงไว้ แต่ทำไม่ได้ เพราะมันจะย้อนมาปักอกตัวเองให้เจ็บหนัก นั่นคือบางเรื่องที่อยากพูดบ่ายนี้ครับ
หมายเหตุ-ตราบใดที่ไม่เล่นการเมือง นักวิชาการต้องเป็นกลาง ผมยินดีไปพูดให้พรรคไหนก็ได้ และไม่คิดจะเล่นการเมืองครับ…”
จากสถิติน้ำท่วมภาคใต้มักจะเกิดช่วงปลายปี โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนนี่แหละครับ
มักจะเกิดขึ้นหลังคนกรุงเทพฯ ได้สัมผัสอากาศหนาว
แต่…ก่อนที่คนกรุงเทพฯ จะให้สวมเสื้อหนาว ต้องสวมเสื้อกันฝนก่อน เพราะภาคกลางเป็นแนวปะทะระหว่างอากาศหนาวจากจีน กับลมอุ่นๆ จากอ่าวไทย
เมื่อไหร่ก็ตามที่อากาศหนาวจากจีนมีกำลังแรงกว่า แนวปะทะจะร่นลงภาคใต้ไปเรื่อยๆ
หมายความว่าแนวฝนก็จะร่นลงไปเรื่อยๆ นั่นเอง
ปีนี้จึงเหมือนมีกำแพงเมฆฝนพาดผ่านภาคใต้ ร่นลงไปเรื่อยๆ น้ำท่วมอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วงวันที่ ๑๙-๒๐ พฤศจิกายน
จากนั้นถึงคิวพัทลุง ตรัง ก่อนที่สงขลาจะโดนฝนถล่มอย่างหนัก
ถัดไปก็มาเลเซีย ยันอินโดนีเซีย
โดยเฉพาะปลายเกาะสุมาตรา วันสองวันนี้ข่าวน้ำท่วมใหญ่เช่นกัน
หลังจากนี้บรรดาสถิติ ข้อมูลต่างๆ ภาครัฐต้องเอามากาง เพื่อเตรียมการในทุกๆ ปี เพราะครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่น้ำท่วมหาดใหญ่
ปีไหนไม่ท่วมก็โชคดีไป
ปีไหนท่วมจะรับมือได้ทันท่วงที
ของมันมีอยู่แล้วครับ แต่ขาดการบริหารจัดการที่ดี
จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่ประสบภัยพิบัติ ประเทศไทยจะมีปัญหาเดิมๆ ให้พูดถึงอยู่เสมอ นั่นคือ เกิดสุญญากาศ ศูนย์สั่งการไร้ประสิทธิภาพ ต่างคนต่างทำ บ้างก็ไปคุยกันหน้างาน ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน
การป้องกันภัยธรรมชาติ ไม่ง่ายนะครับ พวกฉลาดหลังหวยออกแนะนำกันเป็นฉากๆ ถ้าทำได้จริง หลายๆ ประเทศคงใช้เทคโนโลยีที่มีให้รอดพ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
อเมริกา จีน ยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ คงไม่มีข่าวเรื่องน้ำท่วมหนักให้เห็น
การช่วยเหลือผู้ประสบภัย การเตือนภัยอย่างมีประสิทธิภาพต่างหากคือสิ่งที่ประชาชนถามหา
วันนี้เรายังขาด!
และหากเกิดน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่อื่นๆ ในอีก เดือนสองเดือนข้างหน้าก็ยังเจอปัญหาเดิมๆ ครับ
หากรัฐบาลไหนลุกขึ้นมาทำเรื่องได้สำเร็จ ก็น่ายกย่องครับ
เพราะนอกจากช่วยให้ทรัพย์สินของประชาชนเสียหายน้อยที่สุดแล้ว
ยังป้องกันชีวิตของประชาชนไว้ได้ด้วย
เห็น “รังสิมันต์ โรม” เสนอให้รัฐบาลให้ “สตาร์ลิงก์” อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำ เพราะพวกสแกมเมอร์ใช้มาเป็นเวลานานแล้ว ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม
ถ้าบริษัท สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ให้ใช้ฟรีชั่วคราวก็น่าสนใจครับ
ถ้าจะพ่วงดีลทำธุรกิจเอาเปรียบไทยก็ถีบออกไปก่อน
แต่…”ทั่น สส.โรม” ครับ มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่ไม่มีไฟฟ้าใช้ มันจะมีความหมายอะไรครับ
เหมือนที่รัฐบาลเอาแผงโซลาร์เซลล์ไปแจกชาวบ้าน เพื่อจะได้ชาร์จโทรศัพท์มือถือ ขอโทษเถอะครับ ภาคใต้ฝนตกฟ้าปิดมาตลอดทั้งสัปดาห์ จะเอาแสงอาทิตย์ที่ไหนละครับ
วันที่ไปแจก อีกวันสองวันมีแสงอาทิตย์แล้ว น้ำลดแล้ว ไฟฟ้าเริ่มมาแล้ว ก็แทบไม่มีประโยชน์
นี่แหละครับที่เรียกว่าไร้ทิศทาง.

