คาร์เทียร์เผยคอลเลกชันความมหัศจรรย์แห่งเรือนเวลา ในงาน Watches & Wonders 2025

คาร์เทียร์เผยโฉมคอลเลกชันสุดพิเศษภายในงาน Watches and Wonders 2025 ผ่านเรื่องราวความมหัศจรรย์แห่งกาลเวลา โดยผสมผสานความคิดสร้างสรรค์และทักษะความชำนาญของช่างฝีมือแห่งเมซงผู้สามารถเปลี่ยนวัสดุล้ำค่าให้กลายเป็นเรือนเวลาสุดพิเศษได้ดั่งเวทมนตร์

“ความมหัศจรรย์ คือหัวใจสำคัญของวิสัยทัศน์ในการรังสรรค์เรือนเวลาของคาร์เทียร์ ช่างฝีมือจากเมซงมีความสามารถเฉพาะตัวในการเปลี่ยนอัญมณีและโลหะให้เป็นชิ้นงานล้ำค่า ทำให้สามารถสร้างสรรค์เรือนเวลาได้อย่างโดดเด่นเหนือระดับ ในฐานะนักประดิษฐ์เรือนเวลาแห่งรูปทรง คาร์เทียร์นำมรดกผลงานชิ้นเอกอันทรงคุณค่ามาตีความด้วยสไตล์แบบใหม่ พร้อมยกระดับความคิดสร้างสรรค์และความประณีตมากยิ่งขึ้นกว่าที่เคย” หลุยส์ แฟร์ลา (Louis Ferla) กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคาร์เทียร์

ศิลปะแห่งการแปลงโฉม คือแก่นแท้ของการสร้างสรรค์ประดิษฐกรรมเรือนเวลาของเมซง

คาร์เทียร์ท้าทายกาลเวลาและรูปลักษณ์ประหนึ่งนักมายากล โดยอาศัยฝีมืออันเชี่ยวชาญของช่างประจำเมซงผู้สามารถเปลี่ยนโลหะและอัญมณีให้กลายเป็นงานฝีมือเลอค่าน่าปรารถนาราวกับนักเล่นแร่แปรธาตุ ความสามารถในการรังสรรค์นี้ยังปรากฏชัดในการตีความรูปทรงของประดิษฐกรรมขึ้นใหม่อย่างมีชั้นเชิงเสมอมา ดังนั้นการแปรเปลี่ยนวัสดุและรูปทรงให้เป็นเรือนเวลาสุดพิเศษจึงทำให้ Cartier Magician สามารถเนรมิตความงดงามสะท้อนอารมณ์พร้อมเผยให้เห็นเสน่ห์อันลึกล้ำของโลกใบนี้

ยกระดับมุมมองการแปลงโฉม งานประติมากรรม และการเล่นแร่แปรธาตุ

“ด้วยการปรับเปลี่ยนและการยกระดับอันเหนือชั้นของคาร์เทียร์ เวลาได้กลายเป็นเครื่องสะท้อนการเปลี่ยนแปลงเหนือจินตนาการในหลากหลายมิติ ทั้งฝีมือของช่างนาฬิกาและเครื่องประดับจากเมซงที่สามารถเสกสรรวัสดุให้ราวกับมีชีวิต อย่างการเผชิญหน้าสุดมหัศจรรย์ระหว่างเสือแพนเตอร์ที่พุ่งทยานและหน้าปัดเรือนเวลาอันล้ำค่า หรือการแปลงโฉมสุดยอดประดิษฐกรรมเวลาระดับคลาสสิกของเมซงโดยยังคงสานต่อความคิดสร้างสรรค์ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรือนเวลารุ่นปองแตร์ (Panthére) ที่มาพร้อมการประดับอัญมณีสุดหรูหรา และรุ่น แทงก์ อา กิเชต์ (Tank à Guichets) จากปี 1928 ที่มาพร้อมกลไก 9755 MC ซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ ภายในงาน Watches & Wonders 2025 คาร์เทียร์พร้อมเผยโฉมเรือนเวลาชิ้นเอกที่สะท้อนการออกแบบ เทคนิค ความเชี่ยวชาญ และงานฝีมือชั้นสูงดุจรังสรรค์โดยนักเล่นแร่แปรธาตุตัวจริง” อาร์โนด์ การ์เรซ์ (Arnaud Carrez) รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่การตลาดของคาร์เทียร์

TANK LOUIS CARTIER ในขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม

ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมซง เรือนเวลาตระกูลแทงก์ (Tank) ได้รับการพัฒนาและปรับโฉมมาอย่างต่อเนื่อง แทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ (Tank Louis Cartier) ซึ่งเปิดตัวในปี 1922 ถือเป็นทายาทของแทงก์รุ่นแรกที่รู้จักกันในชื่อแทงก์ นอร์มาล (Tank Normale) ซึ่งหลุยส์ คาร์เทียร์ได้ออกแบบขึ้นใหม่เพียงห้าปีหลังจากต้นแบบแรกถือกำเนิดขึ้น ตัวเรือนถูกปรับให้ดูยาวมากยิ่งขึ้น ส่วนขอบแนวตั้งดูเพรียวบางลง และลบมุมให้โค้งละมุน ทำให้ดีไซน์ใหม่ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ากลายเป็นรูปทรงมาตรฐานของแทงก์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในครั้งนี้คาร์เทียร์ได้นำดีไซน์สุดคลาสสิกนี้มารังสรรค์ใหม่ในขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม พร้อมขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลขึ้นลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 1899 MC โดยยังเคารพต่อเส้นสายและสัดส่วนของเรือนเวลาตระกูลแทงก์ไว้อย่างเต็มเปี่ยม แทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ขนาดใหม่นี้มีให้เลือกสรรทั้งวัสดุโรสโกลด์และเยลโลว์โกลด์

TANK À GUICHETS บอกเวลาแบบไม่ซ้ำใคร

ในทุกๆ ปี เหล่าบรรดาคนรักนาฬิกาต่างเฝ้ารอการเปิดตัวคอลเลคชั่นคาร์เทียร์พรีเว่ (Cartier Privé) ที่เลือกเรือนเวลาชิ้นไอคอนิคของเมซงมาหนึ่งรุ่นเพื่อรังสรรค์ผ่านมุมมองแบบใหม่ให้เป็นรุ่นลิมิเต็ด โดยปีนี้คาร์เทียร์นำเสนอแทงก์ อา กิเชต์ (Tank à Guichets) เรือนเวลาที่เปิดตัวในปี 1928

ซึ่งโดดเด่นด้วยการผสานเทคนิคและดีไซน์อย่างชาญฉลาดในการออกแบบหน้าปัดบอกเวลาแบบดิจิทัล ความมหัศจรรย์หลั่งไหลผ่านจิตวิญญาณการสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์ดุจเส้นด้ายนำทางที่มาบรรจบกับความกล้าหาญ เพื่อขับเน้นดีไซน์ของประดิษฐกรรมแห่งกาลเวลาของเมซงให้เด่นชัดยิ่งขึ้น โดยจะสัมผัสได้จากเรือนเวลาแทงก์ อา กิเชต์ รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกลไกคาลิเบอร์ 9755 MC ขึ้นลานด้วยมือที่คาร์เทียร์พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมกลไกจัมปิ้งอาวร์ (Jumping Hour) และแดรกกิ้งมินิท (Dragging Minutes) แต่ยังคงรูปลักษณ์ไอคอนิคของแทงก์ อา กิเชต์ รุ่นปี 1928 ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ช่องบอกเวลาหลักชั่วโมงอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ช่องบอกนาทีอยู่ที่ 6 นาฬิกา และเม็ดมะยมอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ตัวเรือนผิวสัมผัสซาตินตัดกับกรอบแนวขวางแบบขัดเงาทำให้ซิลลูเอทของนาฬิกาชัดเจนมากยิ่งขึ้น หน้าปัดหลักมีให้เลือก 2 แบบ คือหน้าปัดทองคำขัดด้านและแพลทินัมขัดด้าน

“คอลเลกชัน Watches & Wonders ปีนี้สะท้อนให้เห็นความเชี่ยวชาญในการสรรสร้างประดิษฐกรรมเวลาของคาร์เทียร์ และยังสะท้อนให้เห็นความสามารถอันไร้ขีดจำกัดของฐานการผลิตของเมซงและพันธมิตรที่เราไว้วางใจในการสร้างนวัตกรรมกลไกและตีความผลงานคลาสสิกของเมซงขึ้นใหม่ อย่างการนำการออกแบบเครื่องประดับมาใช้กับโลกแห่งเรือนเวลา หรือการใช้ความแม่นยำชั้นสูงอันหาได้ยากกับการประดิษฐ์หน้าปัดนาฬิกาขนาดเล็กที่เมซง เดส์ เมติเยร์ ดาร์ท (Maison des Métiers d’Art)” การิม ดริซี (Karim Drici) ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตของคาร์เทียร์

TRESSAGE ประติมากรรมแห่งเรือนเวลา

ประหนึ่งนักมายากลแห่งกาลเวลา คาร์เทียร์พลิกโฉมวัสดุและรูปร่างเพื่อสรรสร้างความงามเหนือความคาดหมายที่พร้อมสะกดทุกสายตา เรือนเวลาเทรสสาจ (Tressage) ถักทอทองคำ เพชร และอัญมณีด้วยศาสตร์แห่งการรังสรรค์ประจำเมซง ผลลัพธ์ที่ได้คือเรือนเวลาสุดเจิดจรัสที่แปลกใหม่ทว่าซื่อตรงต่อเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์อย่างเต็มเปี่ยม เทรสสาจคือเรือนเวลาสุดวิจิตรที่อัดแน่นไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ โดยเดินตามรอยเรือนเวลาไอคอนิคอย่างเมญง (Maillon) คุซแซง (Coussin) และรีเฟลคชั่น (Reflection) ด้วยการนำองค์ประกอบอย่างตัวเรือนทองคำและรูปทรงอันสะดุดตามาหลอมรวมพร้อมประชันความแตกต่างจนเกิดเป็นชิ้นงานที่สามารถเรียกได้เต็มปากว่าเป็นประติมากรรมแห่งกาลเวลาอย่างแท้จริง

PANTHÈRE JEWELLERY สถาปัตยกรรมแบบผสมผสานในรูปแบบนาฬิกา

ความเป็นเลิศและความชำนาญของสุดยอดช่างฝีมือประจำเมซงได้หล่อหลอมให้เกิดการเล่นแร่แปรธาตุอย่างเหนือชั้น เห็นได้จากการเนรมิตวัสดุให้กลายเป็นชิ้นงานรูปทรงเสือแพนเตอร์ที่เสมือนมีชีวิตจริง ผลงานชิ้นเด่นนี้ถือได้ว่าเป็นทั้งเรือนเวลาและเครื่องประดับในชิ้นเดียวกัน โดยเกิดจากการเชื่อมต่อมุมมองในการออกแบบทั้งเรือนเวลาและเครื่องประดับ พร้อมผสานองค์ประกอบสไตล์ดั้งเดิมของคาร์เทียร์ อย่างเสือแพนเตอร์สามมิติและกำไล “Toi & Moi” จนกลายเป็นดีไซน์สุดพิเศษที่ปลายข้างหนึ่งประดับด้วยสัตว์สัญลักษณ์ของเมซง ส่วนอีกข้างเป็นเรือนเวลาหรูหราเหนือระดับ โครงสร้างอันโดดเด่นดุจงานสถาปัตยกรรมเผยให้เห็นความงดงามแบบประติมากรรมของเสือแพนเตอร์ที่กำลังพุ่งทะยาน พร้อมอวดมัดกล้ามเพรียวงาม ลวดลายบนขนที่แต่งแต้มด้วยแลคเกอร์สีดำ การตกแต่งใบหูและจมูก ตลอดจนอุ้งเท้า ทุกรายละเอียดล้วนรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตให้เสมือนจริงที่สุด ดวงตาของเสือแพนเตอร์ฝังพลอยซาโวไรต์ ส่วนจมูกฝังออนิกซ์ให้ล้อไปกับหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำ และตัดกับความแวววาวของเพชรบนขอบหน้าปัด ปิดท้ายด้วยการประดับเพชรเม็ดเดี่ยวที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา

เรือนเวลาที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของมรดกอันยาวนานของคาร์เทียร์ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาเสือแพนเตอร์ได้ปรากฏโฉมผ่านการรังสรรค์ผลงานใหม่ๆ บนเส้นทางแห่งความคิดสร้างสรรค์ของเมซงมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เสือแพนเตอร์ได้ถูกพลิกรูปโฉมผ่านการออกแบบใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงพลังอำนาจและการยึดมั่นต่อคุณค่าในฐานะสัตว์สัญลักษณ์ประจำเมซง

PANTHÈRE DE CARTIER เรือนเวลาไอคอนิคประดับอัญมณี

เรือนเวลาปองแตร์ที่เปรียบดั่งอัญมณีล้ำค่ากลับมาโลดแล่นในมิติใหม่ผ่านจินตนาการสุดสร้างสรรค์หลากหลายแง่มุมของเสือแพนเตอร์ได้จุดประกายให้คาร์เทียร์รังสรรค์ลวดลายแอ็บสแตร็กต์ที่ผสานเส้นสายลายพาดกลอนของเสือโคร่งเข้ากับลวดลายอันโดดเด่นของม้าลาย จนเกิดเป็นองค์ประกอบกราฟิกอันงามสง่า อย่างการแต่งแต้มแลคเกอร์สีดำและสีน้ำตาลทองสลับกับการฝังเพชรและพลอยสเปสซาร์ไทต์สีส้มและสีเหลืองอันระยิบระยับ การรังสรรค์เรือนเวลาอันซับซ้อนนี้ต้องอาศัยความประณีตชั้นสูง โดยเฉพาะกระบวนการลงแลคเกอร์ด้วยมือก่อนนำไปเผาด้วยอุณหภูมิสูงภายในสถานที่เฉพาะของเมซง เดส์ เมติเยร์ ดาร์ท และการประดับเพชรบริลเลียนท์คัทกว่า 145 เม็ดแบบสโนว์เซ็ตติ้งบนหน้าปัด

Written By
More from pp
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือ กรุงเทพมหานคร และ ออร์กานอน เปิดโครงการ “รักตัวอย่ากลัวฝัง” ป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในสังคมไทย
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ บริษัท ออร์กานอน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวโครงการ “รักตัวอย่ากลัวฝัง” ร่วมป้องกันและแก้ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในสังคมไทย...
Read More
0 replies on “คาร์เทียร์เผยคอลเลกชันความมหัศจรรย์แห่งเรือนเวลา ในงาน Watches & Wonders 2025”