ผักกาดหอม
วันนี้มาคุยเรื่องคนขายหมูกันครับ…
เรื่องก็คือที่ประชุมวุฒิสภามีมติ ๑๓๐ เสียง ให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เชือด “สว.นันทนา นันทวโรภาส” ข้อหา ด้อยค่า สว.ที่มีอาชีพขายหมู เป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง
เกิดข้อถกเถียงกันจนตลาดแตกครับ
แค่พูดเรื่องคนขายหมู แค่นี้ก็ถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงเลยหรือ?
หรือนี่คือการดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การเมืองมนุษย์ไม่เท่าเทียมกัน ที่จะนำไปสู่การถอดถอนออกจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภาได้
ที่จริงเรื่องไม่เป็นเรื่องครับ
แต่เพราะวุฒิสภาชุดนี้ แบ่งก๊กแบ่งพวก ทัศนคติทางการเมืองไม่เหมือนกัน ความชื่นชอบในพรรคการเมืองแตกต่างกัน แทบทุกกิจกรรมจึงเห็นไปคนละทาง
หลักๆ คือกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ กับ สว.สีน้ำเงิน
“สว.นันทนา” เป็น สว.พันธุ์ใหม่ระดับแกนนำ
และพออนุมานได้ว่า ๑๓๐ สว.ที่โหวตส่งให้ ป.ป.ช. เชือด คือ สว.สีน้ำเงินนั่นเอง
การกระทบกระทั่งกันก็มีมาโดยตลอด แต่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือทำอะไรที่รุนแรง
ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ที่ วุฒิสภาเสียงข้างมาก มีมติส่ง สว.ไปให้ ป.ป.ช.พิจารณาว่าละเมิดจริยธรรมหรือไม่
ต้นเรื่องมาจากคำพูดที่ว่า…
“…ดิฉันถูกโหวตออกจากกรรมาธิการพัฒนาการเมือง ได้คนขายหมูเข้ามาเป็นกรรมาธิการ
ตรงนี้ขอฟ้องประชาชน ว่ากระบวนการคัดสรรผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งใน กมธ. ไม่ได้คำนึงถึงฐานประวัติกลุ่มอาชีพของผู้สมัครเข้ามาเป็น สว.
แต่ใช้เสียงข้างมากในการโหวต…”
นางแดง กองมา สว.ที่ถูกพาดพิงถึง ได้ยื่นฟ้อง “สว.นันทนา” ต่อศาลแขวงดุสิต เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ฐานหมิ่นประมาท
“ได้คนขายหมูเข้ามาเป็นกรรมาธิการ” ถูกมองว่าเป็นการด้อยค่า
คดีอยู่ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง ศาลแขวงดุสิตนัดฟังคำสั่งว่าคดีหมิ่นประมาทนี้ มีมูลพอที่จะประทับรับฟ้องไว้พิจารณาหรือไม่ ในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายนนี้
ต่อมามีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา
ผลที่ออกมาคือ สว.นันทนา วางตนไม่เป็นกลาง
มีอคติกับกลุ่มอาชีพ
ดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เกี่ยวกับความเป็นอาชีพของบุคคลอื่น
ไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล และเสียดสี สว.บุคคลอื่น อันเป็นการกระทำที่เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งวุฒิสภาของตน
และไม่เคารพ ไม่ปฏิบัติตามการประชุมวุฒิสภา
คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาได้พิจารณาจากพฤติกรรม เจตนา ตำแหน่ง และความสำคัญของตำแหน่งหน้าที่ ความรับผิดชอบ อายุ ประวัติ ความประพฤติ มูลเหตุจูงใจ และสภาพแวดล้อมแห่งกรณีของนางสาวนันทนาแล้ว เห็นว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔ มาตรา ๒๗ มาตรา ๓๔ มาตรา ๕๐ (๓) และ (๖) และมาตรา ๑๐๗
และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๑๔, ๑๘, ๒๔, ๒๙ และ ๓๑
“แดง กองมา” เป็น สว.จากจังหวัดอำนาจเจริญ กลุ่ม ๑๐ กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่นนอกจากกลุ่ม ๙
ระบุประวัติการทำงานของตัวเองว่า…
“…ขายหมูตั้งแต่ปี ๒๕๔๑ เป็นคนหนึ่งที่ร่วมพัฒนาตลาดสดเอกชนวิชิตสิน จนได้รับรางวัลระดับ ๕ ดาว เมื่อก่อนขายหมูราคาถูกมาก หมูสามชั้น กก.ละ ๔๕ บาท ทุกวันนี้ราคาหมูสามชั้น กก.ละ ๑๕๐-๑๘๐ บาท ต้นทุนสูงกำไรน้อยต่างจากเมื่อก่อน ได้กำไร กก.ละ ๑๐ เท่ากัน…”
เรื่องของคนขายหมูจึงไม่หมู
จะมองเป็นเรื่องไร้สาระ แค่พูดถึงที่มาของ สว.ที่เป็นคนขายหมู จะเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงได้อย่างไร
ถ้ามองพื้นฐานของ “สว.นันทนา” ที่มาจากนักโต้วาที การใช้คำพูดท่ามกลางบรรยากาศความขัดแย้งของ สว. ๒ กลุ่ม มันก็จะเป็นอีกเรื่อง
ฉะนั้นมันจึงอยู่ที่บริบทการพูดของ “สว.นันทนา”
เจ้าตัวย่อมรู้ดีว่า “คนขายหมู” ที่พูด ณ เวลานั้น ต้องการสะท้อนให้เห็นอะไร
“อังคณา นีละไพจิตร” สว.กลุ่มเดียวกับ “สว.นันทนา” สรุปความเห็นส่วนตัวในคราบนักสิทธิมนุษยชนไว้ดังนี้ครับ
“…สรุป ความเห็นส่วนตัว เรื่องนี้ไม่ควรเป็นความผิดตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ที่ต้องส่งให้ ป.ป.ช.สอบสวน แต่ควรเป็นความผิดในส่วนที่ ๔ จริยธรรมอันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกและกรรมาธิการ ตามข้อ ๓๑ ‘ส่อเสียด’ หรือลดทอนคุณค่า ด้อยค่า ซึ่งบทลงโทษจะเป็นไปตามมาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง
คือ ‘ในกรณีที่วุฒิสภาเห็นว่ามีหลักฐานและข้อเท็จจริงอันควรเชื่อได้ว่าสมาชิก หรือกรรมาธิการผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ ให้วุฒิสภามีมติ ว่ากล่าวตักเตือน หรือ ตำหนิ’
ทั้งนี้ สว.นันทนาควรเยียวยาความเสียหายทางจิตใจ แก่ สว.ที่มีอาชีพขายหมู โดยการขอโทษ และรับประกันว่าเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวจะไม่เกิดซ้ำ
ถือเป็นการเยียวยาและฟื้นฟูจิตใจผู้เสียหายตามหลักการสิทธิมนุษยชน
การที่วุฒิสภาเสียงข้างมากมีมติว่าขัดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงจึงไม่น่าจะได้สัดส่วนกับคำพูดและการกระทำของ สว.นันทนา และเรื่องนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การตั้งข้อกล่าวหาที่เกินจริง และไม่ได้สัดส่วน
อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของวุฒิสภาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…”
ในมุมนักสิทธิมนุษยชน คนเท่ากัน มองว่า หนักสุดแค่ ส่อเสียด ลดทอน ด้อยค่า มิใช่ละเมิดจริยธรรมร้ายแรง
ควรลงโทษแค่ ว่ากล่าวตักเตือน ตำหนิ
ไม่ใช่ถอดถอน
ครับ…เห็นด้วยว่า กรณีนี้เป็นเกมการเมืองฟาดฟันกันระหว่าง สว. ๒ กลุ่ม
การส่อเสียด ด้อยค่า ระหว่างกันมันมีมาตลอด
เพียงแต่ สิ่งที่ออกมาจากปากของ “สว.นันทนา” คือการมองคนไม่เท่ากัน
สว.ที่อ้างตัวเป็นฝ่ายก้าวหน้า มีความเป็นประชาธิปไตย แสดงความดูถูก สว.คนอื่นๆ ว่ามาจากการฮั้ว ดูแคลนว่า เป็นแค่ “คนขายหมู”
ไม่ถึงกับผิดจริยธรรมร้ายแรง
แต่การดูแคลนคนอื่นแบบนี้ ไร้จริยธรรม.

