ผักกาดหอม
เอ็นดู “อ้วน ภูมิธรรม” ครับ….
ผีถึงป่าช้าแล้วดันบอกว่ายังหายใจอยู่
“…เหนียวแน่น ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเข้าใจสถานการณ์กันดี แต่ตอนนี้มีสิ่งที่พยายามจะสร้างเงื่อนไขทั้งภายในและภายนอก การสร้างเงื่อนไขภายในคือ กลุ่มที่อยากล้มรัฐบาล เป็นเรื่องธรรมดา…”
คำพูด “ภูมิธรรม” ที่ทุกคนฟังแล้วต่างพากันสงสัยเหมือนๆ กันว่าเพิ่งตื่นนอนในรอบสัปดาห์หรือเปล่า เหตุการณ์สำคัญๆ อาทิ นายกรัฐมนตรีไทยมีพฤติกรรมเหมือนไส้ศึกให้เขมร มองทหารภายใต้การบังคับบัญชาของตัวเองเป็นศัตรู
รวมไปถึงการถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย
ราวกับว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้น
แต่เข้าใจได้ครับ นี่คืออาการก่อนการสูญเสียอำนาจของรัฐบาล ทำให้เพ้อ พยายามพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
ทำใจเถอะครับ สิ่งที่ “อุ๊งอิ๊ง” ทำมันเกินให้อภัย
ประเทศไม่ใช่ของเล่นของตระกูลการเมือง จะเอาไปต่อรอง หรือประเคนให้ใครไม่ได้
ความผิดพลาดของ “อุ๊งอิ๊ง” มันร้ายแรงกว่า “ยิ่งลักษณ์” หลายเท่าตัว
ฉะนั้นหลังจากนี้เตรียมตัวรับผลของการกระทำ
เวลาของรัฐบาลแพทองธารหมดลงแล้วครับ
อย่าฝืนที่จะอยู่ต่อ เพราะความเสียหายจะยิ่งบานปลาย ตระกูลชินวัตรจะยิ่งหมดความชอบธรรมที่จะอาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
เรื่องนี้มิได้กระทบเฉพาะ “อุ๊งอิ๊ง” ครับ แต่สะเทือนไปถึง “ทักษิณ ชินวัตร” ยิ่งกว่าถูกรัฐประหารเมื่อปี ๒๕๔๙ เพราะครั้งนี้คือบทสรุปของระบอบทักษิณ ที่จะสูญสิ้นไปอย่างถาวร
เพราะเหิมเกริม ย่ามใจ เดินเกมไม่สนใจใคร คิดว่าตัวเองควบคุมทุกอย่างในประเทศไทยได้ วันนี้ได้เห็นแล้ว ทางหมาลอด ยังยากที่จะผ่าน
ไม่หนีวันนี้ ไม่รู้จะหนีวันไหน เพราะยิ่งเนิ่นนานยิ่งหนียาก
สำหรับ “ทักษิณ” แล้ว “ฮุน เซน” ใช่จะไว้ใจได้อีกต่อไป การหนีครั้งนี้จึงยากลำบาก และมีราคาที่ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมหลายเท่าตัว
ดีไม่ดีถูกส่งคืนประเทศไทย
เห็น “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” โพสต์ข้อความสั้นๆ ว่า สงครามระหว่างตระกูลชิน กับตระกูลฮุน ในอนาคตถ้ามีปัญหาที่ต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ
คราวนี้ตระกูลชินคงไปทางมาเลเซีย
ก็เป็นไปได้ครับ เพราะ “ทักษิณ” เป็นถึงที่ปรึกษาใหญ่ของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย “อันวาร์ อิบราฮิม”
แต่ชาวมาเลย์ ไม่ใช่คนเขมรนะครับ หาก “อันวาร์ อิบราฮิม” หาเหาใส่หัว จะกระเทือนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเช่นกัน
ยอมแลกหรือเปล่า?
ครับ…เพราะก้าวพลาดเพียงก้าวเดียว แต่เป็นก้าวที่ใหญ่มาก
“อุ๊งอิ๊ง” หมดความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่ทำในรัฐบาลวันสองวันมานี้ คือการแก้ตัวที่ไร้สาระ
“….ดิฉันได้ทำความเข้าใจกับกองทัพเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกองทัพก็รับฟังและบอกว่าวันนี้เราต้องร่วมมือกันเพื่อผนึกกำลังเอาไว้
คนไทยทุกคนๆ ก็ต้องผนึกกำลังกันไว้เช่นกัน เพราะวันนี้ทุกภาคส่วนได้สรุปว่ามันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆ ต่อประชาชนหรือของอะไรที่จะมาพูดว่ารัฐบาลกับกองทัพต้องมาสู้กัน
วันนี้เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกัน เราต้องปกป้องอธิปไตยของเราไว้ และนี่คือสิ่งที่เห็นตรงกัน และยินดีที่จะซัพพอร์ตกองทัพทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่กองทัพต้องการการสนับสนุนใดๆ ก็ตาม คือสิ่งที่เราตั้งใจว่าจะทำร่วมกัน…”
ปากของ “อุ๊งอิ๊ง” นอกจากเป็นภัยความมั่นคงของชาติแล้ว ยังเป็นภัยความมั่นคงของรัฐบาลด้วย
ฉะนั้นการมาร้องขอให้ประชาชนผนึกกำลังกันไว้ ก็คงทำได้กรณีเดียวคือ ผนึกกำลังกันไล่รัฐบาลไทยใจเขมรให้พ้นหูพ้นตา เพราะมองทีไรมันอุจาด
สำหรับ “อุ๊งอิ๊ง” มีทางเลือกทางเดียวครับคือยุบสภา
การลาออกมิได้แก้ปัญหา แต่จะเป็นการถ่วงเวลาการแก้ปัญหาให้กับประเทศ
เมื่อภูมิใจไทยถอนตัวแล้ว พรรคอื่นๆ โดยเฉพาะรวมไทยสร้างชาติ จะถูกกดดันอย่างหนักว่าจะยอมกอดศพจนตัวเองตายตามหรือไม่
สุดท้ายมันทานกระแสสังคมไม่ไหวหรอกครับ
“อุ๊งอิ๊ง” ลาออก ให้ “ชัยเกษม นิติสิริ” เป็นนายกฯ แทนยิ่งยากไปใหญ่ เพราะการหาพรรคการเมืองมาร่วมรัฐบาล รวมเสียง สส.ให้ได้ ๒๕๑ เสียง โอกาสเป็นศูนย์
พรรคภูมิใจไทยก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะหากยังดึงพรรคเพื่อไทยร่วมรัฐบาลจะตอบคำถามกับประชาชนอย่างไร
พรรคประชาชนยิ่งแล้วใหญ่ ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้เลย เพราะไร้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว
ยกเว้นว่า พรรคประชาชนยอมยกมือให้ “อนุทิน” เป็นนายกฯ ซึ่งก็เป็นไปได้ยาก เพราะมวลชนส้มจะลุกฮือแน่นอน
มีทางเดียวที่การเมืองจะเดินต่อไปได้คือยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ให้ประชาชนได้ใช้สิทธิของตัวเองอีกครั้ง แม้จะไม่สะท้อนความต้องการของประชาชนโดยรวมนักก็ตาม
แต่ก็มีความพยายามอย่างหนักที่จะอยู่ต่อครับ
วานนี้ (๑๙ มิถุนายน) “อุ๊งอิ๊ง” นำทีมคณะรัฐมนตรีเข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงานหลักสูตรการฝึกปฏิบัติ และดูงานเศรษฐกิจพอเพียง ของศูนย์ฝึกโรงเรียนจิตอาสา ๙๐๔ (บางเขน)
ดูเจตนาก็รู้ครับว่าคืออะไร
มันเลยเวลาไปแล้วครับ “อุ๊งอิ๊ง” ไม่มีความชอบธรรมใดๆ เหลืออยู่อีกแล้ว
การขอร้องเชิงบังคับให้รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลไปร่วมเฟรม คงจะทำได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เพราะบรรดารัฐมนตรีเหล่านั้นรับรู้แล้วว่า การเล่นบทปลิงนั้น ชีวิตการเมืองมันจะสั้นนัก
ไปดูรายชื่อกันหน่อยครับว่ารัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลที่ไปร่วมงาน ซึ่งมิใช่พรรคเพื่อไทยนั้นมีใครบ้าง
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
เดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
จำชื่อเหล่านี้ไว้นะครับ!
หากสัปดาห์นี้สัปดาห์หน้ายังยืนกรานจะอยู่ร่วมรัฐบาล คนพวกนี้คือกลุ่มคนพายเรือให้โจรนั่ง
ของปลอมทั้งนั้น
ยอมศิโรราบกับนายกรัฐมนตรีที่อื้อฉาวว่าทรยศชาติ
ฉะนั้นหากอยากกอดศพจนเน่า หลังจากนี้อย่าเรียกตัวเองว่าเป็นนักการเมืองที่รักชาติ ทำเพื่อชาติ เพราะมันจะพิสูจน์ให้เห็นว่า รักตัวเอง ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น
ต้องพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่าจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับนักการเมืองทำลายชาติ
อย่าให้ประชาชนเขาด่าว่าเป็นแค่เห็บกระโดดหนีหมาตาย.
