จุดจบ ‘แพทองธาร’ #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

ยุ่งแล้วครับ…

นักกฎหมายมือหนึ่งของพรรคเพื่อไทย “ชูศักดิ์ ศิรินิล” บอกว่า นายกฯ แพทองธาร รอดแน่! เตรียมโต๊ะจีนฉลองได้เลย

เหตุผลเพราะ “คลิปลับ” ที่ “ฮุน เซน” เอามาประจานนั้น เป็นหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ

“…ผมมีข้อสังเกตส่วนตัว ๒ ข้อ

ข้อ ๑ พยานหลักฐานที่นำมาใช้กัน ถามว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะเกิดจากการแอบอัดคลิปเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

ขอถามว่า ผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หรือไม่ ผมว่าผิด เพราะเจ้าตัวไม่ได้ยินยอม ซึ่งการที่เราจะเอาพยานหลักฐานประเภทนี้มาฟัง โดยเฉพาะศาลจะเอามาฟัง

แถมยังไม่มีการแปลแบบเป็นทางการว่าเป็นอย่างไร ผมคิดว่า ต้องคิดหนักว่าควรหรือไม่ควร ว่าศาลจะรับฟังพยานหลักฐานประเภทนี้หรือไม่

ข้อ ๒ มองว่า ถ้าไปดูเนื้อหาแล้ว อะไรที่มันเข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริตบ้าง ยังไม่มีที่เป็นรูปธรรม อะไรที่เข้าข่ายฝืนจริยธรรม ผมก็ว่ายังไม่มี เพราะไม่เข้าข่ายมาตรฐานจริยธรรมที่วางไว้

ถามว่า ทำให้ประเทศต้องสูญเสียอำนาจอธิปไตย ดินแดนหรือไม่ ได้ประโยชน์อะไรส่วนตัวหรือไม่ ทำให้ประเทศต้องเสียหายหรือไม่ ไม่มีอะไรเลย เพียงแต่สนทนากันเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดน…”

นี่ไม่ใช่คดีแพ่งหรือคดีอาญานะครับ

เป็นคดีที่สมาชิกวุฒิสภา ขอให้ ๒ องค์กรอิสระ คือ ศาลรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดนายกฯ แพทองธาร กรณีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง

ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๖๐ (๔) (๕) เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

หลักฐานเป็นคลิปแอบอัดสามารถนำมาใช้ในศาลได้หรือไม่

แล้วทำไมจะไม่ได้!

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖/๑๑ บัญญัติว่า …

“…ในกรณีที่ความปรากฏแก่ศาลว่า พยานหลักฐานใดเป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยชอบ แต่ได้มาเนื่องจากการกระทำโดยมิชอบ หรือเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นหรือได้มาโดยมิชอบ ห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้น

เว้นแต่การรับฟังพยานหลักฐานนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อการอำนวยความยุติธรรม มากกว่าผลเสียอันเกิดจากผลกระทบต่อมาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทางอาญา หรือสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน…”

หมายความว่าถ้าคลิปที่แอบบันทึกนั้นมีประโยชน์ต่อชาติและประชาชน ศาลก็รับฟัง

อย่างที่บอกครับ คดีถอดถอนนายกฯ มีใช่คดีตีหัวหมา ขโมยเงินแม่ค้า เป็นคลิปการสนทนาระหว่างผู้มีอำนาจ ๒ ประเทศ

เนื้อหาการพูดคุย กระทบกับประเทศในวงกว้าง

เป็นการพูดคุยที่ไม่เห็นหัวประชาชน

ผู้ที่จะตัดสินว่าคลิปนี้ใช้เป็นหลักฐานได้หรือไม่ คือศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช.

ให้จับตาดูวันที่ ๑ กรกฎาคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องหรือไม่

และจะสั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

ขณะที่ประชาชนจำนวนมากตัดสินไปแล้วว่า “แพทองธาร” ไม่คู่ควรที่จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป

เพราะไร้ความรู้ ความสามารถ

ไม่มีความน่าเชื่อถือ

เนื้อหาการพูดคุยระหว่าง “แพทองธาร” กับ “ฮุน เซน” ไม่มีอะไรเหมือนการเจรจาเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งระหว่าง ๒ ประเทศไทยเลย

แต่เป็นการโอดครวญ ขอความเห็นใจ คนไทยกำลังจะไล่ไปเป็นนายกฯ เขมร

และนินทาแม่ทัพภาคที่ ๒ ว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม

“…ไม่อยากให้อังเคิลไปฟังฝั่งคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา เพราะว่าถ้าไปฟัง แม่ทัพภาคที่ ๒ เป็นคนของฝั่งตรงข้ามหมดเลย ซึ่งพอไปฟังทางนั้นเสร็จ ก็ไม่อยากให้ท่านรู้สึกไม่ชอบใจหรือโกรธ

เพราะจริงๆ แล้วไม่ใช่ความตั้งใจของเราเลย

เพราะตอนนี้ทางนั้นเขาอยากจะดูเท่ เขาก็จะพูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ

แต่ความจริงคือเราต้องการความสงบสุขให้เกิดขึ้นก่อนที่จะปะทะกันที่ชายแดน

บอกว่าให้ท่านฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะว่าพักนี้คนในประเทศไทยเขาไล่เราไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว (หัวเราะ) จริงๆ แล้ว ถ้าท่านอยากได้อะไร ก็ให้ท่านบอกมาได้เลยค่ะ เดี๋ยวจะจัดการให้…”

ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไร้จริยธรรมครับ จึงจะพูดข้อความทั้งหมดนี้ให้ผู้นำอีกประเทศหนึ่งซึ่งกำลังมีปัญหาขัดแย้งบริเวณชายแดนฟัง

คนดีๆ เขาไม่พูดแบบนี้หรอกครับ

คดีนี้ชัดกว่าคดีนายกฯ ๘ ปีของ “ลุงตู่” และการตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” ของ “เศรษฐา ทวีสิน” อย่างมาก

คำพูดของนายกฯ แพทองธาร ข้างต้น เข้าองค์ประกอบ การละเมิดมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรม หมวด ๑ ว่าด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ เกือบครบทุกข้อ

ต้องยึดมั่นและธํารงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน

ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบเพื่อตนเองหรือผู้อื่น หรือมีพฤติการณ์ที่รู้เห็นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตําแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

ต้องไม่ขอ ไม่เรียก ไม่รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดในประการที่อาจทําให้กระทบกระเทือนต่อการปฏิบัติหน้าที่

ต้องไม่รับของขวัญ ของกํานัล ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด เว้นแต่เป็นการรับจากการให้โดยธรรมจรรยา และการรับที่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับให้รับได้

อ่านผ่านๆ อย่างน้อย ๓ ข้อ ที่ “แพทองธาร” ละเมิด

แม้จะยังไม่เสียดินแดน

ไม่สูญเสียอำนาจอธิปไตย

หรือได้เสียผลประโยชน์อื่นใด

แต่คำพูดของ “แพทองธาร” ซึ่งเป็นผู้นำประเทศ ทำให้ความเชื่อมั่นในประเทศไทยสั่นคลอน ทำให้ประเทศเสียเกียรติภูมิ

ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่พร้อมแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันใต้โต๊ะ

แล้วจะให้ประชาชนเชื่อมั่นได้อย่างไรว่า เรื่องอื่นๆ “แพทองธาร” ไม่ใช้วิธีเดียวกันนี้

การบอกว่าแม่ทัพภาคที่ ๒ อยากจะดูเท่ พูดอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประโยคนี้นับว่าหนักหนาสาหัสมาก

ไร้จริยธรรมในการเป็นผู้นำประเทศอย่างสิ้นเชิง

จุดจบของ “แพทองธาร” จึงอาจไม่ใช่ยุบสภา หรือลาออก

แต่จะถูกถอดถอน.

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
ยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ด้วยคะแนนสูงสุดด้านสิ่งแวดล้อมในกลุ่มโทรคมนาคมทั่วโลก ทรู ติดอันดับสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก FTSE4Good ประจำปี 2563
4 ส.ค.63 บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก FTSE4Good ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จาก...
Read More
0 replies on “จุดจบ ‘แพทองธาร’ #ผักกาดหอม”