ล้อมรั้วรอบปราสาท #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

 ผมว่านะ “รัฐบาลเพื่อไทย” ควรถูกประชาชน “ขับไล่”

เพราะพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ

นอกจากไม่จริงจังป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้เป็นที่ประจักษ์แล้ว

ในทางตรงกันข้าม มีพฤติกรรมคล้ายเป็น “ไส้ศึก” ให้กับเขมร

ก็ดูซี….

เขมรกร้าวร้าว เหิมเกริม ส่งทหารรุกล้ำเข้าแดนไทย

แถมทึกทักปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นโบราณสถานของไทยตั้งแต่ยุคเขมรเป็นขี้ข้าฝรั่งเศส ว่าเป็นของมัน

และประชากรเขมร ๑๗ ล้านคนวันนี้ ก็ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ!

แต่นั้นยังไม่พอ ลอบเข้ามาวาง “กับระเบิด” ในเขตไทยที่ช่องบก จนทหารลาดตระเวนไปเหยียบจนขาขาด

รัฐบาลเพื่อไทย โดยนายกรักษาการ นอกจากไม่สั่งตอบโต้จริงจังแล้ว ยังกำชับทหารในพื้นที่ ให้อดทน ห้ามใช้ความรุนแรง

เขมรเห็นไทย เอาแต่ ยุบหนอ…พองหนอ…ก็ได้ใจ

เกณฑ์คนมาทีละหลายสิบคันรถบัส  ที่ตาเมือนธม ตาควาย ก่อกวนด้วยการด่าทอทหารบ้าง แสดงกิริยาอาการกวนตีนทหารบ้าง เป็นรายวัน

หวังยั่วให้ทหารโกรธ และลงมือ-ลงตีน

เขาจะได้ถ่ายรูปไปฟ้องศาลเจ้าพ่อ-เจ้าแม่อะไรของมันไปตามเรื่อง!

การลอบวางกับระเบิด ตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่า เป็นการวางใหม่ ไม่ใช่กับระเบิดที่หลงค้างแต่ยุคสงครามเขมร ซึ่งผิดกฎบัตรสหประชาชาติ

สรุปแล้ว ตั้งแต่มีเรื่องมา ไทยกลายเป็น “ลูกไล่” ของเขมรมาตลอด โดยรัฐบาลเพื่อไทยเล่นบท “พระเอกสุภาพบุรุษ” ที่ยอมให้เขมรเขกหัว-เตะตูด เป็นการทดแทนบุญคุณ

ขนาดฮุนเซนทั้งพ่อ-ทั้งลูก โพสต์เฟซบ้าง ออกข่าวบ้าง ชนิดเอาตีนลูบหน้าทั้งพ่อทั้งลูกตระกูลชิน

นายกรักษาการของตระกูลชิน ก็บอกให้อดทน อยู่เฉยๆไม่ต้องไปตอบโต้ ห้ามใช้ความรุนแรง!?

แล้วแบบนี้ จะไม่ให้พูดว่าเหมือนเป็น “รัฐบาลไส้สึก” ให้เขมรได้อย่างไร ความลับทางราชการของไทย เพื่อไทยก็ยังเอาไปบอก

ฮุนเซนปูดว่า ทักษิณต้องปรึกษาเขาทุกวัน

สโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” เขาก็คิดให้ ทักษิณซูฮก ยกย่องเขาให้เป็น “หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หมายเลข ๑” ถึงขนาดนั้น!

ดังนั้น จึงไม่แปลก….

ที่รัฐบาลเพื่อไทย ปล่อยให้สองพ่อลูกตระกูลฮุน เตะ ถีบ ถ่ม ถุย ใส่ สองพ่อลูกตระกูลชิน ก็ได้แต่แถไถ

ในเมื่อเป็น “ไส้ศึก” ก็จะพูดอะไรได้ล่ะ?!

ฉะนั้น กรณีเขมรลอบวางกับระเบิดในเขตไทยที่ช่องบก เราจะสังเกตเห็น รัฐบาลไปทาง กระทรวงต่างประเทศไปทาง รมช.กลาโหม ไปทาง แม่ทัพภาคที่ ๒ ไปทาง

และทุกทางบนการควบคุมนโยบายโดยนายกรักษาการ

ไป “คนละทางกับ” ความคิดเห็นของประชาชน!

รัฐบาล โดยนายภูมิธรรม อดทน-อดกลั้นไว้ อย่าใช้ความรุนแรง

กระทรวงต่างประเทศ ออกแถลงการณ์”……..

“รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย

และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ

อีกทั้งยังเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน”

“พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์” รมช.กลาโหม บอกว่า

“ตรวจสอบเพิ่มว่ามีการวางอีก ๒ จุด รวม ๘ ทุ่น ดังนั้นเมื่อทราบว่ามีจุดอื่นๆ ที่วางเพิ่มเติม และทราบชนิดทุ่นระเบิดแล้วว่าเป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN 2 ประเทศรัสเซีย ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีใช้

ดังนั้น เป็นสิ่งยืนยันว่าเป็นของประเทศอื่น นอกจากนี้ ยังพบว่าจุดที่วางเอาเศษวัชพืชมาปกคลุม ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นของใหม่ และทุ่นระเบิดที่วางส่วนที่เป็นโลหะไม่มีสนิม

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังทำการตรวจค้นจุดอื่นๆ เพิ่มเติมอีก หลังจากนี้ การตรวจสอบ ถือว่ามีความรวดเร็วแล้ว และการประชุมคณะกรรมการออตตาวา จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้

ดังนั้น การดำเนินการจะส่งฟ้องไปยังคณะกรรมการออตตาวา จะต้องรอในช่วงที่มีการประชุม”

การยื่นฟ้องคณะกรรมการออตตาวานั้น พล.อ.ณัฐพลบอก ไม่ใช่ในนามรัฐบาล แต่เป็นการดำเนินการในนาม “กระทรวงการต่างประเทศ”

แต่อยู่ภายใต้การอำนวยการของ ศบ.ทก. หลังจากที่ประชุม ศบ.ทก.เห็นชอบ กระทรวงการต่างประเทศก็จะดำเนินการในการทำหนังสือประท้วง

แนวทางที่คุยกันไว้คือ นอกจากทำหนังสือประท้วงไปยังออตตาวาแล้ว ยังจะประท้วงไปยังกัมพูชาด้วย

ทางกองทัพบก “พลตรี วินธัย สุวารี” โฆษกกองทัพบก แถลง

“กองทัพบกขอเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวนี้ต่อสาธารณะ พร้อมขอความร่วมมือประเทศสมาชิกอาเซียนรวมถึงนานาประเทศ

ร่วมประณามการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างร้ายแรงของประเทศกัมพูชา

นอกจากนี้ “กรมข่าวทหารบก” จะได้มีการเชิญ “ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศ” ประจำประเทศไทย มารับทราบข้อเท็จจริง ในกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวในวันนี้ (๒๒ ก.ค.) อีกด้วย”

จะเห็นว่ า“ต่างคน-ต่างทำ” ในลักษณะ “ทำพอเป็นพิธี” กันประชาชนด่า ว่า “ไม่รู้ร้อน-รู้หนาว” อะไรกันเลย

อย่างนี้เขมรก็ยิ้ม….

เกณฑ์ชาวบ้านมาขี่คอทหารเอาไอ้จ๋อทิ่มปากเล่นได้ทุกวัน เพราะรู้ เขมรมีบุญคุณกับพรรคเพื่อไทย

ทั้งช่วยอาวุธตอนจลาจลเผาเมือง ทั้งช่วยให้ที่หลบภัยที่อยู่อาศัยของคนเสื้อแดง

ทั้งยิ่งลักษณ์ “หนีช่องหมาลอด” ไปได้ นั่นไม่เพราะบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของฮุนเซนทีมีต่อตระกูลชินวัตรหรือ?

เขมรถึงย่ามใจ ว่าทำอะไรก็ได้

รัฐบาลเพื่อไทยไม่กล้าใช้ความรุนแรงกับทหารหรือชาวบ้านเขมรหรอก เพราะบุญคุณมันค้ำหัวอยู่ จึงยอมเป็น “ไส้ศึก” ให้ศัตรูมาตลอดนั่นไง!

เพราะอย่างนี้ ด้วยมติประชาชนเป็นเอกฉันท์ ว่า ในเมื่อ ๓ ปราสาทและหนึ่งพื้นที่อยู่ในดินแดนไทย

ก็ล้อมรั้วเป็นปริมณฑลให้ชัดเจนไปเลย จะต้องไปเกรงอก-เกรงใจอะไรกับเขมร

“พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” ทางส่วนตัว ท่านก็เห็นด้วย แต่ต้องเป็นนโยบายรัฐบาลสั่ง อีกอย่าง ถ้าล้อมรั้ว ปะทะกันแน่!

รัฐบาลกล้าสั่งหรือไม่ ก็ดูหน้านายภูมิธรรม นายกรักษาการดูซี นอกจากกล้าขมขู่ข้าราชการมหาดไทย และไล่เช็กบิล “อดีตรัฐมนตรีอนุทิน” แล้ว

กับเขมรผู้มีพระคุณของคนเสื้อแดง ภูมิธรรมกล้ายังกะแมวนอนหวด!

เพราะเหตุนี้กระมัง พลเอกณัฐพล ถึงระบายความอัดอั้น กรณีเขมรขนมวลชนมาป่วนที่ปราสาทตาเมือนธม แต่ทำอะไรรุนแรงไม่ได้

“เขากดดันผมว่า เมื่อไหร่จะจบเสียที ผมอยู่ตรงนี้ ผมต้องรักษาบรรยากาศ จะต้องไม่อ่อนแอ หรือเข้มแข็งเกินไป จนหาที่ลงไม่ได้ ผมจะโดนทั้ง ๒ ทาง

ขณะนี้ พี่น้องอีก ๗๐ จังหวัด ก็ด่าว่า ทำไมดูไม่เข้มแข็งเด็ดขาดเหมือน “หมานำราชสีห์”

แต่ไม่เคยสนใจพี่น้อง ๗ จังหวัดชายแดน ว่าเขาเดือดร้อนอย่างไร?”

ในความเห็นผมนะ จะเป็นเดือนแล้วที่เราถูกเขมรกระทำทั้งทางข่าวสารและทางปฎิบัติการทางทหาร

ไทยเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ปรากฎว่า เขมรกลับตีข่าวฟ้องโลกว่าเราไปทำเขา!

แล้วย้อนดูทางเราเอง ในความเป็นฝ่ายถูกกระทำ

รัฐบาลได้รวบรวม ประมูลเรื่องเป็น “ฝ่ายรุก” ทางข่าวสารและปฎิบัติการบนเวทีโลก ให้ชาวโลกได้รับรู้ข้อเท็จจริง ในความเป็น “จิ้งจอกอันธพาล” ของเขมรบ้างมั้ย?

อย่างกรณี “กับระเบิด” เป็นตัวอย่างมีรูปธรรมยืนยันได้ชัด ทั้งเรื่งดินแดนและเรื่องถูกกระทำ

การแถลงการณ์ประณาม, การฟ้องคณะกรรมการออตตาวา, การเชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศในไทยมารับทราบข้อเท็จจริง

การสร้างความชอบธรรมให้ประจักษ์เป็นขั้นตอน ไม่ใช้ความวู่วามทางอารมณ์นั้น ถูกต้องแล้ว

เมื่อถูกต้องตามขั้นตอน ชาวโลกรับรู้ข้อเท็จจริง ก็ทำตามเงื่อนไขปรัชญาการศึกของปราชญ์ “ซุนวู” คือ

รอบคอบ, รู้จักตัวเอง, รู้จักศัตรู, รู้จักใช้กลยุทธและเล่ห์เหลี่ยม, รู้จักปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง และรู้จักวางแผนที่ชาญฉลาด

แค่นี้ก็ สามารถ “ล้อมรั้ว” รอบปราสาททั้ง ๓ แห่งได้อย่างถูกต้องชอบธรรมแล้ว!

เพราะตอนนี้ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงแล้ว โดยเขมรยอมรับเองว่า “กับระเบิดอยู่ในฝั่งไทย” และเราอดทน-อดกลั้น ต่อการยั่วยุของเขมรตลอด ภาพบันทึกมีพร้อมยืนยันมิใช่หรือ?

มีความชอบธรรมที่ไทยจะ “ล้อมรั้ว” ปราสาททั้ง ๓ แห่งเพราะอยู่ในเขตไทย และเพื่อรักษาความสงบ สะอาด ความเรียบร้อย

เพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมา นอกจากไม่รักษาระเบียบการเข้าชมโบราณสถานแล้ว ยังทำลายโบราณสถาน สกปรก และทิ้งขยะเรี่ยราด ตามภาพที่บันทึก

แค่นี้ ก็เป็นเหตุผล ทั้งตามหลักสากล หลักกฎหมาย และตามสิทธิของไทยที่จะสร้างรั้วรอบบริเวณ ๓ ปราสาท

ที่ฮุนเซนบอกว่า….

ไทยสร้างรั้วรอบปราสาทเมื่อไหร่ รบกันเมื่อนั้น

นั่นคือ เขมรข่มขู่ เหี้ยนกระหือรือรุกรานดินแดนผู้อื่น

ซึ่งไทยมีสิทธิ์ป้องกันตัว-ปกป้องรักษาประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิชาติ

แม้ไม่มีเรือรบสู้ ก็จะเกณฑ์เรือประมง มีพิธาเป็น “ผู้การเรือ” นำกองเรือประมงรบตะลุยไปเอาอวนลากปลาเนื้ออ่อนมาทำปลากรอบซะให้เหี้ยนโตนเลสาบไปเลย!

รัฐบาลวันนี้ ไม่มีหัว ไม่มีตัว มีแต่หางดิ้นดุ๊กดิ๊ก ใครใคร่ทำ ทำ

จิ้งจก “หางขาด” ยังงอก

แต่ของสองพ่อลูก ตาม “เมนูกรรม” เหมือนก๋วยเตี๋ยวเรือ “ลึง-เล็ก-ตก-ใจ-ไม่งอก”!

เปลว สีเงิน

๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from plew
ว่าด้วย “บุญคุณและเอื้ออาทร”
เดี๋ยว……….. บอกก่อน เมื่อวาน ผมขอแรงคุณ “ผักกาดหอม” ช่วยคุยแทนหนึ่งวัน เพราะได้เวลาต้องเดินทางไปไหว้ “หลวงพ่อทวด” ที่วัดช้างให้ ปัตตานี ปีหนึ่ง ผมต้องไปครั้งหนึ่ง...
Read More
0 replies on “ล้อมรั้วรอบปราสาท #เปลวสีเงิน”