เพราะไทย “มีหนึ่งเดียว” #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

สัปดาห์นี้…..

เป็น “สัปดาห์สุดท้าย” ของ “เดือนพฤษภา.” ถ้าเป็นหนังขายยาก็ต้องบอกว่า เป็นหนังท้ายม้วน

ถึงตอน “ใกล้อวสาน”

ทุกเรื่องทุกราวจึงมาบรรจบ ตะลุมบอนกันจอ “ตุงไป-ตุงมา”ประมาณนั้น!

ทาง “สภาล่าง” ตั้งแต่ ๒๘-๓๑ พฤษภา.ถกกัน ๔ วัน ๔ คืน ว่าด้วยเรื่องพิจารณาร่างกฎหมาย ๕ ฉบับ

หัวใจอยู่ที่ฉบับที่ ๕ คือ……

“ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๙”

ทีนี้ มาดูทางสภาบน “วุฒิสภา” บ้าง เปิดประชุมกัน ๒๙-๓๐ พฤษภา.เรื่องในวาระการประชุม “ทั้งหลวง-ทั้งราษฎร์” จ้องตาเขม็ง

เริ่มด้วยการให้ความเห็นชอบ กรรมการ ป.ป.ช. ๓ คน

ศุกร์ที่ ๓๐ พฤษภา.พิจารณาเรื่องด่วน ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อทำหน้าที่ “ตรวจสอบประวัติ, ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ”

กกต., ศาลรัฐธรรมนูญ, และอัยการสูงสุด

ประกอบด้วย ตำแหน่ง กกต.จำนวน ๑ คน คือ นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

ตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ๒ คนคือ ๑. ศ.ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ ศาสตราจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมและมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ และ

๒.นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมการขนส่งทางราง และ อดีตอธิบดีกรมทางหลวง ในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ

ตำแหน่งอัยการสูงสุด ๑ คน นายอิทธิพร แก้วทิพย์ ตามที่คณะกรรมการอัยการ หรือ ก.อ. มีมติเอกฉันท์เสนอชื่อ

นอกจากนี้……

ยังมีวาระให้ความเห็นชอบบุคคลได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.

หลังจากคณะกรรมาธิการสามัญทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลได้รับการเสนอชื่อ เสร็จสิ้น จำนวน ๓ คน ประกอบไปด้วย

๑.นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ ๒.นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง และ ๓.นายประจวบ ตันตินนท์

เรื่องให้ความเห็นชอบบุคคลในองค์กรอิสระนี้ สว.ฝ่า “องุ่นเปรี้ยว” ยื้อเต็มที่ จะให้ชะลอไว้ก่อน อ้างเหตุผลว่า มีสว.หลายคนต้องข้อกล่าวหาเรื่องฮั้ว

นั่นทางด้านรัฐสภา

มาดูทางสภาประชาชนบ้าง ลือกันเป็นกระสือกินดาก ว่าทิดแม้วเป็น “ขอมดำดิน” หนีวันที่ ๑๓ มิถุนา.ไปซะแล้ว!

ยังหรอกครับ ….ธ่อ…กว่าจะกลับเข้ามาเป็นนักโทษเทวดาได้ต้องใช้เวลาถึง ๑๗ ปี แล้วจะหนีอีกให้โง่เรอะ?

ดูน้องสาวอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ซิ เรื่องจำนำข้าว แรกๆ ก็ลือกันแบบนี้ เธอก็ยืนยันด้วยเกียรติลูกผู้หญิงแห่งตระกูลชินวัตรว่า “ดิชั้นไม่หนีหรอกค่ะ”

แล้วก็จริงด้วย คือ “หนีตูดแป้น” เลย!

แต่ทิดแม้ว ยังหรอก ด้วยศักดิ์ศรี “รวยแล้วไม่โกง” ในฐานะ “หัวหน้าคอก” หนีก็ “เสียหมา” ทั้งคอกน่ะซี

ตอนนี้ คนพรรคเพื่อไทย แต่ละคนดูหน้าแห้งเหมือนหอยน้ำแล้งหาด เศร้า…ที่ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้๑ หมื่นล้านบาท

แต่ละคนยกชายกระโปรงนายหญิงซับน้ำตารำพรรณ ไปถึงขั้นว่า “มีข้อมูลใหม่” จะตั้งเป็นอีกคดีร้องศาล หวังไม่ต้องจ่าย ๑ หมื่นล้านนั้น

ผมก็พลอยจะน้ำตาไหลไปด้วย

ด้วยสงสารว่า คนพรรคนี้เขาน่าเวทนา ศาลแยกแยะไว้ในคำพิพากษาชัดเจน ตรงไหนยิ่งลักษณ์ไม่ต้องรับผิดชอบ และตรงไหนที่ต้องรับผิดชอบ

แต่คนในคอกกลับพลิกแพลงตะแคงประเด็นไปพูดให้ไขว้เขวเป็นยี่เกแก้บนว่า “หญิงกลาง” ถูกรังแก ไม่เป็นธรรม

พวกทนายไปไกลถึงขั้น ยกนั่น-ยกนี่เป็นข้อมูลใหม่ จะตั้งเป็นคดีใหม่ร้องศาล เพื่อไม่ต้องจ่าย ๑ หมื่นล้าน

ขี้เกียจจาระไนประเด็น ยุส่งไปเลยดีกว่า อยากเห็น “ทนายหน้าแหก” น่ะ ไม่มีอะไรหรอก!

สรุปแล้ว ช่วงนี้ ทั้งชายใหญ่ หญิงกลาง และหญิงเล็ก ตกที่นั่ง “ไก่ย่างถูกไม้เสียบตูด” เหมือนๆ กัน

สำหรับชายใหญ่ ที่ “รัฐมนตรีเรียงหิน” ปูทางกลับอย่างเท่ๆไว้ให้ตั้งแต่สมัยเป็นรัฐมนตรียุติธรรม คราวนี้ เวรกรรมจำเพาะต้องมาเป็น “สภานายกฯ พิเศษ” ทำหน้าที่ “ฟันธง” มติแพทยสภา

วันนี้ละมั้ง (๒๖ พ.ค.) เลื่อนหรือเปล่าไม่รู้นะ คณะกรรมการเขาจะประชุมพิจารณา “มติแพทยสภา” กัน

เสร็จแล้วจะส่งมติและความเห็นของคณะกรรมการให้ “สภานายกฯ พิเศษ” ไปตัดสินใจเอาเองพรุ่งนี้

ว่าจะเห็นชอบตามมติแพทยสภาหรือจะวีโต!?

รายการนี้ หลายเซียนพนัน “แทงใจ” รัฐมนตรีเรียงหิน

ระหว่าง “ขายนาย” กับ “ตายแทน” นายกฯ สภาพิเศษจะตัดสินใจทางไหน ภายใน ๓๐ พฤษภา. “ต้องมีคำตอบ”!

ความจริง ระหว่างเห็นชอบตามมติแพทยสภากับการวีโต “ค่าเท่ากัน” เพียงแต่ถ้าวีโต จะยืดเวลาให้แพทยสภาไปชี้ขาดด้วย “มติแพทยสภา” เอง วันที่ ๑๒ มิ.ย.ซึ่งเป็น “วันสุกดิบ”

เพราะรุ่งขึ้นเป็น “ศุกร์ ๑๓”………..

ที่ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง” นัดพร้อม” หรือ “นัดไต่สวน” โจทก์ คือป.ป.ช.และจำเลย คือนายทักษิณ

พร้อมด้วยผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล

เห็นมั้ย ชายใหญ่ก็ใจกลุ้ม หญิงกลาง ก็กระซิกเป็นสาวเครือฟ้าอยู่ลอนดอน

ส่วนหญิงเล็ก ในฐานะนายกฯ และฐานะลูก ถูกทุกทาง!

อีรุงตุงนังเป็นหนังเชิดแบบนี้ ก็ต้องว่า……

เฮ้อ…..“งงไปหมดแล้ว”!

เปล่าหรอก ไม่ใช่ผมงง “คุณอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ตะหากที่งง

เมื่อวาน เธอโพสต์เฟซ พร้อมภาพถ่ายคู่ยิ่งลักษณ์ และภาพถ่าย “คุณสนธิ ลิ้มทองกุล” สวมกอดกับ “คุณจตุพร พรหมพันธุ์” และขียนข้อความว่า

“งงไปหมดแล้ว”!

อันที่จริง ก็น่างงอยู่หรอก ที่คุณสนธิ “เหลืองอ๋อย” กับคุณจตุพร “แดงแจ๊ด” ในครั้งหนึ่งรบรากันถึงขั้นเอาตายกันไปข้าง

แต่แล้วในที่สุด เมื่อวาน (๒๕ พฤษภา.๖๘) ที่เวที “ความจริงมีหนึ่งเดียว”

“เหลือง” กับ “แดง” ก็มากอดกัน

กอดกันทั้งที ที่ไหนจะเหมาะเจาะลงตัวเท่าที่ “ธรรมศาสตร์-เหลืองแดง” เห็นจะไม่มีแล้ว

คุณสนธิ พูดบนเวทีตอนหนึ่งว่า……….

“วันนี้ คนๆ นี้ ไม่ใช่คนเดิมแล้ว ซึ่งความสัมพันธ์ในครั้งนี้ เพื่อทวงคืนความถูกต้องให้พี่น้องประชาชน

และอยากให้ประชาชนให้โอกาสจตุพร ในการทำคุณงามความดีให้ชาติบ้านเมือง

เราต้องเปิดใจว่าคนที่หลงผิด แล้วไปเจอความเลวความชั่วร้ายของจริง อย่างน้อยเค้าก็ยอมรับว่าทักษิณเลว ซึ่งผมเต็มใจจะให้โอกาสเขา

เพราะการที่เขากล้าขึ้นมาบนเวทีนี้ แสดงว่าเขามีความกล้าหาญมากพอสมควร

ที่ผ่านมา เขาคืออีกหนึ่งคน ที่ร่วมต่อสู้กับหลายเหตุการณ์ของปัญหาบ้านเมือง “จตุพร พรหมพันธุ์” ผมรับเขามาเป็นน้องแล้ว”

ส่วนคุณจตุพร กล่าวว่า……..

“ผมเชื่อว่าตลอดระยะเวลา ๒๐ ปีมานี้ ภาพที่ท่านทั้งหลายได้เห็นขณะนี้ ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น

เพราะคำว่า “ทวงความถูกต้องให้กับคนไทย” เป็นหัวใจหลักนำพาให้ผมมาพบกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในวันนี้

นายสนธิชวนผม ในขณะที่พบกันที่ “โรงพยาบาลราชทัณฑ์”เมื่อ ๗ ปีที่แล้ว ว่าเราจะได้มีโอกาสถ้อยแถลงพร้อมกัน

โดยผ่านมา ๗ ปี เพิ่งประสบความสำเร็จในวันนี้!

“วันนี้คงไม่มีอะไรสำคัญมากกว่าประเทศไทย ที่ผ่านมาผมจะอย่างไรทุกอย่างเป็นเรื่องเล็ก ส่วนเรื่องใหญ่ของบ้านเมืองในวันนี้คือ

“จะนำพาให้ประเทศไทยเดินทางในทิศทางที่ถูกต้อง” และพลิกฟื้นประเทศชาติขึ้นมาได้อย่างไร

ผมผ่านมาหลายเหตุการณ์ มารู้ตัวอีกทีก็อายุ ๖๐ ปี แต่ทันทีที่ผมประกาศรบกับ “นายทักษิณ”

ทุกคนก็กลับมา “ญาติดี” กับผมเหมือนเดิม!

ทั้งนี้ วันที่นายทักษิณ กลับมาประเทศไทยและยื่นถวายฎีกา ยอมรับว่ากระทำความผิดตามคำพิพากษา มองว่าไม่ใช่ผลพวงการยึดอำนาจหรือตุลาการภิวัฒน์

แต่เขายอมรับว่า “ทุจริตจริง” ไม่ว่าระบอบการเมืองใดทุจริตคือทุจริต โกงก็คือโกง ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย”

ขณะนี้มีการตั้งคำถามว่า…..

“นายทักษิณจะหนีหรือไม่”? หรือมีการหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือยัง ซึ่งผมไม่อยากให้หนี อยากให้ได้ซึมซับบรรยากาศอย่างที่ผมและนายสนธิ ได้ซึมซับในเรือนจำ

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่มีคนไทยคนไหนได้รับโอกาสเหมือนนายทักษิณอีกแล้ว และเขาไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว

และหากเขายอมรับตามที่ได้เขียนถวายฎีกา คนก็ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะหนีหรือไม่

หัวใจหลักที่คนออกมาต่อสู้กับนายทักษิณ คือการปฎิบัติ ๒มาตรฐานและอภิสิทธิ์ชน ซึ่งนายทักษิณได้ทำครบทุกข้อ

ที่ผ่านมาเราได้เห็นความเป็นทักษิณ ผู้สนับสนุนได้หูตาสว่างมากขึ้น เพราะการกระทำทั้งหมด เป็นการทำลายตัวเองอย่างย่อยยับ ไม่มีใครไปทำอะไรเขา

ตอนอยู่ต่างประเทศ กระแสนิยมสูง เพราะเห็นว่า ไม่ได้รับความยุติธรรม แต่เมื่อกลับมาประเทศไทยตั้งแต่ ๒๒ สิงหาคม ๖๖ จนถึงวันนี้

คนไทยได้เห็นความเป็นตัวตนของนายทักษิณครบถ้วน สิ่งที่เสียไปคือการได้รัฐบาลแบบนี้

“เราได้เห็นการเปลือยตัวอย่างล่อนจ้อนของนายทักษิณ และเชื่อว่า หาคนไปตาย แทบจะไม่เห็นในเวลาต่อมา

ดังนั้น จึงควรมาเริ่มต้นความถูกต้องให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่า บ้านเมืองเดินมาถึงจุดเสียหายครบทุกด้าน

เลยคำว่าปฏิรูป อาจถึงขั้นการปฏิวัติและล้างบางกันใหม่!

โดยยึดแนวทางสร้างสถาบันหลักของชาติและประชาชนให้แข็งแรง เพราะแต่ละขบวนการเราหาสิ่งที่ถูกต้องไม่เจอ

กล่าวอ้างประชาธิปไตยเพียงแค่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งก่อนหน้านั้น มีการซื้อเสียงตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่บ้าน แต่กลับอธิบายว่าเป็นประชาธิปไตย”

“หลังวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ นี้ บ้านเมืองนี้ คงเจริญและรวดเร็วขึ้นทุกกระบวนการ เพราะผลนั้น จะเป็นน้ำมันหล่อลื่น

เรื่องที่หนืดในกกต.ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือ ป.ป.ช. จะมีความรวดเร็วมากขึ้น เพราะทุกขบวนการทำหน้าที่จะเริ่มต้นในการคิดใหม่

แต่ถ้าทุกคน “รอคนใหม่” มาทำหน้าที่ จะทำให้บ้านเมืองจะย่อยยับ ผมมองว่า “บ้านเมืองจะเปลี่ยน”

แต่ปัญหาคือ “จะเปลี่ยนไปเป็นแบบเดิมได้หรือไม่?” ขออย่าหนีจิ้งจกมาเจอตุ๊กแก

“วันนี้ ถึงเวลาของประชาชนที่เห็นบ้านเมืองไม่ถูกต้อง ผิดทำนองคลองธรรม ประเทศนี้เป็นของเรา เราต้องมีสิทธิ์กำหนดอนาคต

ไม่ใช่ให้นายทักษิณคิดคนเดียว แต่ประชาชนสามารถคิดในแผ่นดินนี้ได้เหมือนกัน

และสุดท้ายเวลาที่ต้องการความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจมาถึงแล้ว วันนี้ผมและ “ทนายนกเขา” พร้อมร่วมมือกับ “นายสนธิ”

เรื่องชาติบ้านเมือง เพื่อ “ร่วมเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วยกัน”

ครับ…..ผมว่านะ

ถ้าผมพูดอะไรลงไปอีกซักคำเดียว “เป็นส่วนเกิน” ทันที!

เปลว สีเงิน

๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
“วราวุธ” เผย มวลน้ำบีบสุพรรณบุรีทุกทิศทาง หวั่น ช่วง ต.ค. น้ำทะเลหนุน ยอมรับ เป็นห่วง คอยจับตาดูอยู่ตลอด
8 ตุลาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม. ถึงสถานการณ์น้ำ ล่าสุดที่จังหวัดสุพรรณบุรี...
Read More
0 replies on “ เพราะไทย “มีหนึ่งเดียว” #เปลวสีเงิน”