ผักกาดหอม
ทำไมรัฐบาลไทยไม่จัดการกับเขมรเหมือนที่เกาหลีใต้ทำ?
เป็นคำถามที่น่าคิดครับ…ว่า…ทำไม?
เพราะชายแดนติดกันไม่อาจใช้วิธีรุนแรงได้อย่างนั้นหรือ
ถ้าด้วยเหตุผลนี้ ทำไมเขมรถึงยิงจรวด BM-21 ถล่มไทย สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
แสดงว่าเขมรพร้อมที่จะใช้ความรุนแรงกับไทยตลอดเวลา
แล้วทำไมรัฐบาลไทยไม่กล้าที่จะหยุดยั้งเขมรเสียตั้งแต่แรก
หมายถึงรัฐบาลแพทองธารครับ
คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่คงเข้าใจบริบทระหว่าง “ฮุน เซน” กับ “ทักษิณ” เป็นอย่างดี
นั่นเป็นสาเหตุหลักว่าทำไมไทยถึงไม่ดุดันเท่าเกาหลีใต้ตั้งแต่แรก
จะมาขึงขังเข้าไปถล่มที่ตั้งทางทหารของเขมรตอนนี้ก็ยากแล้วครับ หากทำตอนนี้เท่ากับเราเป็นฝ่ายรุกราน
แต่…นอกจากทางทหารแล้ว ยังมีวิธีอื่นอีกเยอะแยะ ที่รัฐบาลอนุทิน ต้องฉวยโอกาสเล่นงาน “ฮุน เซน” ให้พังพาบ
คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ คือจุดอ่อนอันแสนสาหัสของ “ฮุน เซน” ณ เวลานี้ ถ้าไม่ตีตอนนี้ ก็ไม่รู้จะตีตอนไหน
มีข่าวปลอมว่า นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้จะแฉ ๗ นักการเมืองไทย มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา
ทางสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ ว่าไม่เป็นความจริง และจะดำเนินการตามความเหมาะสมต่อข่าวปลอมดังกล่าว
โดยความหมายคือ ทางเกาหลีใต้เกรงใจไทยอยู่พอสมควร ดูจากการระบุว่า จะดำเนินการตามความเหมาะสมต่อข่าวปลอมนี้
ขณะเดียวกัน ในข้อเท็จจริง มีนักการเมือง ข้าราชการ นักธุรกิจ ของไทยเข้าไปพัวพันธุรกิจผิดกฎหมายในกัมพูชาอย่างแน่นอน
เข้าไปก่อนจีนเทาด้วยซ้ำ
มากกว่า ๗ คน ส่วนจะเท่าไหร่นั้น ไม่มีตัวเลขยืนยัน นักการเมืองไทยกับบ่อนเขมร และการค้ามนุษย์ ตกเป็นข่าวคราวมาหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถฉีกหน้ากากได้ว่า เขาคนนั้นเป็นใคร
หลายรัฐบาลไทยในอดีตแทบไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อาจเพราะ “วงใน” รู้ดีว่าเป็นการทุบหม้อข้าวของนักการเมืองในเครือข่าย จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
หลายวันมานี้ สส.เพื่อไทยหลายคนพยายามบอกว่า รัฐบาลแพทองธารมีผลงานเด่น คือการปราบคอลเซ็นเตอร์
ขออนุญาต…ถุย!
สภาพรัฐบาลแพทองธารในวันนั้น ไม่ต่างจาก ฮุน เซน ในวันนี้
รัฐบาลแพทองธารลุกลี้ลุกลนปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาเพราะ การเดินทางมาไทยของ “หลิว จงอี้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ใช่หรือไม่
นั่นแหละถึงได้ตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต ยุติส่งน้ำมันให้ฝั่งเมียนมา
ถ้า “หลิว จงอี้” ไม่มารัฐบาลแพทองธารจะทำหรือเปล่า?
ก็เปล่า
ก็เหมือน “ฮุน เซน” ถูกกดดันโดยเกาหลีใต้
รัฐบาลเกาหลีใต้ส่ง คิม จีนา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนที่สอง มากัมพูชา ทางสมุนฮุน เซน ส่งสัญญาณให้จีนเทาขนของหนี แล้วทำทีเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์
ฉะนั้นไม่ต้องถามว่ามีเครือข่ายการเมืองในไทยพัวพันธุรกิจสีเทาในกัมพูชาหรือไม่
วันนี้ต้องตั้งคำถามกับรัฐบาลอนุทินว่า จะปราบอย่างไร มีมาตรการอะไรบ้าง ช่วยสื่อสารกับประชาชนหน่อย หรือไม่ก็ดูข้อเสนอของ พลโทนันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.)
“….ทำไมเราจึงไม่ทำแบบเกาหลีใต้บ้าง!
หลายคนพยายามชี้นำให้ไทยจัดการปัญหากับกัมพูชา ให้รวดเร็ว ทันใจแบบเกาหลีใต้บ้าง เพราะคนของเรา ไม่ว่าจะทำผิดอะไรก็ตาม แต่ก็ไม่ควรไปนอนตายกลางถนนในกัมพูชาแบบที่เป็นข่าวไปแล้ว โดยที่ไม่มีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนคนไหนออกมาท้วงติง นี่ไม่รวมถึงเด็กๆ ของเราที่ต้องตาย แบบน่าอนาถใจจากจรวดทำลายของกัมพูชา
เรื่องนี้มาลองทบทวนกันดูนะครับ เริ่มต้นด้วยคำถาม ว่า ‘ทำไมเกาหลีใต้จึงกล้าทำแบบนี้’
๑.เกาหลีใต้ กับ ไทย เหมือนกัน ตรงที่มีศักยภาพทางทหาร เหนือกว่ากัมพูชาทั้งคู่ แต่เกาหลีใต้มีเหนือกว่าไทยอีก ตรงที่มียุทโธปกรณ์และ ‘ฐานทัพสหรัฐฯ’ คอยหนุนหลังอยู่ด้วย จึงเป็นที่เกรงอกเกรงใจของนานาชาติ ส่วนไทยนั้นเป็นกลางไม่มีใครหนุน
๒.ถ้าเป็นประเทศที่มีชายแดนติดกัน เกาหลีใต้ก็คงลำบากใจที่จะทำแบบนี้เช่นกัน เพราะเรื่องราวอาจขยายตัวออกไปเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ ไทยเราก็ตกที่นั่งในลักษณะนี้ จึงต้องปฏิบัติกับกัมพูชาด้วยกติกาสากล เริ่มจากเบาๆไปหาหนักครับ เพราะไทยก็ไม่สามารถย้ายแผ่นดินหนีกัมพูชาไปได้เช่นกัน
๓.จากเหตุผลในข้อ ๑ เราจึงเห็นเกาหลีใต้ใช้ลำโพงเปิดเพลงป๊อปให้ทหารเกาหลีเหนือฟัง (ก่อกวน) อยู่นาน เนื่องมาจากทางกองทัพเกาหลีเหนือ ได้ปล่อยบอลลูนบรรจุขยะถึง ๒๖๐ ลูก ที่ใส่ทั้งมูลสัตว์และขยะ เข้ามาทิ้งในฝั่งเกาหลีใต้ก่อน สัดส่วนการตอบโต้จึงพอๆ กัน
๔.ต่อมาเกาหลีเหนือก็ตั้งลำโพง กระจายเสียงตอบโต้เกาหลีใต้บ้าง ต่างคนต่างเปิดใส่กันอยู่หลายวัน เกาหลีใต้ก็เริ่มเดือดร้อน เพราะประชาชนเกาหลีใต้เริ่มได้รับผลกระทบจากมลพิษทางเสียงเช่นกัน จนออกมาท้วงติงรัฐบาลตนเอง ส่วนเกาหลีเหนือนั้น ประชาชนอยู่ลึกเข้าไปจากชายแดน และถึงเดือดร้อนก็ไม่สามารถออกมาโวยวายได้
…ในมุมมองของผม ช่วงนี้เป็นโอกาสทองของรัฐบาลไทย และทหารของชาติ ที่จะเคลื่อนไหวเชิงรุก จัดการปัญหาของกัมพูชาให้เร็วขึ้น เพราะ ฮุน เซน กำลังเจอปัญหาหลายด้านจนหัวหมุนไปหมด
ดังนั้นเราจะทำอะไรก็รีบทำเถอะครับ ให้มันจบๆ ไป หลังจากนั้นไทยกับกัมพูชา จะได้กลับมาพูดคุยกันใหม่ แบบมีเหตุมีผล อย่างคนมีอารยะเค้าคุยกัน…”
จะตีเหล็กตอนร้อนก็ตอนนี้แหละครับ เพราะกัมพูชาวันนี้สภาพไม่ต่าง บ่อนเถื่อนที่กำลังถูกหน่วยคอมมานโดเข้าทลาย
หลายประเทศเริ่มเล่นงานกัมพูชาในฐานะแหล่งฟอกเงินสกปรกกันแล้ว
นายกฯ อนุทินอย่าไปแคร์ว่า จะกระทบกับกลุ่มการเมืองไทยกลุ่มไหนบ้าง ต่อให้รู้จักใกล้ชิด ก็ต้องตัดให้ขาด ไม่มีโอกาสไหนที่จะสร้างประโยชน์ให้ประเทศมากไปกว่าโอกาสนี้อีกแล้ว
เวลา ๓ เดือนกว่า หากเกิดการเปลี่ยนแปลงในกัมพูชา จะถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาลอนุทิน
เรื่องเลือกตั้งเรื่องเล็กไปเลยครับ.
