วันแรก…ว่าแล้วเชียว #ผักกาดหอม

ผักกาดหอม

เป็นไงครับ ซักฟอกนายกฯ วันแรก…

อินเนอร์มาเต็ม

กี้กี้ๆๆๆ

ว่าไปวานนี้ (๒๔ มีนาคม) ช่วงเช้าๆ สายๆ คึกคักดี ลุ้น “ลุงป้อม” อภิปรายจนจบ ใช้เวลาไปประมาณ ๑๐ นาที ก็ปรบมือให้ครับ ยืนระยะได้มากกว่าที่คิด แม้จะฟังไปแล้วเป็นการชงกระทู้ถามมากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ปีนี้อายุ ๗๙ แล้ว ใจบันดาลแรงได้แค่นั้นก็โอเคแล้วครับ

แต่อย่าเอาไปเปรียบกับนายหัวชวน ปีนี้ท่านอายุ ๘๖ แล้ว เรื่องการอภิปรายในสภายังกระฉับกระเฉงอยู่ เป็นห่วงแค่การโหวต ไม่รู้จะออกมาหน้าไหน

ลาประชุม

ไว้วางใจนายกฯ แพทองธาร

หรือ ไม่ไว้วางใจ

หนักใจแทน!

มันก็เป็นไปตามสถานการณ์การเมืองยุคพลิกขั้วสลับข้างจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม กองเชียร์กองแช่งเห็นแล้วต้องกุมขมับ

ชมก็ไม่ถูก ด่าก็ไม่เต็มปาก

มี สส.เพื่อไทยเอาไปเสียดสีพรรคส้ม ไหนเคยบอก มีลุงไม่มีเรา แต่วันนี้ทำงานร่วมกับลุง ลืมไปว่าฝั่งรัฐบาลก็ครือกัน

เอาพรรคลุงไปเป็นนั่งร้าน

ครับ…บรรยากาศการอภิปรายในภาพรวมถือว่าเรียบร้อยพอสมควร มีดุเดือดบ้างเป็นบางช่วงเวลา ที่พาดพิงไปถึง “คนนอก”

ส่วนเนื้อหาการอภิปรายตั้งแต่เช้ายันค่ำ ว่ากันตรงๆ ยังเอา “แพทองโพย” ไม่ลง ส่วนช่วงดึกจนถึงตี ๕ ครึ่ง ว่ากันอีกทีหากมีทีเด็ด

มีแถมซักฟอก “ลุงตู่” เป็นระยะๆ ก็เข้าใจได้เพราะพรรคส้มมักไม่ได้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านรัฐบาลนัก แต่เป็นฝ่ายค้านระบอบเสียมากกว่า

สำหรับไฮไลต์การอภิปรายน่าจะอยู่ที่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่คัดเอาข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรามาว่ากันเต็มๆ

ก็อย่าไปคิดว่าตัดแปะ หรือเอาข่าวสื่อมาอ่าน เพราะมันจำเป็นต้องพูด ให้เห็นพฤติกรรม

ว่ากันตามตรง ประเด็นนี้ ไม่ระคายผิว นายกฯ หญิงตระกูลชินวัตร ในแง่กฎหมาย

แต่หากว่ากันด้วยเรื่องพฤติกรรมของคนตระกูลนี้ มันต้องพูด

ไม่พูดไม่ได้!

เรื่องนายกฯ หนีภาษี ถ้าเป็นจริงร้ายแรงนะครับ เรื่องนี้ถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างแน่นอน

แต่ข้อเท็จจริงจะไปถึงขั้นนั้นหรือไม่

คำอภิปรายของ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สรุปความได้ดังนี้ครับ

แกะรอยได้จากบัญชีทรัพย์สินของนายกฯ แพทองโพย ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่า เป็นหนี้สินรวม ๔,๔๓๔.๕ ล้านบาท

เป็นลูกหนี้ของบุคคล ๙ ราย

ไม่ใช่หนี้ที่อยู่ในรูปแบบของสัญญาเงินกู้ แต่เป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือตั๋ว PN

เป็นหนี้สินที่นายกฯ ซื้อหุ้นจากพี่สาว พี่ชาย ลุง ป้า สะใภ้ และแม่ แบบซื้อเชื่อแล้วออกตั๋ว PN แทนการจ่ายเงิน

ตั๋ว PN ทั้ง ๙ ใบ เป็นตั๋วสัญญาใช้เงินที่มีเงื่อนไขสุดว้าวมาก คือจะชำระเงินค่าซื้อหุ้นเมื่อทวงถาม

หมายความว่าหนี้สินทั้ง ๙ รายการ เป็นหนี้สินที่ไม่มีกำหนดว่า ต้องจ่ายค่าซื้อหุ้นเมื่อไหร่

ถ้าชาตินี้ไม่มีใครทวง นายกฯ ก็ไม่ต้องจ่าย!

“วิโรจน์” สงสัยว่า มีการใช้ตั๋ว PN เป็นเครื่องมือในการทำนิติกรรมอำพราง ทำธุรกรรมการซื้อปลอม ตบตาการได้หุ้นจากการให้

เป็นการซื้อหุ้น เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ ที่ต้องจ่ายให้แก่แผ่นดิน

เป็นพฤติกรรมที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เอาเปรียบสังคม เม้มผลประโยชน์ของชาติ บ่อนทำลายการพัฒนาประเทศ หรือไม่

เพราะหากเสียภาษี ต้องถอนขนหน้าแข้งจ่าย ๒๑๘.๗ ล้านบาท!

รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่ นายกฯ แพทองโพย ลุกขึ้นตอบประเด็นนี้อย่างฉะฉานและมั่นใจ

“…เรื่องหุ้นของดิชั้น เกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๕๙ ก่อนเข้าสู่การเมืองหลายปี ดิชั้นมีความตั้งใจปรับโครงสร้างของการถือหุ้นบริษัท คือการซื้อขายผ่านตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ PN เป็นหนังสือให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งให้กับอีกบุคคลหนึ่งตามระยะเวลาที่กำหนดไว้

หนังสือดังกล่าวดิชั้นติดอากรแสตมป์ตามกฎหมาย

การซื้อขายแบบนี้บางรายการไม่มีการเสียภาษีเนื่องจากยังไม่มีการชำระเงิน จึงยังไม่ทราบจำนวน และยังเสียภาษีไม่ได้ ดังนั้นการซื้อขายลักษณะนี้ จึงเป็นภาระหนี้สินระหว่างดิชั้นเป็นผู้ซื้อ และครอบครัวที่เป็นผู้ขาย ไม่ได้มีพฤติกรรมอำพรางใดๆ

หากจะเกิดการซื้อขาย ยอดหนี้ก็จะแสดงชัดเจนในบัญชีอยู่แล้ว ดิชั้นก็ได้ยื่น ป.ป.ช.ไปหมดแล้ว ตรวจสอบได้ทุกอย่าง

หนังสือตั๋วสัญญา PN รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องปกติ ที่สมาชิกอ้างว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นแหล่งทุจริต ข้าราชการผู้ใหญ่จะออกตั๋วสัญญาใช้เงิน ขบวนการค้ายาเสพติดจะออกตั๋วให้กัน อาจจะเป็นเรื่องที่จินตนาการเยอะ การออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จะดำเนินการกับธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ดำเนินการได้โดยเปิดเผย ฝ่ายผู้ซื้อกับผู้ขายรับภาระหนี้สินร่วมกัน ไม่มีการกระทำนอกกฎหมายใดๆ

ขณะที่การเลือกใช้วิธีออกตั๋วสัญญาแทนการรับให้ เป็นการดำเนินธุรกิจแบบเปิดเผย ไม่สามารถแอบทำได้ ต้องถูกกฎหมาย ในเรื่องการปรับโครงสร้างหุ้นที่จำเป็นต้องใช้การซื้อขาย แต่ในเวลานั้นดิชั้นยังไม่พร้อมชำระค่าหุ้นด้วยเงินสด จึงทำตั๋วสัญญาใช้หนี้แทน

มีการพูดคุยตกลงกันในครอบครัวเพื่อวางแผนชำระหนี้ โดยรอบแรกจะเกิดภายในปีหน้า เมื่อชำระแล้ว หลักฐานจะปรากฏในบัญชีทรัพย์สินของ ป.ป.ช.แน่นอน ตรวจสอบได้ พอมีการซื้อขาย มีการต้องจ่ายภาษี ยังไงก็หลบการจ่ายภาษีไม่ได้อยู่แล้ว…”

ตอบได้ละเอียดกว่าที่คิด

ช่วยกันจำไว้นะครับ บุคคลในครอบครัวชินวัตรตกลงกันแล้ว ปีหน้า “อุ๊งอิ๊ง” จะจ่ายหนี้ให้ พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้า สะใภ้ และแม่

จากนั้นต้องจ่ายภาษี

จ่ายหนี้หมดครบทั้ง ๔,๔๓๔.๕ ล้านบาท ต้องจ่ายภาษีเข้ารัฐทั้งสิ้น ๒๑๘.๗ ล้านบาท

หากถึงเวลาไม่หือไม่อือ พี่สาว พี่ชาย ลุง ป้าสะใภ้ และแม่ แทงเป็นหนี้สูญ แสดงว่ามีเจตนา ใช้ช่องว่างของกฎหมายหนีภาษี

เข้าทำนอง ก็เงินกู กงสีกู ใครจะทำไม

ครับ…สรุป ซักฟอกวันแรก ยังไม่เห็นเค้าดีลแลกประเทศ

เห็นแต่ กี้กี้ จนต้องร้องยี้ ยังไม่สมราคาคุย

Line Open Chat *เพิ่มช่องทางการรับข่าวสาร จากเว็บไซต์ *อ่านคอลัมน์ เปลว สีเงิน ก่อนใคร *ส่งตรงถึงมือทุกคืน *เปิดกว้างเพื่อแฟนคอลัมน์พูดคุยแบบกันเอง ทุกเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง สังคม ฯลฯ
Written By
More from pp
โฆษกมหาดไทย เผยความคืบหน้า พ.ร.ก.เว้นความผิดอาญาผู้นำส่งปืนเถื่อนให้ทางการ มท.1 ลงนามแล้ว พร้อม ส่ง ครม. ไฟเขียว
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการตามข้อสั่งการที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังได้ให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดมาตรการให้ผู้ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมายนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนมาส่งมอบให้แก่ทางราชการ พร้อมกำหนดยกเว้นความรับผิดทางอาญาให้แก่บุคคลนั้นด้วย...
Read More
0 replies on “วันแรก…ว่าแล้วเชียว #ผักกาดหอม”