กรณีมีคำสั่งย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี จากปัญหาการเบิกจ่ายงบเยียวยาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กมธ.การปกครองตรวจสอบแล้วพบว่ามีการเบิกไปเพียง 55,000 บาท เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวสะท้อนถึงความหย่อนยานในการบริหารราชการแผ่นดิน อันเกิดจากการที่รัฐมนตรีผู้กำกับดูแลไม่ได้ลงพื้นที่และไม่ติดตามงานจึงไม่รู้ว่ามีปัญหาอยู่
“ผมเคยทำงานในกระทรวงศึกษาธิการ เข้าใจดีว่าโดยปกติการเบิกงบประมาณมักจะล่าช้า แต่หน้าที่ของฝ่ายการเมืองคือการติดตามตรวจสอบข้อมูลเพื่อให้เกิดการเบิกจ่ายที่มีประสิทธิภาพ ถ้าแค่ถาม ข้าราชการมักจะไม่กล้าบอกว่ามีปัญหา เพราะมันเชื่อมโยงกับผลงาน ถ้าไม่มีใครลงไปดู ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันติดขัดตรงไหน” นายสิริพงศ์ระบุ
พร้อมยกตัวอย่างกรณี สส. พรรคภูมิใจไทย ที่ลงพื้นที่พูดคุยกับส่วนราชการ นายอำเภอและผู้ว่าราชการในหลายจังหวัด รวมถึงให้ข้อเสนอแนะ ในประเด็นการเบิกจ่ายงบประมาณ จึงทำให้มีการเบิกจ่ายที่ดีขึ้น ซึ่งในกรณีของจังหวัดอุบลราชธานี ท่านผู้ว่าฯ ขาดความเข้าใจ เพราะศูนย์ดูแลผู้อพยพตั้งอยู่นอกพื้นที่ฉุกเฉิน จึงเกรงว่าการใช้เงินอาจผิดระเบียบ
“ผู้ว่าฯ ท่านทำงาน แต่มีความกังวลในหลักเกณฑ์การใช้เงิน ซึ่งหากรัฐมนตรีเจ้าสังกัดลงพื้นที่ สร้างความเข้าใจ ช่วยทบทวนขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและออกประกาศพร้อมคู่มือกำกับเหมือนตอนผมอยู่กระทรวงศึกษา ก็จะไม่มีปัญหา แต่นี่ทั้งๆที่สส.เอาปัญหามาบอกผ่านกระทู้แล้ว กลับไม่เชื่อ โทรถามผู้ว่าฯกลางสภา มันไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหา สุดท้ายก็อย่างที่เห็น”
นายสิริพงศ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่พยายามโยงว่าเป็นเพราะมีการแต่งตั้งผู้ว่าฯมาไม่ดี โดยกล่าวว่า การแต่งตั้งผู้ว่าฯนั้นเสนอโดยปลัดและต้องผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีนายกรัฐมนตรีร่วมพิจารณา และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ ก็เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้วในตอนนั้น ถ้าคิดว่าเป็นปัญหา ท่านจะรับผิดชอบอย่างไร
“ผมว่าท่านควรตระหนักว่าปัญหาเกิดจากอะไรเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำอีก มากกว่าจะหาข้อแก้ตัว” นายสิริพงศ์ กล่าว