ผักกาดหอม
มั่นอกมั่นใจมากครับ…
“ทักษิณ” บอกว่า …
“เดี๋ยววันที่ ๒๒ สิงหาคมนี้ คดีมาตรา ๑๑๒ ก็จบแล้ว”
“…หากคดีจบแล้ว ผมจะเดินทางไปเจอกับเพื่อนคนหนึ่งที่เคยขออนุญาตศาลไปเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ศาลไม่อนุญาต เพื่อพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับการลงทุน…”
พูดแบบนี้คงเชื่อว่าชนะคดี ๑๐๐%
เป็นการพูดในงานปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤตโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต”
ก็แสดงความยินด้วยครับ ไม่ต้องใช้เส้นทางธรรมชาติ มุดชายแดนเขมร เสี่ยงให้ “อังเคิลวุ้นเส้น” จับตัวส่งกลับไทย
คราวนี้ได้ออกไปแบบเท่ๆ ขี่เรือบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ
แต่…ช้าก่อน อย่าเพิ่งมั่นใจขนาดนั้น
สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร
“ทักษิณ” แทบไม่ให้ราคาคดี ม.๑๑๒ เลยครับ
“…ผมขึ้นศาลเอง ผมรู้ ว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ขณะที่พยานอะไรก็ไม่รู้ และผมได้ถามพนักงานสอบสวน ถ้าวันนั้นไม่ถูกกดดัน พยานหลักฐานแค่นี้จะสั่งฟ้องผมหรือไม่ พนักงานสอบสวนตอบว่า อย่าว่าแต่เรื่องสั่งฟ้องเลย รับคดีก็ไม่รับ
เราเคารพศาล สิ่งที่พูดเป็นการเล่าให้ฟัง ว่าเรื่องนี้ไม่มีหลักฐาน…”
ปากบอกเคารพศาล แต่ที่ “ทักษิณ” ต้องไปขึ้นศาลคดีนี้ ก็เพราะศาลรับฟ้อง ฉะนั้นระวังปากจะพาจน แล้วเอาแต่โทษคนอื่น
ไม่มีหลักฐานอะไรจริงหรือ
คดีนี้สืบเนื่องจากตัว “ทักษิณ” ให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้เมื่อปี ๒๕๕๘ พาดพิง สถาบันพระมหากษัตริย์ และการรัฐประหาร
หลักฐานก็คือคำพูดทั้งหมดของ “ทักษิณ”
การบอกว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานอะไรเลย คำตอบจะอยู่ที่คำวินิจฉัยของศาล และจะเป็นบรรทัดฐานในอนาคต
ถ้า “ทักษิณ” รอดในศาลชั้นต้น ยังมีอุทธรณ์ ฎีกา จึงยังไม่จบในวันที่ ๒๒ สิงหาคมแน่นอน
แต่ถ้าจะเอาหลักฐานอื่นมาประกอบเพิ่มเติมก็มีอีกเพียบ ล้วนเป็นคำพูดของ “ทักษิณ” ทั้งนั้น
เช่นช่วงรัฐบาลประยุทธ์ “ทักษิณ” เคยพูดในห้องคลับเฮาส์ของกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ที่มีสมุนซ้ายขวาห้อมล้อมและว่าตามในทุกเรื่อง
“เมื่อก่อนไม่เคยมีปัญหา แต่วันนี้มีปัญหาเพราะความเฮงซวยของระบบการบริหารจัดการ และการมองทุกอย่างเป็นเรื่องเผด็จการ ไม่เข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพการพูดของคน
ถ้าเราใช้ระบบประชาธิปไตยเราจะไม่ปล่อยให้มันเละอย่างนี้ แล้วพอเละไปอย่างนี้
ศาลก็ดันไม่ให้สิทธิประกันตัว
ซึ่งเรื่องนี้เพื่อไทยจะเอาไปคุยกันในสภา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี หามาตรการในการแก้ไขกันดีกว่าว่า ต้องทำยังไงถึงจะให้ได้สิทธิประกันตัวแก่เด็ก
ทำยังไงถึงจะให้โทษไม่สูงเกินไป
ทำอย่างไรถึงจะให้มีกระบวนการพิจารณาที่มีความเป็นธรรมกว่านี้ ไม่ใช่สะเปะสะปะจนเกิดความแตกแยกในสังคม ความแตกแยกทั้งหมดนี้ เป็นความห่วยของรัฐบาลเอง…”
จะเอาไปประกอบคดี ม.๑๑๒ ของ “ทักษิณ” ก็ได้นะครับ จะได้เพิ่มน้ำหนักว่า ตอนให้สัมภาษณ์ที่เกาหลีใต้นั้น มีเจตนาอะไรกันแน่
ขณะเดียวกัน “ทักษิณ” เฉลยที่มาของ ตำแหน่ง สทร. เสือกทุกเรื่อง
“…ประเทศไทยปัญหาเยอะ และซับซ้อน ถ้าอ่านพระบรมราชโองการ ลดโทษให้ตน ผมต้องรับใส่เกล้าฯ แล้วจะอยู่เฉยโดยไม่สนใจปัญหาบ้านเมือง ถือว่าไม่ถูกต้อง…”
“ทักษิณ” กำลังจะบอกว่า ที่ควบคุม ครอบงำ ชี้นำรัฐบาลทุกเรื่องในขณะนี้ เป็นเพราะพระบรมราชโองการ
กลับไปดูพระราชหัตถเลขาพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษ “ทักษิณ” อีกครั้งครับ
“…ความว่าเคยดํารงตําแหน่งนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทําคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดําเนินคดีและศาลมีคําพิพากษาให้ลงโทษจําคุกดังกล่าวด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทํา มีความสํานึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคําพิพากษา ขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นั้น
ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจําคุกต่อไปอีก ๑ ปี ตามกําหนดโทษตามคําพิพากษา เพื่อจะได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทําคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชนสืบไป…”
“ทักษิณ” อ้างพระบรมราชโองการว่า ให้นำความรู้ความสามารถ ไปทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศ
อ้างเฉพาะกรณีที่เป็นคุณกับตัวเอง
แต่ประเด็นยอมรับผิด และสำนึกผิดที่โกงชาตินั้น กลับพบว่า “ทักษิณ” มิได้สำนึกตามที่ถวายฎีกาไว้ ที่ผ่านมา “ทักษิณ” ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองโกง กลับอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง โดยคณะรัฐประหาร
ที่เป็นโทษกับตัวเอง “ทักษิณ” มิได้พูดถึง
ขณะเดียวกัน ประเด็นที่ “ทักษิณ” เชื่อว่าเป็นคุณกับตัวเองนั้น มันใช่จริงหรือ
พระบรมราชโองการ ระบุเอาไว้ชัดเจนนะครับว่า ให้ “ทักษิณ” ไปทำอะไร เพื่อใคร
“…เพื่อจะได้ใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทําคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม และประชาชนสืบไป…”
ไม่ต้องตีความอะไรเลยครับ
แต่ “ทักษิณ” ใช้ประสบการณ์ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ทำคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองและประชาชนจริงหรือไม่
ที่ “ทักษิณ” ทำอยู่ทุกวันนี้เป็นไปตาม พระบรมราชโองการหรือไม่
แต่ละเรื่องที่ “ทักษิณ” ชี้นำ ครอบงำรัฐบาลแพทองธาร ทั้งในเรื่องนโยบาย การบริหารราชการแผ่นดินนั้นทำเพื่อใคร
กาสิโน พนันออนไลน์
ผลาญงบประมาณแผ่นดินหลายแสนล้าน แจกเงินหมื่นทั้งที่มีเสียงเตือนให้ระวังเศรษฐกิจโลกกำลังมีปัญหา
ดึงประเทศเป็นเหยื่อความขัดแย้งส่วนตัวกับ พ่อ-ลูก ผู้นำเขมร
“ทักษิณ” มิได้ใช้ประสบการณ์ตัวเองเพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล แต่ใช้ความรู้ของตัวเองบงการ สั่งการให้รัฐบาลทำตาม
จนประเทศไทยปกครองด้วยระบอบที่พิกลพิการ นายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจตามกฎหมาย ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจของตัวเอง
นี่คือการทำตามพระบรมราชโองการอย่างนั้นหรือ
อ้างว่ารับใส่เกล้าฯ มา!
พระบรมราชโองการระบุเอาไว้ชัดนะครับ “ช่วยเหลือ” ไม่ใช่ “บงการ” หรือ “ครอบงำ”
นี่ก็เป็นหลักฐานประกอบคดี ม.๑๑๒ ของ “ทักษิณ” ได้เช่นกัน
๒๒ สิงหาคม รู้เรื่องครับ.
