เปลว สีเงิน
วานซืน “สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส” สิ้นพระชนม์
มาเมื่อวาน (๒๒ เม.ย.๖๘)
ตำรวจสภ.สะบ้าย้อย สงขลา “ร.ต.ท.วัฒนา ชูมาปาน” ขับรถกระบะนำพระ-เณร ๖ รูป จาก “วัดกูหลา” บ้านคลองเรียน ไปออกบิณฑบาต
คนร้ายดักโจมตี “ซุ่มยิง” ข้างทาง
ร.ต.ท.วัฒนา ยิงโต้เป็นการเปิดทาง รีบบึ่งรถนำพระ-เณรที่ถูกกระสุนปืนยิงใส่ ไปโรงพยาบาลสะบ้าย้อย
ปรากฎว่า สามเณรพงษ์กร ชูมาปาน “ลูกชาย” ร.ต.ท.วัฒนาเอง อายุ ๑๖ ปี เจ็บสาหัส และถึงแก่มรณภาพต่อมา
สามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ จากอำเภอพรหมคีรี นครศรีธรรมราช เจ็บไม่สาหัส อยู่ในการดูแลของแพทย์
ต้องบอกว่า เป็นเหตุการณ์ที่สลดหดหู่ใจเหลือประมาณ
ความนี้ทราบถึง “สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช” องค์พระประมุขแห่งคณะสงฆ์
“สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้เปิดเผยว่า
“สมเด็จพระสังฆราช” ทรงปลงธรรมสังเวชและโปรดประทานผ้าไตร ๑ ไตร พร้อมไม้จันทน์ ๑ ช่อ สำหรับการฌาปนกิจ
พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกร จัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ประทานแก่เจ้าภาพศพ “สามเณรพงษ์กร” เพื่อช่วยการบำเพ็ญกุศล
และโปรดประทาน “เหรียญพระรูป” แก่ “สามเณรโภคนิษฐ์” เพื่อเป็นกำลังใจ
ทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ประทานเป็นคิลานปัจจัย
พระบัญชาโปรดให้ “ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” เป็นผู้เชิญสิ่งของและกัปปิยภัณฑ์ประทานไปถวายแด่ “เจ้าคณะจังหวัดสงขลา”
เพื่อมอบแก่เจ้าภาพศพและสามเณรผู้อาพาธ
และมีรับสั่งประทานกำลังใจแก่ครอบครัว ญาติมิตรของผู้ถึงมรณภาพ ให้ทุเลาความโศก และความหม่นหมอง
ทั้งโปรดประทานพรให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประสบเหตุและผู้ตระหนกเสียขวัญ จงถึงพร้อมด้วยขันติ สติ และปัญญาอันเข้มแข็ง
เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ความสงบร่มเย็นของชาติและความสถาพรของพระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทย ให้ดำรงมั่นคงอยู่สืบไป
รัฐบาลมีความรู้สึกตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้อย่างไร?
หรือพูดอีกที ต่อเหตุการณ์ใน ๓ จังหวัดใต้ ที่กลุ่มก่อการร้ายออกปฎิบัติการ “ถี่” ชนิดเป็นรายวัน
และขยายแนวจากพื้นที่นราธิวาส-ยะลา-ปัตตานี ไปถึงบางอำเภอของจังหวัดสงขลาเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่มีปฎิกริยาตอบรับจากรัฐบาล
ตามที่ผมสังเกต ๓ จังหวัดใต้ สงบมานาน เรียกว่านานๆ ครั้ง “ถึงจะมีกลุ่มก่อการ” ก่อเหตุบางจุด ในพื้นที่ชายแดน ๓ จังหวัดใต้
แต่…นับแต่ทักษิณกลับเข้ามา
และ “นายอันวาร์” นายกฯ มาเลเซีย ในฐานะ “ประธานอาเซียน” ตั้งให้ทักษิณเป็น “ที่ปรึกษาประธานอาเซียน”
นับจากนั้น ไฟ ๓ จังหวัดใต้ ก็ลุกพรึ่บ แทบไม่เว้นวัน!
ขบวนการก่อกวนเพื่อแยก ๓ จังหวัดใต้ ลอบวางระเบิดตามสถานที่ต่างๆ บ้าง ซุ่มยิงบ้าง วินาศกรรมบ้าง ทั้งหน่วยราชการ ทั้งกับชาวบ้านทั่วไป ไม่ว่าไทยพุทธ-ไทยมุสลิม
จนเป็นที่โจษจรรย์เชิงฉงนกันว่า….
“ก็ไหนทักษิณบอก ไปเป็น “ที่ปรึกษาอาเซียน” ทำงานร่วมกับนายกฯ อันวาร์ “ประธานอาเซียน” ปัญหา ๓ จังหวัดใต้ จะได้รับการแก้ไข “สันติสุข” จะบังเกิด มิใช่หรือ?
แต่ไหงกลับตรงกันข้าม การก่อการร้ายยิ่งรุนแรงและหนักยิ่งขึ้น แทบเรียกได้ว่า ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ เป็นเดือนๆ มาแล้ว
จนขณะนี้ ธุรกิจการค้า การท่องเที่ยว การไปมาติดต่อกันระหว่างพี่น้องไทย-มาเลย์ฯ ตามชายแดน ชะงักหาย
สื่อต่างๆ ที่เคยจับจ้องกระพือโหมให้โครมครามทุกชอตว่า “สถานการร์เลวร้าย” ในสมัยรัฐบาลประยุทธ์
ในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย “บึ้ม” ทั้งเจ็บ-ทั้งตายแทยรายวัน โดยเฉพาะที่นราธิวาส ก็เสนอข่าวพอเป็นพิธี ส่วนภาครัฐและไอ้ตัวที่คุยว่า…ผมมาแล้ว ต่อจากนี้จะดีขึ้น
ซุกหัวเข้าง่ามตูดเงียบ!
ตัวอย่างสดๆ ร้อนๆ นายอันวาร์มาคุยเรื่องสันติภาพกับนายทักษิณที่กรุงเทพฯ กลับไป ยังไม่ทันถึงมาเลย์ฯด้วยซ้ำมั้ง
ก็บึ้มมมม จงใจเย้ยหยัน “สันติสุข-สันติภาพ” ขึ้นที่นราธิวาส
บริเวณหลัง “สภ.โคกเคียน”
ชาวบ้านทั้ง “เด็ก-ผู้ใหญ่” ระเนน-ระนาด จมเลือด ปางตายไปกว่า ๑๐ ราย
ก็เป็นที่ฉงนยิ่งขึ้น ตกลง “สันติสุข” ๓ จังหวัดใต้ของคน ๒ คนนี้ “ทักษิณ-อันวาร์” มันคือสันติสุข “ชุบเลือดทอด” หรืออะไรกันแน่?!
นึกย้อนไปต้นปี หลังทักษิณได้รับการ “อวยตำแหน่ง” จากนายอัยวาร์ให้เป็น “ที่ปรึกษาประธานอาเซียน”
ทักษิณ ไม่ใช่กิ้งก่า….
หากแต่เป็น “พ่อนายกฯ” มีบารมีเหนือรัฐบาล ได้ยกคณะไปอวดหรือฉลองตำแหน่ง “ที่ปรึกษาประธานอาเซียน” กับพี่น้องไทยมุสลิม ที่นราธิวาส
มีบารมีเหนือรัฐบาลจริงหรือไม่ ให้ท่านอ่านจากข่าวนี้ แล้วท่านตอบตัวเองได้ว่า ที่ผมพูดนั้น “ใส่ความ” หรือ “เรื่องจริง”?
………………………………………
“กอ.รมน.ภาค ๔ สน.”
อดีตนายกทักษิณ ลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้
เน้นพัฒนาการศึกษา-เศรษฐกิจ เน้นย้ำเร่งแก้ปัญหายาเสพติด มุ่งสู่สันติสุขอย่างยั่งยืน
วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2568) เวลา 10.40 น.ที่วัดประชุมชลธารา (วัดสุไหงปาดี) ตำบลสุไหงปาดี อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะแ”ที่ปรึกษาประธานอาเซียน”
พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในหลากหลายมิติ
อาทิ ด้านความมั่นคง ด้านศาสนา และด้านการศึกษาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยมี พลตรี วรเดช เดชรักษา รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า,
พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส , พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้,
ว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส , หัวหน้าส่วนราชการ,ทหาร,ตำรวจ,ภาคพลเรือน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมให้การต้อนรับ
……………………………….
ความจริงทาง “สังคมประจักษ์” บอกตัวมันเองได้มิใช่หรือว่าทักษิณเป็นแค่อดีตนักโทษ “โกงบ้าน-กินเมือง” และอยู่ระหว่างเป็นจำเลยคดี มาตรา ๑๑๒
หรือเป็น “ผู้มีมากบารมี อำนาจเหนือรัฐบาล” ตัวจริง!?
จากข่าวนี้ ทำให้ผมนึกถึงคำพูดป๋าเปรม “พลเอกเปรม ติณสูลานนท์” อดีตประธานองคมนตรี ที่นำมาให้อ่านไปเมื่อวาน ขึ้นมาติดหมัด
เราต้องกล้าหาญพอที่จะไม่ยกมือไหว้คนโกง….คนโกงชาติบ้านเมือง ไม่ว่าเค้าจะเป็นใคร เป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงสนิทสนมกัน
ถ้าเค้าได้ร่ำรวยมาเพราะ เค้าโกง โกงคุณ โกงผม โกงดิฉัน ผมคิดว่า “เราไม่จำเป็นที่จะต้องยกมือไหว้เค้าหรอก”
ผมจะนำข่าวโทรทัศน์ ช่อง TNN ออกอากาศคำให้สัมภาษณ์ทักษิณ เมื่อค่ำที่ ๒๓ กุมภา.๖๘ บางช่วงมาให้อ่าน อาจทำให้รู้จักตัวตนคนชื่อทักษิณมากยิ่งขึ้น
…………………………..
“การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน “นายอันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งให้ความสำคัญกับสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้
จึงตั้งใจมาติดตามสถานการณ์ในปัจจุบันด้วยตนเอง พร้อมกับมาสานงานที่ทำไว้เมื่อครั้งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี
การดูแลแก้ไขปัญหาใช้เวลามานาน แต่เหตุการณ์ยังไม่ยุติเสียที ควรจะยุติได้ในสมัยรัฐบาลนี้…….
…….หลังจากนี้ จะเห็นความชัดเจนในการตั้งคณะพูดคุยหรือการเดินหน้าต่อเพื่อ “สร้างสันติสุข” ให้กับ ๓ จังหวัดชายแดนใต้
โดย “ภายในปีนี้” ทุกอย่าง จะมีความชัดเจนขึ้น
เพราะมีหลายภาคส่วนมาช่วยเหลือ เช่น “นายยูซุป มาลา” อดีตรองประธานาธิดีอินโดนีเซีย ก็อาสามาช่วยในเรื่องนี้”
………………………………….
ฟังแล้วเป็นไง….
ยังเป็น “คนตาบอด” สำหรับทักษิณเหมือนเดิมหรือ “ตาสว่าง” แล้วล่ะ?
ผมจะยกคำพูดทักษิณมา “ขีดเส้นใต้” ให้ท่านพิสูจน์ ว่าทักษิณเป็นคนเชื่อได้หรือไม่ และเคยมีคำพูดไหนที่ทักษิณได้ทำและทำได้ตามพูด
-นายกฯมาเลย์ ให้ความสำคัญกับ “สันติภาพ” ชายแดนใต้
-ตัวเขาตั้งใจลงไปติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง พร้อมสานงานที่ทำไว้สมัยเป็นนายกฯ
-เหตุการณ์ในชายแดนใต้ จะยุติได้ในสมัยรัฐบาลนี้
-เขาจะตั้งคณะพูดคุย “สร้างสันติสุข” ให้กับ ๓ จังหวัดใต้
-ภายในปีนี้ ทุกอย่างจะมีความชัดเจนขึ้น
-หลายภาคส่วนมาช่วยเหลือ เช่น “นายยูซุป มาลา” อดีตรองประธานาธิดีอินโดนีเซีย ก็อาสามาช่วยในเรื่องนี้
จาก ๒๓ กุมภา.ถึง ๒๓ เมษา.วันนี้ ก็ตก ๓ เดือน ๕-๖ หัวข้อที่ผมยกมาให้ดูนั้น มีซักข้อมั้ย ที่ทักษิณขยับทำได้ตามพูด?
ทุกอย่างตรงข้ามหมด…
ที่ว่าปัญหา ๓ จว.ใต้จะยุติในรัฐบาลนี้ ปรากฎว่า ในรัฐบาลที่ทักษิณครอบงำ-สั่งการ เหตุการณ์ชายแดนใต้ “ทวีความรุนแรง” ขึ้น
คณะพูดคุย “สร้างสันติสุข” แปลว่า ถุย..ถุย..ถุ้ยยยยย!
อุตส่าห์ยกชื่ออดีตรองประธานาธิบดีอินโดฯมาอ้าง กลัวโม้แล้วคนไม่เชื่อ ก็ยกเขามาอ้างส่งเดช
ที่พูดแล้ว “เป็นจริง” เห็นมีอยู่ ๒ เรื่อง
คือเรื่องที่ว่า “พร้อมสานงานที่ทำไว้สมัยเป็นนายกฯ” กับเรื่อง “ภายในปีนี้ ทุกอย่างจะมีความชัดเจนขึ้น”
“ตากใบ-กรือเซะ” นั่นไงคืองานที่ทำไว้สมัยเป็นนายกฯ การลงไปติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเอง นั้น
“ไฟชายแดนใต้” ที่ลุกพรึบตอนนี้ ก็นี่แหละคือการ “สานงาน” ที่ทำไว้สมัยเป็นายกฯของเขาละ
และมัน “ชัดเจน” ขึ้น ตามทักษิณพูดจริงๆ คุยกับนายอันวาร์ปุ๊บ บึ๊มนราธิวาสปั๊บ และเมื่อวาน สามเณรถูกสังหารไปอีก ๑ รูป
ก็ถึงคำที่ผมจะถามกับทุกท่านบ้างละว่า “บ้านเมืองเป็นของเราทุกคน” ใช่มั้ย?
ถ้าใช่………..
แต่ไฉนเรายอมให้ “โจรครองเมือง” ล่ะ?!
เปลว สีเงิน
๒๓ เมษายน ๒๕๖๘
