โรคเบาหวาน (Diabetes) ที่เราคุ้นเคยกันจะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นโรคที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ (60-110 mg/dL) แบบเรื้อรัง โดยปกติอินซูลิน (Insulin) จะเป็นตัวนำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดปกติ แต่ถ้ามีความผิดปกติของตับอ่อน ทำให้ผลิตอินซูลินได้น้อยลง หรือมีภาวะดื้ออินซูลิน ก็จะทำให้น้ำตาลในเลือดสูงหรือเป็นโรคเบาหวานนั่นเอง
พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ American Board of Anti-Aging Medicine จาก Addlife Anti-Aging Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) ได้อธิบายเพิ่มเติมเรื่องนี้ว่า เมื่อพูดถึงโรคเบาหวาน คนส่วนใหญ่จะนึกถึงเรื่องน้ำตาลสูง แต่โรคเบาหวานไม่ใช่แค่น้ำตาลสูงที่เป็นอันตราย ยังมีอันตรายที่แฝงมากับค่าน้ำตาลที่สูงอีกด้วย ซึ่งการเกิดโรคเบาหวานเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่
- พันธุกรรม เช่น พ่อ แม่ ญาติ เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- ความอ้วน มีดรรชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 25 kg/m2 ขึ้นไป หรือรอบเอวเกินมาตรฐาน (ชาย > 90 cm. และหญิง > 80 cm.)
- อายุ 40 ปีขึ้นไป จะมีความเสี่ยงต่อเบาหวานเพิ่มขึ้น
- โรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด
- มีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์
- ความเครียด กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนหลายชนิด และขัดขวางการทำงานของอินซูลิน
- การดื่มสุรา ทำให้ตับอ่อนเสื่อมสภาพ
ซึ่งการมีน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน ทำให้หลอดเลือดเกิดการอักเสบ เม็ดเลือดขาวมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคลดลง ส่งผลต่ออวัยวะอื่นๆในร่างกายด้วย ได้แก่
1. ไตเสื่อม เนื่องจากมีการสูญเสียโปรตีนไข่ขาว (albumin) ออกมากทางปัสสาวะ ทำให้บวมและไตวายได้
2. ตาเสื่อม มีโอกาสเป็นต้อกระจกก่อนวัยอันควร มีเลือดออกบริเวณจอรับภาพในลูกตา ทำให้ตาบอดได้
3. หลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบตัน แผลหายยาก มีอาการอ่อนแรง หลอดเลือดอุดตัน
4. หัวใจวายและหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก
5. ระบบประสาทเสื่อม ชาปลายมือ ปลายเท้า ปลายประสาทอักเสบ
ดังนั้น การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็จะช่วยลดความเสี่ยง และโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้ในอนาคต อีกทั้งยังช่วยให้มีสุขภาพที่ดี ไม่แก่ก่อนวัย เพราะน้ำตาลนับเป็นตัวการที่ทำให้เซลล์เสื่อมค่ะ