ในแวดวงผู้นำเทรนด์ด้านแฟชั่นชุดวิวาห์ เชื่อว่าหลายคน รวมทั้งคนที่คลุกคลีในแวดวงเวดดิงสตูดิโอ ไม่มีใครไม่พูดถึงความสำเร็จของผู้ชายคนนี้ “ดร.สรรค์ สุดเกตุ” ผู้บริหารหนุ่มและเจ้าของห้องเสื้อชื่อดังย่านลาดพร้าว และยังเป็นดีไซน์เนอร์มือทองของ “วนัช กูตูร์” (Vanus Couture) ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบชุดแต่งงานทั้งชุดไทยและชุดสากลที่ตอบโจทย์และสร้างความประทับใจให้แก่เจ้าบ่าว-เจ้าสาวมานับไม่ถ้วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ก่อนที่จะมาเป็น “วนัช กูตูร์” ดร.สรรค์ สุดเกตุ ได้ทำงานเกี่ยวกับเวดดิงสตูดิโอมาก่อนในยุคที่ธุรกิจนี้บูมมาก เรียกได้ว่าเป็นตัวจุดประกายเพราะรายได้ค่อนข้างดีมาก ได้ทำงานที่หลากหลายตั้งแต่เป็นเซลล์และขยับเป็นผู้จัดการร้าน โดยได้ซึมซับเก็บเกี่ยวประสบการณ์นานกว่า ๑๐ ปี เพื่อให้มั่นใจว่ามีความสามารถมากพอในการทำธุรกิจของตัวเอง
“ผมเริ่มทำร้านแรกเป็นเวดดิงสตูดิโอ Signature Bridal Atelier ให้บริการเกี่ยวกับงานแต่งงานแบบครบวงจร ก่อนจะปรับมาเป็น ‘วนัช กูตูร์’ ในวันที่เริ่มรู้สึกว่าการถ่ายพรีเวดดิงเริ่มจะถึงจุดอิ่มตัว และเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับงานทางด้านนี้ ขณะที่งานฝีมืองานคราฟต์จะยังคงคุณค่าไม่เสื่อม แต่ทั้งนี้ผลงานก็จำเป็นต้องมีลายเซ็นของตัวเองจึงได้เรียนด้านตัดเย็บและดีไซน์เพิ่มเติมด้วย”
นอกจากเรียนด้านตัดเย็บและดีไซน์เพิ่มเติมแล้ว ภายหลังได้เรียนต่อในระดับปริญญาโทและระดับปริญญาเอก โดย ดร.สรรค์ สุดเกตุ เล่าว่า ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๔ หลังจากทำงานมาระยะหนึ่ง รู้สึกว่าอยากเติมไฟให้แก่ตัวเอง ได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทหลักสูตรผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง ที่วิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต ตรงนี้เองเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่สร้างแรงบันดาลใจและให้แนวคิดอะไรใหม่ ๆ กับเราในการทำธุรกิจ
ในส่วนของจุดเด่นที่สร้างชื่อและสร้างลายเซ็นให้ ดร.สรรค์ สุดเกตุ คือ ชุดไทย ซึ่งหากเจ้าสาวที่ต้องการใส่ชุดไทยจะนึกถึง “วนัช กูตูร์” ก่อนใคร ขณะเดียวกันกลุ่มศิลปิน ดารา บุคคลที่มีชื่อเสียงต่างให้การยอมรับและหมุนเวียนกันมาใช้บริการ โดยเหตุผลหลักในการเลือก “วนัช กูตูร์” จะเป็นเรื่องงานผ้า โดยจะใช้ผ้าไหมไทยที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ชาวบ้านผู้ที่ทอผ้าไหมจะได้มีอาชีพ สนับสนุนคนไทยเผื่อผลิตผลงานให้คนไทยใช้ โดยมีการนำความรู้และรสนิยมของเราไปเผยแพร่ให้แก่ท้องถิ่นในการสร้างผลงานออกมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีของไหมหรือการใช้สีในการทอผ้าให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มรสนิยมของคู่รักคนรุ่นใหม่ว่าเขาต้องการแบบไหน
จากนั้นจะนำมาผลิตและแปรรูป รวมถึงงานปักอันวิจิตรที่เป็นเอกลักษณ์ โดยจะใช้คริสตัลต่าง ๆ เป็นงานที่ค่อนข้างละเอียด ซึ่งใช้ระยะเวลาในการปักพอสมควรด้วยฝีมือของคนไทย เรียกว่า ด้วยจุดเด่นของการเลือกวัสดุและเนื้อผ้าที่นำมาใช้ในการตัดชุดล้วนถูกคัดสรรมาในระดับพรีเมียม และผลงานทุกชิ้นถูกออกแบบให้เหมาะกับลูกค้าเฉพาะรายบุคคล เป็นแพตเทิร์นพิเศษ โดยเรามีสูตรในการวิเคราะห์ว่าสัดส่วนของผู้หญิงที่จะสวยงามที่สุดคืออะไร แล้วเราจะนำมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรูปร่างของแต่ละคนเพื่อให้ดูสวยงาม โดยลูกค้าจะมีส่วนร่วมในการออกแบบด้วย ชุดแต่งงานแต่ละชุดที่ออกแบบมาจึงมีความงดงามและแสดงถึงความเป็นตัวตนของเจ้าสาวแต่ละคนออกมาได้อย่างดี แต่ทั้งนี้ก็ยังคงเอกลักษณ์ของงานดีไซน์ในแบบวนัช กูตูร์อยู่ด้วย
“หากถามว่าอะไรคือแรงบันดาลใจในการดีไซน์ชุด ต้องบอกเลยว่าเกิดจากประสบการณ์ที่ผมได้ไปสถานที่ต่าง ๆ และวาดภาพเก็บเอาไว้ รวมถึงเรื่องราวความประทับใจในยุคสมัยที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุค 90 จนถึงยุคปัจจุบัน หลายสิ่งหลายอย่างทำให้เราเรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้เรารู้ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เจ้าสาวหลายคนอยากเลือกใช้ชุดของเรา แล้วจึงนำมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเทรนด์และความสามารถในการทำงานของเรา ซึ่งหากพูดถึงชุดไทยที่สร้างลายเซ็นและสร้างชื่อแจ้งเกิดให้ผมเลยคือ ชุดไทยประยุกต์สีชมพู ซึ่งได้รับเลือกให้ขึ้นปกนิตยสาร WE โดยมีดาราชื่อดังอย่าง ณฐพร เตมีรักษ์ มาเป็นนางแบบสวมใส่ขึ้นปก เป็นชุดไทยที่มีความหวาน ละมุน ทำให้หลายคนสนใจและมีเจ้าสาวส่งข้อความเข้ามาว่าอยากจะสวมใส่ชุดนี้ เรียกว่า ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก”
นอกจากนี้ อีกผลงานชิ้นโบแดงโดย ดร.สรรค์ สุดเกตุ แห่งห้องเสื้อ วนัช กูตูร์ คือ เป็นแบรนด์เดียวที่ได้สร้างสรรค์ผลงานชุดไทยนางสงกรานต์ให้แก่ซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังแถวหน้าของจีน ฟ่าน ปิงปิง เพื่อเสริมบทบาทสำคัญในขบวนแห่การเปิดงานมหาสงกรานต์ ปี พ.ศ. ๒๕๖๗ รวมทั้งยังมีผลงานอีกหลากหลายโพรเจกต์ที่ ดร.สรรค์ สุดเกตุ ได้ออกแบบและร่วมคอลแลบกับแบรนด์ดังจากต่างประเทศมากมาย
ก้าวต่อไปของ “วนัช กูตูร์” ภายใต้การบริหารงานของ ดร.สรรค์ สุดเกตุ เขาตั้งใจว่าจะพัฒนาผลงานต่อไปเรื่อย ๆ รวมถึงปรับเปลี่ยนค่านิยม ความต้องการของลูกค้าใหม่ ๆ ที่เข้ามา เพราะมองว่าลูกค้าแต่ละคนมีความชอบหรือรสนิยมที่แตกต่างกันไป และจะพยายามออกแบบชุดให้ตอบโจทย์มากที่สุด โดยจะไม่ทิ้งดีเอ็นเอของแบรนด์วนัช กูตูร์ ที่เปรียบเสมือนผู้หญิงที่มีความนิ่ง มีสไตล์ มองแล้วให้ความรู้สึกว่าชุดที่ใส่จะสวยได้อีกนาน ไม่ว่าจะผ่านไปสิบปีหรือยี่สิบปี เมื่อมองกลับมาจะรู้สึกว่าชุดนี้ยังสวยอยู่ ไม่เชย ไม่เอาต์ เป็นซีเคร็ตของวนัช กูตูร์