ผักกาดหอม
เป็นคำแนะนำที่ดี…
จับกระแสชั้น ๑๔ จากโซเชียลได้กลิ่นคุกโชยมาทีเดียวครับ
อีกหลายวันกว่าจะถึงวันที่ ๑๓ มิถุนายน วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไต่สวนคดีป่วยทิพย์ แต่ความปรารถนาต่อ “ทักษิณ ชินวัตร” นั้นมีเหลือล้นจนทะลัก
เสียงส่วนใหญ่ให้ “ทักษิณ” ยอมรับความจริง
ถ้าต้องติดคุกก็ต้องติด
“ธิดา ถาวรเศรษฐ” อดีตผู้จงรักภักดีที่ซื่อสัตย์ ผ่านสงครามชิงอำนาจ เผาบ้านเผาเมืองมาแล้ว วันนี้รู้จัก “ทักษิณ” มากกว่าในอดีต
ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อ “ทักษิณ” มากทีเดียว
“…นักเคลื่อนไหวทางการเมืองในอดีตเคยถูกรับโทษมามากแล้ว ดังนั้น จึงขอให้คุณทักษิณ หากต้องรับโทษก็ขอให้ไปรับโทษในโรงพยาบาลราชทัณฑ์เหมือนคนอื่นๆ เพื่อปิดจุดอ่อน และอยู่รอดได้ ซึ่งมั่นใจว่าคุณทักษิณจะไม่หลบหนี เพราะเคยยืนยันแล้วว่าจะไม่ยอมตายที่ต่างประเทศ
…หากศาลมีการพิพากษาให้จำคุกต้องรับโทษใหม่ ก็อยากให้คุณทักษิณเปลี่ยนความคิด เพราะคนเสื้อแดง หรือเยาวชนที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ติดคุกมากมาย และต้องโทษตามคดีอาญา มาตรา ๑๑๒ และถ้าคุณทักษิณยอมรับการเข้าไปในเรือนจำเหมือนประชาชน ทุกอย่างจะคลี่คลาย
จะดีทั้งต่อคุณทักษิณ และคุณแพทองธาร พรรคเพื่อไทย และดีงามต่อประเทศชาติ มีอนาคตทันที
แต่หากคุณทักษิณไม่อยากติดคุกและมีการต่อรอง เชื่อว่าปัญหาจะขยาย เพราะ ๑ ปีที่ผ่านมา ปัญหาก็ขยายมาแล้ว…”
“…สถานการณ์แนวโน้ม ไม่น่าจะดีต่อคุณทักษิณเท่าไรนัก จึงแนะนำให้คุณทักษิณติดคุก เพราะหลายๆ คนก็ติดมาแล้ว และขออย่าใช้อภิสิทธิ์เหมือนลูกน้องคุณทักษิณ
และเชื่อว่าคุณทักษิณจะพยายามดีลอย่างถึงที่สุด แต่ ๑๐ ปีที่ผ่านมา คุณทักษิณก็ถูกหลอกมาเยอะเช่นกัน…”
ในภาพรวมหาก “ทักษิณ” ยอมติดคุกย่อมส่งผลดีต่อรัฐบาลมากกว่าการตัดสินใจหนี
ติดคุกเพื่อลูกย่อมได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแน่นอน
แต่ใช่ว่าทุกการตัดสินใจจะดีต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย
เพราะหากการไต่สวนพบว่ามีขบวนการช่วยเหลือ “ทักษิณ” ไม่ให้ติดคุก ก็จะเป็นสารตั้งต้นเอาผิดบุคคลในขบวนการนี้ทั้งหมด
“แพทองธาร” เองก็จะถูกร้องในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแต่ปิดบังข้อมูล
ม.๑๕๗ เห็นรำไร
อาจผิดมาตรฐานทางจริยธรรมอีกต่างหาก
ที่เห็นแย้งกับ “ธิดา” คือ ณ เวลานี้ “ทักษิณ” ไม่สามารถดีลกับใครได้อีก เพราะเรื่องอยู่ในศาล
หาก “ทักษิณ” รอดใช่ว่ารอดเพราะดีล
แต่เพราะศาลวินิจฉัยไปตามระเบียบกรมราชทัณฑ์
ข้อกฎหมายเห็นแย้งกันได้ครับ แต่ข้อเท็จจริงมีหนึ่งเดียวเท่านั้น
ข้อเท็จจริงกรณีชั้น ๑๔ ค่อยๆ ปรากฏไปพร้อมๆ กับข้อสงสัยในการสมคบคิด
“ดร.เสรี วงษ์มณฑา” สรุปข้อสงสัยเอาไว้ครอบคลุมทีเดียว
“…ออกจากคุกไปรักษาตัวนอกคุกตามระเบียบของราชทัณฑ์ก็จริง แต่ระเบียบนี้ขัดกฎหมายอะไรที่มีศักดิ์สูงกว่าหรือเปล่า
การส่งนักโทษออกไปรักษาตัวนอกคุกต้องขอศาลหรือเปล่า ถ้าต้องขอแต่ไม่ได้ขอ ก็น่าจะละเมิดคำสั่งศาลในการจำคุกตามคำพิพากษานะ
ถ้าบอกว่าป่วย ก็อาจจะไม่วิกฤตขนาดต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนอกเรือนจำนานถึง ๑๘๐ วัน (ดูพฤติกรรมหลังออกจากโรงพยาบาลไม่น่าวิกฤต)
มีคนแก้ตัวว่าไม่เคยบอกว่านักโทษป่วยวิกฤต แต่มีคนเอา digital footprint มาดู พบว่าเคยพูดว่าอาการหนักต้องอยู่ใกล้หมอตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นอาจจะตายได้
แล้วใครเขียนรายงานให้นักโทษอยู่ต่อเมื่อครบ ๓๐ วัน ๖๐ วัน ๑๒๐ วัน จนครบ ๑๘๐ วันแล้วได้พักโทษนอกเรือนจำ ใครเซ็นรับรองคุณสมบัติว่าควรได้พักโทษ
ถ้าป่วยหนักปางตาย ทำไมไม่อยู่ ICU
ทำไมห้องชั้น ๑๔ กล้องเสียทั้งหมด
ป่วยเป็นอะไรที่น่าอายมากหรือ จึงไม่ยอมให้เปิดเผย
อาจจะมีการผ่าตัดจริง แต่ผ่าตัดอะไรที่ต้องพักฟื้นยาวนานถึงร้อยๆ วัน คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ว่ามีการผ่าตัดอะไรที่พักฟื้นเป็นเดือนๆ
การอยู่ชั้น ๑๔ เป็นการติดคุกแล้วยัง มีคนช่วยตีความหลายคนว่าน่าจะเป็นการติดคุกแล้ว เรื่องนี้ขอรอฟังการวินิจฉัยของศาลนะ
มีคนที่มีสิทธิ์ Veto มติของแพทยสภา แต่เขาไม่ตัดสินเอง เขาตั้งคณะกรรมการมาช่วยพิจารณา แต่คนที่เขาตั้งเป็นนักกฎหมายทั้งนั้น
นักกฎหมายจะรู้เรื่องการเจ็บป่วยดีกว่าหมออาวุโสที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการเจ็บป่วยได้อย่างไร ทำไมเอานักกฎหมายมาเป็นกรรมการพิจารณา
แพทยสภาเขาไม่ได้พิจารณาเรื่องกฎหมายนะ เขาพิจารณาเรื่องจรรยาแพทย์ของแพทย์ผู้รักษา ผู้เขียนรายงานในเวชระเบียนต่างหากล่ะ
มติของท่านก็คือมีแพทย์บางคนทำผิดจรรยาแพทย์ในการตรวจรักษาและเขียนรายงาน จึงตักเตือนและพักใบอนุญาต
คนส่วนใหญ่เขาเชื่อหมอ เขาไม่เชื่อนักการเมืองบางคน และนักกฎหมายบางคนที่ตีความกฎหมายเพื่อประโยชน์ของนักการเมือง
ทางเดินของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้น่าจะตีบตันแล้วนะ ถ้าหากจะรอดทางกฎหมาย แต่คงไม่รอดการถูกสังคมประณาม…”
แม้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ยังคงเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ
วันนี้สังคมได้รับรู้แล้วว่า ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า “ทักษิณ” ป่วยวิกฤตหนัก ห่างหมอไม่ได้ เป็นตายเท่ากัน
ข้อสงสัยที่เหลือจึงไม่น่าจะพิสูจน์ได้ยาก โดยเฉพาะประเด็นแวดล้อม
อาทิ เรื่องกล้องวงจรปิดเสีย เรื่องไอซียู รายงานเท็จ เป็นต้น
ฉะนั้นหาก “ทักษิณ” ต้องกลับเข้าคุกใช่ว่าเรื่องจะจบ
กลับกันจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้บุคคลที่เกี่ยวข้อง มีโอกาสติดคุกไปด้วยกันมากขึ้น
จะเป็นอีกครั้งที่มีคนติดคุกเพราะรับใช้ “ทักษิณ”
พล็อตเรื่องเดิมจบลงแบบเดิมๆ ไม่ใช่เพราะมีคนจ้องเล่นงาน “ทักษิณ”
ไม่มีการล้างแค้น
หรือเอาคืน
แต่เป็นเพราะสันดานเดิม “ทักษิณ” เป็นแบบนั้น.
