1 กรกฎาคม 2568 นายคารม พลพรกลาง สมาชิกพรรคภูมิใจไทย อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวพาดพิงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ในทำนองที่ว่า “นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยอยู่ในลิสต์ของนายกรัฐมนตรี ที่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ หากได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี แถมบอกว่าโอกาสมาแล้ว ถ้าเป็นผมคงไม่พลาด คือรับเงื่อนไขนี้ เพราะใครก็รู้ว่า คนเป็นรัฐบาลคุมอำนาจรัฐย่อมได้เปรียบในการเลือกตั้งที่จะมาถึง”
นายคารม กล่าวว่า ความจริง นายปดิพัทธ์ น่าจะไม่ได้ติดตามจุดยืนของนายอนุทิน ที่พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง หากมีการยุบสภา ส่วนเรื่องรายชื่อนายอนุทิน ที่มีชื่อในลิสต์ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ก็เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ การที่ใครจะเป็นไปนายกรัฐมนตรี ย่อมเป็นไปตามมติของสภาผู้แทนราษฎร
“ผมอยากจะฝากถึงนายปดิพัทธ์หรือหมออ๋องนะครับว่า หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่เคยติดยึดกับอำนาจ ไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง รวมถึงการลาออกของนายภราดร ปริศนานันทกุล ตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 2 ที่ไม่ติดยึดตำแหน่งแต่อย่างใด พรรคภูมิใจไทย เป็นนักการเมืองมืออาชีพ ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนมาก่อน ผลประโยชน์ส่วนตัวเสมอ” นายคารม ย้ำ
นายคารม กล่าวต่อว่า ตนเองจำได้ว่า ยุคที่นายปดิพัทธ์ กระสันอยากเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ใช้วิธีเลี่ยงข้อบังคับของสภาฯ หาเหตุให้พรรคตัวเองขับออกจากพรรค เพื่อให้หัวหน้าพรรคได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และให้ตัวเองได้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ไม่น่าเชื่อว่านายปดิพัทธ์ จะกล้ามาวิจารณ์คนอื่น แถมคิดไปไกลกว่านั้น บอกว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 เขียนขึ้นเพื่อเอื้อพรรคการเมืองขนาดกลาง แบบนี้เขาเรียกว่าอธิบายกฎหมายรัฐธรรมนูญแบบจินตนาการ ไม่มีหลักวิชาการปนเลย ใช้ความคิดของตนเองล้วน ๆ แทนหลักการ