สันต์ สะตอแมน
ไม่ได้จะคุ้ยขุด..
แต่บังเอิญไปเห็นในเฟซบุ๊กของ “คุณอ้วน รีเทิร์น” กะเทยตัวแม่ที่โพสต์เข้า ก็เลยใคร่ขออนุญาตลอกมาให้ผู้อ่านได้รู้
ก็..รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ข้อความคุณอ้วนว่าอย่างนี้.. “ลำไย รวยขนาดไหน ค่าตัว 1.8 แสน ถึง 2 แสนต่องาน เดือนหนึ่งมี 50-60 งาน รายได้ 80-100 ล้านอย่างต่ำ
บ้านแม่ 8 ล้าน บ้านพักริมทะเล 22 ล้าน ที่ดิน 10 กว่าแปลง 30 ล้าน รถ 10 ล้าน ทองคำ 5 ล้าน เงินฝากมากกว่า 50-100 ล้าน มีบริษัทอีก
ถ้าจะบอกว่าลำไย รวยระดับแตะพันล้านไม่น่าจะแปลก เพราะนี่คือรายได้ปีเดียวของลำไย แต่เธออยู่วงการนี้มาจะเกือบ 10 ปีแล้วนะคะ สุดยอด เก่ง”
นี่..เท็จ-จริงประการใดไม่ยืนยัน แต่ระดับคุณอ้วน รีเทิร์น คงไม่นำข้อมูลเท็จมาบอกกล่าวหรอกนะ หรือมีใครจะค้นหาความจริง ก็ช่วยนำมายืนยันได้!
อ้อ..แต่เรื่องนี้เป็นการ “คุ้ย” ก็เรื่อง “พูดคุยสันติสุข-พูดคุยสันติภาพ-เจรจาสันติภาพ” ใน 3 จังหวัดชายแดนนู่น ซึ่งต้องบอกก่อนว่าแต่ละชื่อมีนัยที่ต่างกัน
เพราะเหมือนกับจะไม่ตระหนักรู้ในนัยคำเหล่านี้ จึงทำให้แห่ไหลเรียก “เจรจาสันติภาพ” เป็นปกติกันไปแล้ว ในขณะที่นักการเมืองและในสภาผู้แทนฯ เขาพูดใช้เป็นทางการกันเลย!
ทุกคน-ทุกฝ่ายดูจะยอมรับในการหาทางออกต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดด้วย “การพูดคุย” และเมื่อรัฐบาลนี้จะเดินหน้าต่อ
ก็..อยากให้ลองตรวจสอบกันอย่างที่ผมใช้คำว่า “คุ้ย” (ไม่ใช่คลี่นะ) เพราะจะได้เห็นกันว่ามันมีอะไรที่ซ่อนเร้นไว้บ้างไหม?
ที่เห็นเป็นกังวลเลย ก็ “คณะดาราผู้แสดง” (พูดคุย) เป็นชุดเดิม และได้แสดงท่าทีเชื่อมั่นว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้-ตกลงกันไว้จะสำเร็จลงแน่ภายในปีหน้านี้
การคุ้ยจุดแรก จึงต้องเริ่มตั้งแต่กุมภา.2556 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีผู้กำกับการแสดงคือ นายทักษิณ ชินวัตร
ดาราหลักมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก และ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร!
เค้าโครงเรื่องวันนั้น..หนึ่ง ยอมรับการพูดคุย 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายไทย กับกลุ่มผู้เห็นต่าง (ไม่ใช่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง) นำโดยนายอัสซัน ตอยิบ
สอง..ให้มีมาเลเซียเป็นผู้ไกล่เกลี่ย สาม..ให้มีองค์กรสากลหรือต่างประเทศเข้าร่วมรับรู้
สี่..ยอมรับอำนาจสูงสุดในการปกครองพื้นที่เป็นของประชาชาติมลายูปาตานี จัดเป็นการปกครองแบบพิเศษ และ ห้า..ปล่อยผู้ถูกคุมขังคดีความมั่นคง ยกเลิกหมายจับทั้งหมด!
คุ้ยจุดที่ 2..ต้องย้อนดูจังหวะงานการเมืองในสภาชุด สส.ปี 62 บทบาทของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อสร้างสันติภาพและแก้ไขความขัดแย้งฯ
การเคลื่อนไหว การแสดงความคิดเห็นของ สส.บางคนที่แสดงตัวสนับสนุนฝ่ายเห็นต่างใช้ความรุนแรง การจัดเวทีกิจกรรมของชุดกรรมาธิการฯ และ สส.ในพื้นที่ที่เพิ่มน้ำหนัก
สนับสนุนเป้าหมาย 5 ข้อจากเวทีการพูดคุยครั้งแรก และการพิจารณาออกกฎหมายนิรโทษกรรม พ.ร.บ.การปกครองท้องถิ่น “นครรัฐปัตตานี”..
ซึ่งถ้าจะพูดว่า นี่คือ “สารตั้งต้น” สู่การแยกดินแดน ตั้ง “ดินแดนปาตานีดารุสสลาม” ก็เห็นจะไม่ผิด!
คุ้ยจุดที่ 3..ท่าทีของรัฐบาลแพทองธาร เริ่มที่ชวนทบทวนแนวนโยบายเดิม 20 ปีไม่สงบ-ไม่สำเร็จ รวมถึงการพูดคุย ที่สุดท้าย..
ชื่อ พล.อ.นิพัทธ์ก็โผล่เป็น “หัวหน้าคณะพูดคุยฯ” โดยนายทักษิณเป็นผู้กำกับการแสดง (อีกรอบ) พร้อมประกาศอย่างมั่นใจว่า.. “หนังจบปี 69 แน่นอน ในยุคนายกฯ ลูกสาวผม”!
เช่นนี้ จึงพอจะเห็นบทสรุปว่า แนวทางการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้รอบนี้ เป้าหมายคือ.. “อยากให้ปัญหาจบ ก็ยกดินแดนให้เขาไป”!
ยิ่งด้วยดูทีท่าของกระบวนการพูดคุยที่คุ้ยกันแล้ว พบที่หมกเม็ดคือเป้าหมายที่อ้างว่าตกลงกันได้แน่นอน คือ.. “การให้เอกราชปกครองตนเอง”!
ทั้งนี้ มีเหตุผลสนับสนุน คือ 1.เป็นเงื่อนไขการพูดคุยตั้งแต่ครั้งแรก และกลุ่มผู้เห็นต่างแสดงจุดยืนนี้มาโดยตลอด
2.เป็นการตัดสินใจร่วมของนายทักษิณกับนายอันวาร์ โดยดึงบทบาทร่วมในองค์กรอาเซียน ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องของกลุ่มเห็นต่าง
กับ 3.ฝ่ายการเมือง-คนการเมืองในพื้นที่ได้ควบคุมชาวบ้านในพื้นที่ไว้เสร็จสรรพแล้ว ด้วยการบิดเบือนศาสนา
ปลุกระดมอุดมการณ์เชื้อชาตินิยม การข่มขู่คุกคาม สร้างความหวาดกลัวให้คนในพื้นที่ไม่กล้าแสดงความเห็น หรือต่อต้าน
เหล่านี้คือความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งอย่าคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่อยากให้คิดและตระหนัก..
“มันกำลังจะเป็น”!.
