18 มีนาคม 2568 เวลา 14.05 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค สส.และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ฯ เป็นประธานในที่ประชุมว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงกรณีที่นายทหารชั้นนายพล ได้นำชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่ง ขึ้นมาร้องเพลงชาติกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ม และมีการบันทึกภาพและเสียงด้วยนั้น
การกระทำดังกล่าวเป็นการล่วงละเมิดอธิปไตยของไทยในดินแดนของไทย ซึ่งวันนี้ครบ 35 วันแล้วที่รัฐบาลยังไม่ดำเนินการ ประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ หรือ ดำเนินคดีหรือ ดำเนินการใดๆ แต่อย่างใด ไม่รูัว่ากลัวอะไรทางกัมพูชา หรือจะเป็น เหมือนที่พรรคประชาชนบอกว่า ดีลลับแลกประเทศชาติ
พล.ต.ท.ปิยะ ยังกล่าวถึง”กรณีที่รัฐบาลจะการแจกเงินดิจิทัล 10,000 (Digital Wallet) เฟส 3 งบประมาณ 27,000 ล้านบาทที่จะแจกให้กับเยาวชนที่มีอายุ 16-20 ปี นั้น มีเสียงจากเยาวชนร้องผ่าน พปชร. ว่า อยากจะกล่าวถึงรัฐบาลกรณีแจกเงินให้กับ เด็กและเยาวชทุกคนโดยไม่ได้แยกว่าอยู่ในระบบการศึกษาหรือไม่ หรือมีผลการเรียนหรือความประพฤติเป็นอย่างไร บางคนถูกไล่ออก พักเรียน ไม่ได้มาเรียนหนังสือแล้วก็มี ทำให้เด็กนักเรียนและเยาวชนที่มีผลการเรียนดีและตั้งใจเรียนเสียกำลังใจและที่สำคัญ เงินดังกล่าว ไม่สามารถใช้จ่ายค่าเทอม-ค่าน้ำ-ค่าไฟ เผื่อช่วยบรรเทาความเดือนร้อน ของบิดามารดาได้ แต่เงินดังกล่าวสามารถไปซื้อสุรา เหล้า บุหรี่ โทรศัพท์มือถือ หรือสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างอื่นได้ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุน ถ้าจะเอาเงินไปแจกให้เด็กไปใช้โดยไม่เกิดประโยชน์ ก็ควรที่จะนำงบประมาณ 27,000,ล้านบาท ส่วนนี้ไปตั้งเป็น พัฒนาการศึกษา อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการเรียนการสอน กองทุนการศึกษา ให้กับนักเรียนที่เขามีผลการเรียนดี แทนที่จะเอาไปแจกให้เด็กเอาเงินไปละลายทิ้ง“
“ยังมีนักเรียนนักศึกษาแพทย์ ไอที และ วิศวกรรมซึ่งเป็นกำลังหลักของประเทศที่ขาดแคลนทุนการศึกษา ต้องดิ้นรนหาทุนการศึกษาด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันรัฐบาลกลับเอาเงินไปแจกเด็กแว๊น เด็กซิ่ง กระจายทั่วโดยไม่เกิดผลใดๆ นี่คือ เสียงสะท้อนจากเยาวชน”