“รัฐบริบาล” โดย “กองทัพ” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

“ฮุนเซน”

จะตบหัว “อุ๊งอิ๊ง” เล่น ก็เป็นเรื่องของคุณ เพราะคุณเป็นเพื่อนกับพ่อของเธอ

หรือจะตบหัว “ภูมิธรรม” เล่น ก็เรื่องของคุณ เพราะภูมิธรรม ประหนึ่งลูกกะพรวนเท้าของเพื่อนคุณ

แต่ที่คุณ “สองพ่อลูก” ทำกร่าง….

สั่งทหารใช้ตีนโสโครกล้ำเข้ามาเหยียบแดนไทย ๒๐๐ เมตร บอกให้ถอย ก็ทำยะโส…กูไม่ถอย แถมเหิมเกริม

ทะลึ่งเคลมเอา “ปราสาทตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊ด, ปราสาทตาควาย ที่พนมดงรัก สุรินทร์ และช่องบก ที่อุบลราชธานี ซึ่งเป็นของไทยมาแต่อ้อน-แต่ออก ว่าเป็นของเขมร

แล้วจะไปฟ้องศาลโลก!?

เขมรอยากเล่นเกมการเมือง ก็ไปเล่นกับรัฐบาลโน่น ทหารเขาไม่เกี่ยว

แต่เมื่อซ่า เล่นเกม “ชิงแผ่นดิน” แถมเคลมเอาโบราณสถานของไทยหน้าด้านๆ เยี่ยงคนป่า-คนเถื่อน

แบบนี้ มันก็ต้องเจอ “ไอ้โอ๊บ” ของกองทัพ เท่านั้นแหละ!

เพราะเรื่องอธิปไตยบ้านเมือง มันเป็นเรื่องในเขตแดนอำนาจทหารโดยตรง เมื่อชวนคุยกันดีๆ ด้วย JBC, GBC,และ RBC ตามกรอบ MOU 43 กลับเล่นแง่ ยักกระสาย ทำยะโส

ชาติคางคก เลือดหัวไม่ตก ก็ไม่สำนึก ฉะนั้น ต้องให้มันเจอ “ของจริง” ซะบ้าง

……………………………………..

คำสั่งกองทัพบก

(เฉพาะ)               

ที่ 806/2568

เรื่อง ควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา

ตามที่ปรากฏว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมาได้เกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขึ้นตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา

โดยพลเรือนและกำลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ข้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทย หลายครั้งอย่างต่อเนื่อง

และแสดงท่าทีที่พยายามให้เกิดความเข้าใจว่า พื้นที่ที่ตนรุกล้ำเข้ามานั้นเป็นอธิปไตยของกัมพูชา

ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงเคารพธงชาติ การติดอาวุธเข้ามาในพื้นที่ ทั้งที่ชัดเจนว่าดินแดนที่รุกล้ำเข้ามานั้น เป็นอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์

ซึ่งกองทัพบกได้สั่งการให้กำลังพลเข้าระงับเหตุโดยการเจรจา ชี้แจงเหตุผลให้ทราบ และผลักดันให้บุคคลดังกล่าวออกไปเสียให้พ้นจากราชอาณาจักรไทย

ตามหลักสันติวิธี และด้วยความอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุของฝ่ายตรงข้าม

แต่พลเรือนและกำลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชา ยังคงพยายามที่จะรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และแสดงท่าทียั่วยุโดยไม่หยุดยั้งและอย่างเปิดเผย

ทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชาและต่อประชาชนของทั้งสองประเทศที่มีความสัมพันธ์ อันดีมายาวนาน

จนกระทั่งมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่กองทัพบกต้องใช้มาตรการเข้มข้นในการผลักดันผู้รุกรานให้พ้นไปเสียจากราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะที่บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี

ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ผลประโยชน์ของชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดนที่ไม่อาจยอมรับได้

แม้รัฐบาลไทย และกองทัพบกจะได้ใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดในการระงับยับยั้งความตึงเครียดตามแนวชายแดน โดยใช้กลไกที่มีการตกลงกันไว้กับกัมพูชา

แต่ความพยายามดังกล่าวกลับไม่ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชา ทั้งยังปรากฏด้วยว่า

กัมพูชาได้เสริมกำลังพลและอาวุธและยุโธปกรณ์เข้ามาประชิดตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา อีกเป็นจำนวนมาก

รวมทั้งมีการจัดทำที่มั่นสำหรับวางกำลังทางทหาร อันแสดงให้เห็นถึงความไม่ร่วมมือกับประเทศไทยที่มุ่งหมายจะระงับความตึงเครียดดังกล่าวโดยสันติ

และเป็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2519 (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia, 24 February 1976)

อันเป็นหลักการพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของทุกประเทศในอาเซียน

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชายังคง มีท่าทียั่วยุให้เกิดความตึงเครียด และการเสริมกำลังพลและอาวุธยุทธโธปกรณ์แสดงให้เห็นความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะใช้กำลัง

เช่นนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้และเป็นภัยคุกคามอย่างยิ่งต่ออธิปไตย ความมั่นคงของชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย

ตลอดจนกระทบต่อความเป็นอยู่โดยปกติสุขของพี่น้องชาวไทย และกัมพูชาที่อยู่อาศัยร่วมกันอย่างสันติตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา มาช้านาน

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงยึดมั่นหลักการอยู่ด้วยกันอย่างสันติ และแสวงหาหนทางระงับ ยับยั้งความตึงเครียดด้วยการเจรจากันด้วยเหตุผล

ภายใต้หลักการที่ต้องดูแลพี่น้องประชาชนชาวไทย และกัมพูชาไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนเกินสมควรจากความตึงเครียดนั้น

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สภาความมั่นคงแห่งชาติ จึงได้จัดการประชุม เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568

และมอบหมายให้กองทัพบก ดำเนินการควบคุมการเปิด – ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา

เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์

พร้อมทั้งมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมาตรการ ที่กองทัพบกกำหนดโดยเคร่งครัด

………………………………………….

เจอแต่แถลงการณ์หน่อมแน้มของรัฐบาลแล้วได้ใจ รุกไล่ใหญ่ มาเจอ “คำสั่งกองทัพบก” ฉบับนี้ ฉาดเข้าที่บ้องหู เป็นไงล่ะ?!

………กองทัพบกต้องใช้มาตรการเข้มข้นในการผลักดันผู้รุกรานให้พ้นไปเสียจากราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะที่บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี

ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ผลประโยชน์ของชาติ และบูรณภาพแห่งดินแดนที่ไม่อาจยอมรับได้”

เจอกำปั้นเหล็กกองทัพไทยทุบเปรี้ยงกลางแสกหน้า “เขมรสองพ่อลูก” หายซ่าทันใด โดยเฉพาะตัวพ่อที่พิษพราว คราวนี้ ถึงกับหาวเรอ-เลอะเลือน

ก็บอกแล้ว กองทัพนั้น การเมืองเป็นเรื่องอยู่นอกวงแขน เขาไม่เข้าไปยุ่ง แต่เรื่องความมั่นคงและบูรณภาพแห่งดินแดน เป็นเรื่องในอ้อมแขนทหารโดยตรง

ฉะนั้น ทหารเขาต้องเข้ามายุ่ง กองทัพปกติพูดน้อย แต่ถึงคราวพูด อ้อมค้อมไม่มี มีแต่ “เฉาะหน้าแง” ค้ำคอเขย่าถามกันจะๆ “มึงจะเอายังไงบอกมา?”

ไม่เพียงทัพบก เรื่องนี้ ทั้งทัพเรือ ทัพอากาศ ทัพตำรวจ พรึบ…พร้อมกันทุกจุด ประกาศกฎอัยการศึก ปิดจุดผ่านแดนถาวร ๗ จุด

-ด่านอรัญประเทศ “บ้านคลองลึก – ปอยเปต”

-ด่านจันทบุรี – ไพลิน “บ้านผักกาด-ช่องพรม”

-ด่านจันทบุรี – พระตะบอง “บ้านแหลม – กร็อมเรียง”

-ด่านตราด – เกาะกง “บ้านแหลม – กร็อมเรียง”

-ด่านสระแก้ว – พระตะบอง “บ้านเขาดิน  บ้านพนมได”

-จุดผ่านแดนช่องสะงำ – ช่องจวบ จ.ศรีสะเกษ กับ จังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา

-จุดผ่านแดนช่องจอม – โอร์เสม็ด จ.สุรินทร์ กับ จังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา

แค่ปิด ๓ ด่าน ที่อรัญฯ-ปอยเปต, ที่คลองใหญ่ ตราด และที่จันทบุรี เขมรก็ตายแล้ว จะหาสินค้าของกิน-ของใช้จากที่ไหน เมื่อไทยปิดด่าน

ที่สำคัญ “ขาพนัน” ฝั่งไทยเข้าไปเล่นในบ่อนกาสิโนฝั่งเขมรไม่ได้นี่ซี  ทำให้ขาดรายหลักไปมหาศาล!

นี่แค่ มาตรการ “เบา” นะ ยังไม่ใช่มาตรการ “หนัก!”

ถ้าเขมรยังสะแอ๋ง ไม่ยอมถอยออกไปจากที่รุกล้ำเข้ามา ๒๐๐ เมตร

ยังทึกทักเอาปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตหรือช่องบกว่าเป็นของเขาอยู่ละก็

ทหารเขมรที่ขุด “คูเลต” ซุ่มอยู่นั่นน่ะ

ระวัง มันสมองจะเล็ด!

เขมร….ขณะนี้ คุณเป็นภัยต่อความมั่นคงและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย โทษนี้ฉกรรจ์ อภัยไม่ได้ ถึง “หัวขาด”

เห็นอยากรบนัก ทั้งพ่อ-ทั้งลูก ก็เดินนำหน้าเข้ามาเลยซี จะเที่ยววิ่งไปขอให้ประเทศโน้น-ประเทศนี้ มาเป็น “ท้าวมาลีวราช” ทำไมล่ะ?

“พ่อนายกฯ” ฝั่งไทย โทรไปบอก “พ่อนายกฯ” ฝั่งเขมรหน่อยว่า ถ้าไม่อยากบรรลัยเร็วละก็

หยุดแหย่ “รังแตน” คือ “กองทัพไทย” ซะตั้งแต่เดี๋ยวนี้ สั่งทหารถอยออกไปจากที่รุกล้ำ ๒๐๐ เมตร และกลบคูเลต คืนสภาพเดิมซะดีๆ

แอ็กชั่น “กองทัพไทย” เที่ยวนี้ ต้องบอกว่า หล่อมาก!

ได้ใจคนไทยทั้งประเทศไปเลย

ปฎิบัติการนี้ใหม่แกะกล่อง เรียกว่า ทหารทำ “รัฐบริบาล” ซึ่งต่างจาก “ทำรัฐประหาร”

ทำ “รัฐประหาร” คือการใช้กำลัง “ยึดอำนาจ” ปลี่ยนแปลงรัฐบาล

แต่การทำ “รัฐบริบาล” คือการ “ยึดอำนาจ” รัฐบาลที่ไม่เป็นประสา เข้ามาช่วยทำหน้าที่ “ดูแลรักษาและคุ้มครองประเทศ”!

ก็คงต้องให้ทหาร “ยึดอำนาจ” ไปจนถึงสิงหา.-กันยา.นั่นแหละ จึงจะวางใจได้ อย่ารีบใจอ่อนกับพวกเถื่อน ต้องทำให้มันสำนึกซะบ้าง

ถามว่าแล้วมันจะเข็ดมั้ย?

ไม่หรอก….

เขมรถูกสาปมาให้เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเป็น “กุลีขนหิน” ให้ขอมสร้าง “นครวัด-นครธม” ก่อนศตวรรษที่ ๑๒ นั่นด้วยซ้ำ!

รัฐบาลเพื่อไทยช่วงนี้ ภูมิธรรมก็บอกอุ๊งอิ๊งและครม.ไปเล่นตั้งเตอยู่หลังบ้านซักพักก่อน…ไป๊

คิดอุบายหลอกชาวบ้านทำ “บ่อนกาสิโน” ยัดไส้ “เอนเทอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์” เพื่อยัดเข้าสภา เดือนกรกฎา.ไปเรื่อยๆ ก็ได้

ให้กองทัพเขาทำ “รัฐบริบาล” ปฎิบัติการสุนทร สั่งสอน “เขมรเลี้ยงไม่เชื่อง” ไปซักระยะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง

ดี-ด้วยทหาร “รัฐบริบาล” บ้านเมืองจึงรอด ประเทศชาติจึงรุ่ง

นี่คือ “รัฐบริบาลประชาธิปไตย” ที่ลงตัวสู่ศตวรรษที่ ๒๑!

เปลว สีเงิน

๙ มิถุนายน ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ

 

Written By
More from plew
เหนือกฎหมาย คือ กฎกรรม-เปลว สีเงิน
คลิกฟังบทความ..⬇️ เปลว สีเงิน พวกคิด “ล้มเจ้า”…… สุดท้าย “ตัวเอง” เป็นฝ่ายล้ม! ได้รับการเสนอเป็นนายกฯ ก็ตกใต้ถุน
Read More
0 replies on ““รัฐบริบาล” โดย “กองทัพ” #เปลวสีเงิน”