ผู้ “เปลี่ยนรัฐบาล” มาแล้ว #เปลวสีเงิน

เปลว สีเงิน

มาสาย ดีกว่าไม่มาซะเลย จริงมั้ยครับ?

ก็ไม่ตั้งใจจะมาคุยผิดวัน-ผิดเวลาหรอก เผอิญนอนเล่นอยู่ในโรงพยาบาล ดูข่าวโทรทัศน์บ้าง อ่านตามเว็บข่าวบ้าง
เป็นปลื้ม….จนต้องลากสายน้ำเกลือมานั่งจิ้ม “แลบท็อป” คุยกะท่าน

ไม่ได้ปลื้มเรื่อง “อีเสือถอย” …ถอนพรบ.กาสิโนออกจากสภาไปยัดเข้าใหม่ในสมัยประชุมหน้าในเดือนกรกฎา.โน่นหรอก (จะอยู่ถึงเร้ออออ?)

แต่ปลื้มกระแส “ไม่เอากาสิโน” จากมหาประชาชน
ที่ “พรึ่บ” ทั้งแผ่นดิน!

ก็บอกแล้ว นี่ไม่ใช่ม็อบ แต่เป็น “มวลชนคุณภาพเพื่อชาติ” มีพลังเหตุและผลในตัว ไม่ต้องจุด ถึงจุด ก็จุดไม่ติด
เพราะเป็นคนละประเภทกับ “มวลชนเชิงปริมาณ” ตามนิยามคำว่า “ม็อบ”ซึ่ งเป็นเชื้อขยะ
แค่ดีดก้นบุหรี่ใส่ ไฟก็พร้อมติด!

อย่างที่เห็นตอนเพื่อไทยยกตนเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย”

นั่น..มีคนในคอกเขาขน “มวลชนรับจ้าง” จากชานเมืองบ้าง จากทางอีสานบ้าง มาเป็น “ม็อบ” สมทบ “ม็อบสามนิ้ว”

แต่การที่ชาวบ้านแต่ละชุมชน แต่ละจังหวัด ตื่นรู้ด้วยจิตสำนึกต่อชาติบ้านเมืองตัวเอง แล้วออกมารวมตัวกัน
นั่นละ “มวลชนคุณภาพ” ของชาติบ้านเมืองละ ขอย้ำ

ด้วยเขาเหล่านั้นตื่นรู้ว่า “กาสิโน” คือ “ยาพิษ” ที่รัฐบาลเพื่อไทยโดยสองพ่อลูก “เคลือบน้ำผึ้ง”
ล่อคนไทยเข้าไปตอม ให้ค่อยๆ ถลำลงไป สังคมครอบครัวแตกทำลายก่อน

จากนั้น สังคมชาติเสื่อมทรุด ประชาชนอ่อนแอ-สิ้นสภาพ สู่จุดล่มสลาย

ไทย จาก “ราชอาณาจักร”…..
โอกาสถูกตัดแบ่งเป็น “เหนือ-กลาง-ใต้-อีสาน” แจกจ่ายกันไปครองรูปแบบสาธารณรัฐ ตามแผนของเขา นั่นใช่ว่าไม่มีโอกาสจะเกิด!

แต่เมื่อพี่น้องไทยตื่นรู้ แสดงถึง “ประชาชนคุณภาพ” ออกมากันเอง ไม่ต้องจ้าง ไม่ต้องเกณฑ์
พร้อมป้ายข้อความต่างๆ รวมเป็น “มวลชนเพื่อชาติ” แสดงเจตนารมณ์ตรงกัน เช่นนี้

อย่างพี่น้องคนไทย ที่เชียงใหม่ โคราช ภูเก็ต อำนาจเจริญ จันทบุรี ขอนแก่น จะบอกว่าทั้ง ๗๗ จังหวัดก็ไม่ผิด
แต่ละจังหวัดไปรวมตัวกัน ถือป้ายนานาข้อความ NO CASINO บ้าง

คนเชียงใหม่ต่อต้านพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอยและไม่แก้ มาตรา 112 บ้าง ประเทศไทยไม่ใช่สมบัติชินวัตร บ้าง คนใต้ไม่เอากาสิโน บ้าง

ส่วนในกรุงเทพฯ คปท., ศปปส., กองทัพธรรม, คณะหลอมรวมประชาชน
โดย นายพิชิต, นายจตุพร, ทนายนกเขา, หมอวรงค์, หมอตุลย์ และ ฯลฯ นำขบวนเคลื่อนไปหน้ารัฐสภา เกียกกาย

สมทบกับมวลชนคุณภาพสังคม ไม่รู้จากไหนต่อไหน ต่างๆ มากมายไหลที่ไปมารวมกันเป็น”มวลมหาชน “หน้ารัฐสภา” ประกาศเจตนารมณ์

“เราไม่เอากาสิโน…
ให้ล้ม
ไม่ใช้ให้เลื่อน!”

ย้ำ-เน้นเด่นชัดเช่นนี้ ต้องบอกว่า “ประเทศชาติของเรารอดแล้ว”

ด้วยมหาประชาชนคนไทย “รู้ทัน” แล้ว จากที่ทักษิณเคยตีราคาเป็นพวก “คนตาบอดไม่กลัวเสือ” แค่บอก “รวยแล้วไม่โกง” ก็หลงเชื่อ นั้น

ตอนนี้ นอกจาก “หมาในคอก” แล้ว ไม่มีประชาชนผู้ตื่นรู้ที่ไหนหลงเชื่อเล่ห์ลิ้น “จิ้งจอกเจ้าเล่ห์” ตัวนี้แล้ว!

“สังคมโลก-สังคมไทย” กำลังลอกคราบสู่ศตวรรษใหม่ตามการหมุนรอบของจักรวาล
นับจากนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปและเปลี่ยนเร็วชนิดกะพริบตาแทบไม่ทัน

เป็นรอบสุดท้ายที่ “คนชั่ว-คนคดต่อชาติ-คนกะโหลกหนาปัญญาตื้น” ได้รับการชื่นชมเชิดชูให้มีอำนาจ คนมีวิชาความรู้และพวกบัณฑิตขี้ขลาดที่พากันหมอบคลานเพื่อลาภผลแห่งตน

ถึงคราจะพากันเสื่อมลาภ เสื่อมยศ เสื่อมอำนาจ และวิบัติพลัดพราย มีอันเป็นไปตามกรรมที่กระทำแห่งตน

คำว่า “เลื่อน” จากนำร่างพรบ.กาสิโนเข้าสภาไปสมัยประชุมรัฐสภาเดือนกรากฎา.นั้น
ถอดรหัสจักรวาลได้ ดังนี้

“เลื่อน” ระหว่าง “เมษา-พฤษภา” หมายถึง “เผาหลอก”

ถ้า “ไม่ล้มเลิก” ความคิดจะให้มีกาสิโน ไปบรรจุวาระเข้าสมัยประชุมอีกในเดือนกรกฏา-สิงหา.

หมายถึง “รัฐบาลพ่อ-ลูก” โอกาสถูก “เผาจริง” มีสูงมาก! อยากให้สังเกต ไม่มีครั้งไหน ที่่มหาประชาชนทุกหมู่เหล่า โดยเฉพาะทางศาสนจักร ทั้ง พุทธ คริสต์ อิสลาม รวมทั้งราชบัณฑิตยสถาน

จะแสดงออกในทางคัดค้านทางการบ้าน-การเมือง ชัดเจน จริงจัง พร้อมเพรียงในทิศทางเดียวกันเท่าครั้งนี้

ไม่มีเรื่องไหน-ครั้งไหน ที่่บุคคลคุณภาพของประเทศ จากสถาบันศึกษาต่างๆ ทั้งด้านกฎหมาย ด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านสังคม ไม่เว้นกระทั่งวุฒิสมาชิกจำนวนมาก

พร้อมใจแสดงตนต่อประชาสังคม ประกาศเจตนา โดยเฉพาะแพทย์ที่สังคมยกเป็น “พระเจ้าองค์ที่สอง”
ต่างออกมาประกาศชื่อ-ประกาศนาม เป็นร้อย-เป็นพันท่าน “ต่อต้าน-คัดค้านนโยบายกาสิโน” ของรัฐบาล “อุ๊งอิ๊งทำ-พ่อสั่ง”

นี่เป็นปรากฏการณ์อันไม่เคยมีนโยบายรัฐบาลไหนที่จะถูกมหาประชาสังคมชาติทุกหมู่เหล่า “ต่อต้าน-คัดค้าน” ด้วยเห็นตรงกัน

ว่าการให้ไทยมีบ่อนกาสิโน คือการ “บ่อนทำลายสังคมชาติ” ที่ต้องยับยั้ง โดยไม่หวั่นเกรงอำนาจใดๆ จากใครทั้งสิ้น!

๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ แผ่นดินไหว สัญญานวิปริต-วิปลาศ พังพินาศ ล้มตาย จากพม่าถึงไทย

๙ เมษายน ๒๕๖๘ “แผ่นดินไหว” ครั้งที่ ๒ ในเมืองไทย จุดศูนย์กลางอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ตรงเก้าอี้นายกฯ แพทองธาร ผู้ประกาศ “เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็ก” ไม่ใช่กาสิโน!

ก็พูด “ตามพ่อสอน” ยังไงกูก็จะเอาให้ได้ ว่างั้นเถอะ

ผมฝากข้อสังเกตถึง “สัญญานอันตราย”ที่ กำลังจะเกิดกับรัฐบาลแพทองธาร จากจุดสำคัญ ๒-๓ จุด

จุดแรก ๘ เมษา.ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติตั้ง “กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร” ในจำนวน ๓๕ กมธ.นอกจากวุฒิสมาชิกแล้ว มีบุคคลภายนอก ๑๒ ท่าน ได้รับเชิญมาเป็นกมธ.ด้วย ดังนี้

นายจรัญ ภักดีธนากุล, นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง, นายแก้วสรร อติโพธิ, นายคำนูณ สิทธิสมาน, นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์
พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ, นายภูมิรักษ์ ธีรัชกิจไพศาล, นายวุฒิสาร ตันไชย, นายสมคิด เลิศไพทูรย์, พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม และนายแสนศักดิ์ ศิริพานิช โดยมีกรอบเวลาศึกษา ๑๘๐ วัน คือ ๖ เดือน

ก็ตกราวๆ ตุลา-พฤศจิกา ถ้ารอดจากเผาจริง-เผาหลอกมาได้ ตุลา-พฤศจิกา ถ้ารอด “เผายกครอก” ไปได้อีกละก็
ยกประเทศให้เลย….

อยากตั้งบ่อนกาสิโนตรงไหน หรือจะขายแผ่นดินตรงไหนให้ไทยเทา ต่างชาติเทา แม่คุณ-พ่อคุณ เลือกทำ-เลือกขายตามใจชอบได้เลย

เพราะถึงตอนนั้น แสดงว่า พวกคุณมีอำนาจ “เหนือประเทศ”เบ็ดเสร็จแล้ว!

และในที่ประชุมสภาผู้แทนเมื่อวาน (๙ เมย.) สส.หนุ่มรุ่นใหม่แกะกล่องในตำแหน่ง “เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย” ลุกขึ้นอภิปราย

ด้วยคำพูดวรรคเดียว เขย่ารัฐบาล สะท้านเก้าอี้นายกฯ เลือกตั้ง ที่ไม่เห็นหัว-เห็นตัว ในที่ประชุม ทำเอาตื่่นตระหนกกันทั้งในสภาและนอกสภา อาฟเตอร์ช็อกไม่หยุดจนถึงนาทีนี้

“ผมขอประกาศในสภาทรงเกียรติแห่งนี้ ว่าผม “นายไชยชนก ชิดชอบ” ลูกชายคนโตของ “นายเนวินและนางกรุณา ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย

จะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน

และไม่ใช่แค่ พ.ร.บ. ฉบับนี้ แต่ทุก พ.ร.บ. หลังจากนี้ แม้กระทั่ง พ.ร.บ.ของพรรคภูมิใจไทย ที่เราคิดขึ้นมา และนำเสนอเพื่อประโยชน์ของประเทศไทย “บ้านเกิดเมืองนอน” ผมก็จะไม่พิจารณา”

จุดที่ ๓ สัญญานอันตรายที่คณะรัฐบาลเพื่อไทยพึงสังวรณ์ คือ

หนังสือเปิดผนึกที่ “อาจารย์จรัญ ภักดีธนากุล” อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และอดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๕๐
ร่วมกับอดีต ส.ส.ร.ทำหนังสือเปิดผนึกถึงประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภา เมื่อ ๖ เมย.

ผมเคยนำมาเผยแพร่ไปแล้ว ขอนำมาย้ำอีกครั้ง ซึ่งใจความสำคัญมีดังนี้

“ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐” ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้
ไม่สมควร บรรจุเข้าเป็นวาระเพื่อการพิจารณา ด้วยเหตุผลดังนี้

๑.ร่างกฎหมายนี้ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะเร่งรีบพิจารณา เพราะไม่ปรากฏในนโยบายการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลที่หาเสียงไว้กับประชาชนในการเลือกตั้งทั่วไป
แต่เป็นเรื่องที่นายทักษิณ ชินวัตรเป็นผู้แสดงวิสัยทัศน์ไว้ที่เนชั่นทีวี และรัฐบาลไปรับมาบรรจุในนโยบายของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร

๒.การกระทำทั้งหมดที่เกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้เป็นการกระทำที่มาจากนโยบายที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๖๕
พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ของชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ และประกาศพระบรมราชโองการ เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) ลงวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๑

ในส่วนสำคัญคือ วิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ที่ระบุว่า“ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง”

ซึ่งการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ดังกล่าว

ซึ่งตราบใดที่ยังไม่มีการทบทวนแผนยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ใน ๑ รอบทุก ๕ ปีเสียก่อน การกระทำใดของคณะรัฐมนตรี รัฐสภา และหน่วยงานของรัฐทุกหน่วย ย่อมต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ที่ได้ประกาศไว้แล้ว
ดังนั้น การกำหนดนโยบายของรัฐบาลก็ดี การเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อรัฐสภาก็ดี และการหยิบยกร่างกฎหมายนี้ขึ้นพิจารณาในรัฐสภาก็ดี

ล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๖๕ และมาตรา ๗๕
และพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ของชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ และมาตรา ๑๑ ตามที่อ้างถึง (๑)-(๓)

ซึ่งจะส่งผลให้บรรดาผู้กระทำ ต้องตกเป็นผู้กระทำการใช้อำนาจอธิปไตยอันไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
และอาจต้องรับผลจากการกระทำของตนด้วยบทบัญญัติอันเกี่ยวกับมาตรฐานทางจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญ

๓.ร่างกฎหมายนี้ส่งผลกระทบต่อความคงอยู่และการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของรัฐอย่างมากมาย
เพราะมีการนำที่ดินของรัฐที่หน่วยงานของรัฐครอบครองใช้ประโยชน์ไปให้เอกชนจัดทำสถานบันเทิงครบวงจรโดยไม่ปรากฏการตอบแทนที่คุ้มค่า

เท่ากับเป็นการแปลงและนำทรัพย์สินของรัฐไปแปลงให้กับเอกชนใช้ประโยชน์โดยไม่ชอบด้วยหลักการของกฎหมายเกี่ยวกับการใช้สอยทรัพย์สินของรัฐ โดยขัดหรือแย้งกับหน้าที่ของรัฐในการดูแล

๔.การเสนอร่างกฎหมายนี้ ไม่สามารถแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจของชาติและปัญหาปากท้องของประชาชนได้ แต่กลับเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนมาเฟียการพนันต่างชาติเพียงบางกลุ่ม

โดยที่ประเทศไทยจะได้รับความสูญเสียและมีความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ อาจมีอาชญากรรม และกระทบต่อสังคมทุกระดับอย่างมากมายเป็นเวลายาวนาน

ร่างกฎหมายนี้จึงเป็นเรื่องที่เอื้อต่อผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มทุนมาเฟียการพนันบางกลุ่มให้ได้รับประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

จึงเป็นร่างกฎหมายที่ไม่ชอบด้วยแนวนโยบายแห่งรัฐ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๗๕ วรรคหนึ่งและวรรคท้าย

๕.ร่างกฎหมายนี้ เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงอบายมุขที่จะเกิดขึ้นในสถานบันเทิงครบวงจรและการพนันออนไลน์

ที่จะมีการพยายามทำให้ถูกกฎหมายแอบแฝงอยู่กับบ่อนกาสิโนให้มีการเล่นที่แพร่หลายจนไม่อาจควบคุมได้
ทั้งอาจทำให้เยาวชนของชาติเข้าไปมัวเมาในการพนันหลากหลายรูปแบบ จนทำให้เสียผู้เสียคนอันอาจส่งผลให้ต้องก่ออาชญากรรมและการค้ามนุษย์เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย

อันจะทำให้เยาวชนเหล่านั้นกลายเป็นพลเมืองที่ด้อยคุณภาพของประเทศชาติ นำไปสู่ความวิบัติของบ้านเมืองในอนาคตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

๖.ร่างกฎหมายนี้ ไม่มีมาตรการใดๆ ในการคุ้มครองป้องกันมิให้ประชาชนในชาติมีภูมิคุ้มกันต่ออบายมุขในรูปแบบต่างๆ ของสถานประกอบการธุรกิจบันเทิงครบวงจรได้ อันจะนำพาประเทศไปสู่ความวิบัติได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม

ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ จึงถือว่า
เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลที่ดี ตามหลักการของรัฐธรรมนูญทุกฉบับที่เคยมีมาในราชอาณาจักรไทย

เป็นการดำเนินการตามนโยบายที่ขัดแย้งต่อพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ของชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
เป็นการกระทำที่ขาดจริยธรรม ไร้ศีลธรรมและคุณธรรมที่นักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยพึงมีและต้องรับผิดชอบต่อประชาชน

บิดเบือนการใช้อำนาจอธิปไตยที่ได้รับมาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยมุ่งหวังเพียงเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง

โดยไม่ฟังการเรียกร้องและการปฏิเสธของสังคม ที่ปฏิเสธการตรากฎหมายฉบับนี้

อันเป็นการกระทำที่ขัดแย้งกับคำถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๖๑

และข้ออ้างของตนที่ให้ไว้กับประชาชนตามที่อ้างตัวเองว่าเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ๒๕๕๐ จึงขอเรียกร้องต่อ สมาชิกรัฐสภา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยทางนิติบัญญัติของปวงชนชาวไทย

ควรพิจารณาทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภาให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม และตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

ด้วยการมีมติ “ไม่รับหลักการ” ของร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …
เพื่อประโยชน์โดยรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม

อันจะนำไปสู่สันติสุขของสังคมประเทศอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
————————————–

ก็ฝากไว้เผื่อคณะรัฐบาลเพื่อไทย “ผีคุ้ม” อยู่รอดไปจนถึงสภาเปิดสมัยประชุมเดือนกรกฏา.ที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งจะดันพรบ.กาสิโนอีกครั้ง

ถ้าต้องการเป็น “รัฐบาลพลัดถิ่น” เข้าไปตั้งอยู่ในคุกละก็

เชิญโหวต “เห็นชอบ” ตามสบายได้คุกทุกพรรคร่วม ครับพ๊ม!

เปลว สีเงิน
๑๐ เมษายน ๒๕๖๘

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
ปกส. จัดสัมมนาผู้บริหาร
บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการสัมมนาผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม รุ่นที่ 2/2566” โดยมี นันทินี ทรัพย์ศิริ ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ...
Read More
0 replies on “ผู้ “เปลี่ยนรัฐบาล” มาแล้ว #เปลวสีเงิน”