‘บวรศักดิ์’ ลุกแจงขั้นตอนแก้รธน. ยัน 2 พรรคใหญ่ไม่แตะหมวด 1-2 เผยขั้นตอนประชามติ มี 2 คำถามพ่วง ปมเลิก MOU ไทย-เขมร ต้องถามปชช. จ่อแก้กม.อำนาจ ปปง. สกัดใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

29 กันยายน 2568 – ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ

เมื่อเวลา 12.00 น. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงกรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่าถ้ามีการแก้หมวด 1 หมวด 2 จะทำอย่างไรว่า รัฐบาลชุดนี้จะสนับสนุนการจัดทำประชามติและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยรับฟังเสียงของประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนให้สอดคล้องกับคำวินิจศาลรัฐธรรมนูญ และเพื่อธำรงไว้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การจะจัดทำรัฐธรรมนูญนั้นไม่ได้ใช้คำว่าจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ

รัฐบาลนี้ไม่ต้องการจัดทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่ต้องการสนับสนุนให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ว่าต้องสอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญและเพื่อธำรงไว้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นเป็นขั้นตอนแรก ขั้นตอนที่สอง เมื่อประชาชนลงประชามติเห็นชอบกับการจัดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นคำถามที่หนึ่ง และเมื่อประชาชนเห็นชอบกับหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งรัฐสภาจัดทำเสร็จเป็นร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่เพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีแต่หมวด 15 คือการแก้เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

นายบวรศักดิ์ กล่าว่า ในชั้นที่หนึ่งที่รัฐสภาจะต้องพิจารณา เป็นเรื่องวิธีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่าจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างไร โดยไม่ขัดต่อคำวินิจศาลรัฐธรรมนูญ ที่บอกว่าจะให้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงจากประชาชนไม่ได้ นี่คือขั้นตอนที่หนึ่ง ถ้าผ่านแล้วจึงจะมีการขั้นตอนที่สอง คือ จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร. หรือใครก็แล้วแต่ตามที่เขียนไว้ในหมวด 15/1 ที่ผ่านประชามติ ตรงนั้นถึงจะมาดูว่าจะไปแตะหมวด 1 หมวด 2 หรือไม่ แต่เชื่อว่าสองพรรคใหญ่ได้พูดไปแล้วว่าจะไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 เพราะถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปแตะหมวด 1 หมวด 2 ก็จะมีปัญหาทันทีว่าจะขัดหรือไม่ กับรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันในมาตรา 255 ที่เขียนไว้ชัดว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐจะกระทำมิได้

ฉะนั้น ชัดเจนอยู่ในตัวแล้วว่าประชามติที่รัฐบาลนี้จะทำและทำในวันเดียวกับการเลือกตั้งเป็นประชามติ 2 เรื่องเท่านั้น ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คือ 1.ประชาชนจะเห็นชอบให้มีการจัดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และ 2.ประชาชนจะเห็นชอบและวิธีการและเนื้อหาสาระที่รัฐสภาทำร่างรัฐธรรมนูญมาแล้วสำเร็จเสร็จสิ้นตามมาตรา 256 อนุมาตรา 1-6 จะไม่มีการลงไปถึงเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะฉะนั้น เนื้อหารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สมาชิกอาจต้องรอว่า ส.ส.ร. ที่มาจากหมวด 15/1 เขาจะเขียนอะไร ที่แน่ที่สุดเท่าที่ตนทราบ พรรคภูมิใจไทยและพรรคอื่นที่เป็นพรรคใหญ่ ที่แถลงไว้แล้วไม่แตะหมวด 1 หมวด 2

ส่วนเรื่องคุณสมบัติลักษณะต้องห้าม ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมาตรา 256 (8) พูดไว้ชัดว่าจะไปแก้คุณสมบัติต้องห้ามต้องไปทำประชามติก่อน เรื่องนี้รัฐบาลไม่แตะ ส่วนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ทำขึ้น โดย ส.ส.ร. จะไปแตะเรื่องคุณสมบัติหรือไม่ ต้องตามไปดูในขั้นตอนที่ 2 ส่วนเรื่องที่ สส. ได้สอบถามถึงการทำประชามติ ให้ยกเลิก MOU นั้น การจัดทำประชามติในแต่ละครั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งบอกว่าใช้เงิน 6,000 ล้านบาท เพื่อให้เป็นการประหยัดงบประมาณแผ่นดิน รัฐบาลจะทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้ง ซึ่งประชามติจะมี 2 เรื่องที่จัดทำ คือเรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมี 2 คำถาม และจะมีบัตรขึ้นมาอีกใบหนึ่ง ซึ่งถามว่า ท่านเห็นชอบให้ยกเลิก MOU กับกัมพูชาหรือไม่ ดังนั้น รัฐบาลต้องประชาสัมพันธ์ให้ชัดเจน ว่าในการเลือกตั้งทั่วไป หลังจากยุบสภา ประชาชนจะมีบัตรทั้งสิ้น 4 ใบ ใบที่ 1 คือเลือกสส.เขต ใบที่ 2 เลือกสส. บัญชีรายชื่อ ใบที่ 3 เป็นการลงประชามติ เรื่องรัฐธรรมนูญ และใบที่ 4 ประชาชนต้องวินิจฉัยว่า จะให้ยกเลิก MOU กับกัมพูชาหรือไม่

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่ารัฐบาลสามารถตัดสินใจเรื่อง MOU ได้แต่ทำไมจะต้องไปสอบถามประชาชน ซึ่งที่ต้องไปถามประชาชน เพราะรัฐบาลนี้เห็นว่า เรื่องสำคัญเช่นนี้กับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลเฉพาะกิจไม่ควรตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ควรขอฉันทานุมัติจากประชาชนตามมาตรา 166 ของรัฐธรรมนูญ ถ้าประชาชนบอกเลิกก็ต้องเลิก แต่ถ้าประชาชนบอกว่าให้เก็บไว้ รัฐบาลก็ต้องเก็บไว้ เพราะประชาชนคือเจ้าของอำนาจอธิปไตย เขาต้องตัดสินใจได้ด้วยตัวเขาเอง

สำหรับประเด็นที่ สส. ให้ข้อคิด เรื่องการเล่นพรรคเล่นพวก โดยเฉพาะการแต่งตั้ง ความจริงรัฐบาลรักษาการชุดที่แล้ว ลงมติตั้งอธิบดีไปหลายกรม และตำแหน่งบริหารหลายตำแหน่ง ซึ่งเมื่อมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องนำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ก็ได้ส่งเรื่องคืนมา วันนี้พอแถลงนโยบายเสร็จ นายกรัฐมนตรีได้กำชับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยืนยันเรื่องการแต่งตั้งอธิบดีและผู้บริหารที่ถูกแต่งตั้งโดยรัฐบาลรักษาการชุดที่แล้วทุกตำแหน่ง ประมาณ 10 ตำแหน่ง ซึ่งทำให้ท่านได้เห็นว่าการเริ่มต้นรัฐบาลนี้ เรื่องใดผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้วก็เดินต่อ ไม่มีเจตนาเอาพรรคพวกที่จะดึงกลับมาแล้วเอาพรรคพวก จากพรรคการเมืองของตัวเองเข้าไปเสียบเข้าไปใหม่ หรือยกเลิกมติ ครม. เดิม แล้วใช้มติ ครม.ใหม่ ก็คงทำให้ท่านได้อุ่นใจระดับหนึ่ง

นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนที่ สส. ฝากให้ไม่อยากให้มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ยืนยันว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีได้ชวนให้ตนเข้าร่วม ครม. ตนได้กราบเรียนท่านว่า เรื่องใดที่เป็นอยู่ในเวลานี้ เช่นเรื่องฮั้ว สว. เรื่องเขากระโดง และเรื่ององค์กรอิสระในกระบวนการยุติธรรม ขอให้ปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม ที่ควรจะเป็นซึ่งนายกรัฐมนตรีก็รับปาก รัฐบาลแถลงชัดว่าจะไม่ให้ใช้กฎหมาย หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง เรื่องนี้สำคัญเพราะในอดีต เคยมีคนนำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ที่อยู่ฝ่ายไม่เอื้อต่อรัฐบาล จะเป็นคนหรือเป็นโทษต่อประโยชน์ทางการเมือง ต้องมีหน่วยงานเข้ามากำกับ การใช้ดุลยพินิจให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ซึ่งอาจจะต้องแก้กฎหมาย แล้วขอความร่วมมือกับ สส. และ สว. โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นการแทรกแซงแต่เป็นการป้องกัน ไม่ให้หน่วยงานนั้นเป็นเครื่องมือทางการเมือง.

Written By
More from pp
“อนุทิน” ผุดไอเดียจ้าง “หมอเกษียณ” รักษาคนไข้ สนับสนุน 30 บาทรักษาทุกที่
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินหน้ายกระดับระบบหลักประสุขภาพแห่งชาติ บนหลักความเท่าเทียม มีประสิทธิภาพ และการมีส่วนร่วม เสนอไอเดียจ้าง “หมอเกษียณ” ช่วยรักษาประชาชน สนับสนุน 30 บาทรักษาทุกที่ ลดปัญหาขาดแคลนแพทย์...
Read More
0 replies on “‘บวรศักดิ์’ ลุกแจงขั้นตอนแก้รธน. ยัน 2 พรรคใหญ่ไม่แตะหมวด 1-2 เผยขั้นตอนประชามติ มี 2 คำถามพ่วง ปมเลิก MOU ไทย-เขมร ต้องถามปชช. จ่อแก้กม.อำนาจ ปปง. สกัดใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง”