4 กันยายน 2568 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม(กธ.)เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “การขับเคลื่อนมาตรฐานการศึกษาของชาติ: AI for Education ปั้นคนไทยสู่อนาคต 5.0”ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ณ โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ กรุงเทพฯ โดยมีหน่วยงานด้านการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม
โดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวเปิดงานว่า บทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI)เข้ามามีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาไทยตั้งแต่ปี 2561 และมีการต่อยอดอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน การจัดสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ เพื่อปรับมาตรฐานการศึกษาไทยให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการสภาการศึกษาแห่งชาติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการเห็นชอบในหลักการทิศทางการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital) ของประเทศ
“สิ่งสำคัญต่อจากนี้ คือการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เพียงนโยบายเชิงนามธรรม ในประเด็นจริยธรรมก็ยังเป็นข้อกังวล เช่น การนำผลงานวิจัยหรือรายงานที่สร้างด้วย AI มาอ้างว่าเป็นผลงานของตนเอง โดยไม่ระบุที่มา ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมเพื่อให้การใช้ AI ในการศึกษามีความถูกต้อง เหมาะสม และสร้างคุณค่าที่แท้จริงต่อสังคมไทย”ศ.ดร.นฤมล กล่าว
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ปัจจุบันบุตรหลานของเราเติบโตมาในยุคที่ AI มีบทบาทสูง เด็ก ๆ มักไม่ถามพ่อแม่หรือครูเหมือนในอดีต แต่เลือกใช้แอปพลิเคชันและเครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT ในการค้นหาคำตอบแทน ซึ่งแม้จะมีข้อดีที่ช่วยให้เด็กเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วและหลากหลาย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กไม่ได้ถามแค่เรื่องวิชาการ แต่ยังถามเรื่องเกี่ยวกับจิตใจหรือปัญหาส่วนตัวด้วย ซึ่งในต่างประเทศเริ่มมีกรณีผู้ปกครองยื่นฟ้องบริษัทผู้พัฒนา AI หลังจากลูกหลานได้รับคำแนะนำจาก AI และนำไปสู่การตัดสินใจยุติชีวิตตนเอง
“แม้ AI จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความรู้ความสามารถให้กับผู้เรียน แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางจิตใจและอารมณ์ในอนาคต หากขาดการดูแลที่เหมาะสม และอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าเสียใจ จึงขอฝากให้สภาการศึกษาช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิด ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตา และพิจารณานำประเด็นดังกล่าวบรรจุในแผนการศึกษา เพื่อให้สังคมไทยมีเครื่องมือและแนวทางป้องกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ให้เด็กไทยได้รับผลกระทบทางจิตใจจากการใช้ AI”ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้าย