เปลว สีเงิน
วัน-สองวันนี้
มีคลิปหนึ่ง ที่ทำให้คนไทย ใจพอง ถึงขั้นน้ำตาแห่งสุขรินไหล เพราะปีติมันเค้นใจจนล้นด้วยปลื้ม
นั่นคือ คลิปที่….
“สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”
ที่เราเรียกพระองค์ท่านกันจากใจรักว่า ”สมเด็จพระเทพฯ”
ระหว่าง ๑๑-๑๒ มีนา.
ได้เสด็จแทนพระองค์ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจาก “มหาวิทยาลัยนเรศวร” ของปีการศึกษา ๒๕๖๖ ที่ “มหาวิทยาลัยนเรศวร” พิษณุโลก
เพจมหาวิทยาลัยนเรศวร รายงานไว้ตอนหนึ่งว่า
ในการเฝ้าส่งเสด็จฯ ………
มีการแสดงของนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อ “ถวายกำลังใจ” แด่องค์ “สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี”
โดยใช้เครื่องดนตรี ๓ ชิ้น ประกอบด้วย ขลุ่ย ซออู้ และคีย์บอร์ด ขับขานบทเพลงแบบเมดเล่ย์
ประกอบด้วยเพลง “รักเอ๋ย” เพื่อสะท้อนถึงความรักที่ชาวมหาวิทยาลัยนเรศวรมีต่อพระองค์
ตามด้วยเพลง “เกลียดห้องเบอร์ห้า” ซึ่งเป็นเพลงที่พระองค์ทรงโปรดปราน เคยขอให้เปิดในรายการวิทยุเป็นประจำ โดยใช้นามแฝงว่า “ป้าช้าง”
และเพลง “ส้มตำ” ซึ่งเป็นบทเพลงที่ทรงพระราชนิพนธ์ ขณะทรงศึกษาอยู่ชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนจิตรดา
ผู้ขับร้องประกอบด้วย…..
นิสิตชมรมวงดนตรีลูกทุ่งมหาวิทยาลัยนเรศวร NU BAND, ชมรมสืบสานล้านนา, ชมรมสืบสานวัฒนธรรมม้ง
และชมรมดนตรีไทย มหาวิทยาลัยนเรศวร
ซึ่งเป็นกลุ่มนิสิตที่มีความสามารถทางด้านศิลปวัฒนธรรม และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม
ประกอบไปด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ อาทิ ม้ง ไทยลื้อ ไทยใหญ่ ไทยญวน ไทยเขิน
ครับ…..
ผมก็หนึ่งในจำนวนคนนับแสน-นับล้าน ที่เปิดดู “ทุกคลิป” ที่มีเผยแพร่ในโซเชียล มีเดีย
ดูแล้ว-ดูอีก ทั้งที่เป็นคลิปในบรรยากาศเดียวกัน
คือช่วง นิสิต คณาจารย์ ยืนล้อมวงตรงลานกว้าง ขับขานเพลง “รักเอ๋ย” ถวายกำลังใจ
“สมเด็จพระเทพฯ” ประทับยืน รับการถวายกำลังใจของนิสิต พระพักตร์อิ่มด้วยรอยแย้มพระสรวญ ยกกล้องบันทึกภาพทุกระยะ
เมื่อการขับขานบทเพลงแบบเมดเลย์จบ ทรงปรบพระหัตถ์ให้นิสิตและคณาจารย์ที่เฝ้าฯ ส่งเสด็จ
ท่วมทำนองขับขานบทเพลง “รักเอ๋ย” ของนิสิตตามที่คลิปเผยแพร่นั้น ฟังแล้วขนลุก ดีใจ ปลาบปลื้ม ขนตาเปียกชื้นทันควัน
รักนิสิต รักคณาจารย์ รัก ม.นเรศวร
ที่ถ่ายทอดจากลึกที่ซุกอยู่ใน ออกมาผ่านบทเพลงกินใจถวาย “สมเด็จพระเทพฯ” พระผู้เป็น “หัวใจ” ของคนไทยทั้งแผ่นดิน
รักเอ๋ย แม้เนิ่นนานไม่เคยจาง
ใจนี้ยังคงเป็นของเธอ ไม่เคยมีวันห่างไกล
รักเอ๋ย เมื่อรักแท้เกิดในใจ
ไม่มีวันที่รักจะจากไป นานเท่าไหร่ยังผูกกัน
(ฉันยังรอ)
รักเอ๋ย แม้เนิ่นนานไม่เคยจาง
ใจนี้ยังคงเป็นของเธอ ไม่เคยมีวันห่างไกล
รักเอ๋ย เมื่อรักแท้เกิดในใจ
ไม่มีวันที่รักจะจากไป นานเท่าไหร่ยังผูกกัน
โอ่ ฮะ โอ ฮะ โอ โอ่ โอ โอ่ โอ ฮะ โอ โอ โอ๋ ฮะ โอ้ ฮะ โอ่ โอ โอ โอ่ โอ
รักเอ๋ย…..
โอ่ ฮะ โอ ฮะ โอ โอ่ โอ โอ่ โอ ฮะ โอ โอ โอ๋ ฮะ โอ้ ฮะ โอ่ โอ โอ โอ่ โอ
ไม่มีวันที่รักจะจากไป นานเท่าไหร่ยังผูกกัน
……………………….
ม.นเรศวรทำได้ใจคน “รักพระเทพฯ” ทั้งแผ่นดิน
แม้น้อย แค่ขับขาน แต่การทำให้ “สมเด็จพระเทพฯ” ทรงมีพระทัยสุข นั่นค่าควรเมือง!
“รักเอ๋ย” แม้เป็นบทเพลง “คนรุ่นใหม่” จากละครพนมนาคา ที่เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์ ร้อง
แต่ผมยอมรับว่า คนแต่งเนื้อร้อง-ทำนอง คือ “คุณอัจฉริยา ดุลยไพบูลย์” กลั่นเรื่องราวรักออกมาให้รู้สึกปานว่า
“ความในทะลัก-ทลาย ด้วยเข็มอาบน้ำผึ้งบ่งใจเค้นหนอง”
ยิ่งนิสิตนเรศวรผสาน “ภาษาใจ” ขับขาน ยิ่งขับเน้นความหมาย “ใจได้ใจ” ชนิดคำบรรยายใดๆ “เป็นส่วนเกิน”
แต่เพลง “เกลียดห้องเบอร์ห้า”
ที่ว่าเป็นเพลงพระองค์ทรงโปรดปราน เพราะเคยขอให้เปิดในรายการวิทยุเป็นประจำ โดยใช้นามแฝงว่า “ป้าช้าง” นั้น
ต้องทึ่งว่า “สมเด็จพระเทพฯ” ทรงโปรดจริงหรือ เพราะเพลงนี้ “ลูกทุ่งขนานแท้”?
อีกอย่าง ใครจะคิด “สมเด็จพระเทพฯ” ทรงติดดิน ถึงขั้น เป็น “มิตรรักนักเพลง” ขนานแท้ ในรายการวิทยุ
ผมจึงค้นหาเพลง “เกลียดห้องเบอร์ห้า” ด้วยอยากรู้ใครร้อง และเนื้อหาในคำร้องมีว่าอย่างไร?
ค้นในกูเกิ้ล พบจากเว็บ MGR Online ปี ๒๕๕๘ อ่านแล้วทั้งตื่นเต้น ทั้งสนุกสนาน
คิดว่าหลายท่านก็คงไม่รู้เหมือนผม จึงขออนุญาต MGR Online ยกมาให้อ่าน ดังนี้
……………………………….
๒ เมษายน ๒๕๕๘
ทางทีมงาน FEEL GOOD ขอยกเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ท่านมานำเสนอให้แก่ผู้อ่านทุกคน
ผ่านบทเพลงๆ หนึ่ง ที่ใครหลายๆ คนอาจเคยได้ยินมาบ้าง ซึ่งพระองค์ท่าน ทรงโปรดบทเพลงนี้เป็นพิเศษ
และเสด็จฯ ยังสถานที่จริง ที่เกิดขึ้นในบทเพลงอีกด้วย เพลงนั้นมีชื่อว่า “เกลียดห้องเบอร์ห้า”
ทำไมพระองค์ถึงทรงโปรดปรานเพลงนี้ ต้องท้าวความไปถึงเมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว
ซึ่งเรื่องราวได้เกิดขึ้นกับ “ร.อ.หญิงสุพรทิพย์ คำทรงศรี” นายทหารหญิง ที่จัดรายการวิทยุ ‘ลูกทุ่งพัฒนา’
ในสถานีวิทยุ วส.๙๑๒ นทพ.นธ.คลื่นความถี่ ๙๙.๑๐ เมกะเฮิรตซ์ อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งจัดรายการนี้มากว่า ๓๐ ปีแล้ว
รูปแบบรายการ จะเน้นบอกข่าวสาร วิถีชีวิต งานบุญ และงานศพต่างๆ รวมถึงการเปิดเพลงลูกทุ่งและลูกกรุงเพื่อคั่นรายการ
แต่มีแฟนเพลงที่เหนียวแน่นอยู่คนหนึ่ง มักจะโทรศัพท์ไปขอให้ดีเจเปิดเพลงลูกทุ่งและลูกกรุงอยู่บ่อยๆ
โดยใช้ชื่อแทนตัวเองว่า ‘ป้าช้าง’
และ “ป้าช้าง” จะโทรศัพท์ไปขอเพลงในรายการนี้ทุกๆ เช้า ดีเจที่รับโทรศัพท์ “ป้าช้าง” นั่นก็คือ “ดีเจสุพรทิพย์”
ร.อ.หญิงสุพรทิพย์เล่าว่า “ป้าช้าง” โทรศัพท์มาที่รายการครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๑๙ และขอเพลง “แสบหัวใจ” ของ “พรชัย สร้อยเพชร”
ดูชื่อเพลงที่ “ป้าช้าง” ขอแล้วก็รู้สึกว่าคุณป้าน่าจะเป็นคนที่อารมณ์ดีและจิตใจแจ่มใส ถึงแม้วันไหนที่ “ป้าช้าง” ไม่ว่าง ก็จะมีคนอื่นโทรศัพท์มาขอเพลงแทนเสมอ
และคนที่โทรศัพท์มาขอเพลงแทนนั้น ก็มักจะบอกทุกครั้งว่า “ป้าช้างเป็นผู้ขอมา”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี ๒๕๓๑-๒๕๓๒ เป็นช่วงปีที่ “ป้าช้าง” โทรศัพท์มาขอเพลงเองบ่อยมาก
จนมาวันหนึ่ง ความจริงก็ถูกเปิดเผยขึ้นว่า “ป้าช้าง” ผู้นี้คือ “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี’
เมื่อ “ป้าช้าง” เจอดีเจผู้โชคดี พระองค์ท่านทรงรับสั่งว่า
“ชอบฟังนะ…วันนี้ก็ฟังนะ แต่วันไหนติดงานก็ไม่ได้ฟัง”
แต่เพลงที่ “ป้าช้าง” ขออยู่บ่อยๆ คือเพลง ‘เกลียดห้องเบอร์ห้า’
เพลงช้ำรักเคล้าอีโรติกดังกล่าว มีที่มาจาก ‘พลตรีชัยฤทธิ์ บัวชุลี’ นามแฝง “แดน กระดิ่งทอง” เป็นผู้แต่ง
ได้รับการเรียบเรียงเสียงประสานจาก “ครูลพ บุรีรัตน์” ในตอนท้าย
โดยเพลงดังกล่าว ได้แรงบันดาลใจมาจากคราวที่พลตรีชัยฤทธิ์ เข้าพักในห้องเบอร์ ๒๐๔ ของโรงแรมไทเป จังหวัดลพบุรี และได้แต่งเพลงนี้ขึ้นมา
พร้อมจัดหานักร้องมาขับร้องเพลงนี้ ซึ่งก็ลงตัวที่นักร้องเสียงมหาเสน่ห์อย่าง ‘สายัณห์ สัญญา’
เนื้อเพลงมีดังนี้….
“พอแฟนแต่งงานฉันเลยอกหัก หนีความช้ำหนักมาพักอยู่ลพบุรี โรงแรมชั้นสองเข้าจองที่ห้องเบอร์สี่ หลับตานอนทอดถอนฤดี นอนที่นี่สองคืนแล้วเรา
พอคืนที่สามสองยามกว่าๆ ที่ห้องเบอร์ห้ามีเสียงพูดจาเบาๆ นอนฟังน้ำเสียง ใกล้เคียงคล้ายเสียงแฟนเก่า แนบหูฟังข้างฝาเบาๆ เหมือนแฟนเราที่เขาฆ่าฉัน
ไม่สัปดนแต่ทนนิ่งอยู่ไม่ไหว ปีนมองลอดช่องลมไป หัวใจฉันนั่นชักสั่น แสงไฟสว่างเห็นเขานั่งหยอกล้อเล่นกัน เขามาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ แฟนฉันนั่นเองแหละหนา
ปีนลงกลับมาคว้าผ้าเสื้อใส่ ฉันทนไม่ได้ ต้องไปให้ไกลลูกตา หนีไปให้พ้น เกลียดคนที่ห้องเบอร์ห้า อยู่ทำไมให้ช้ำอุรา ลาแล้วลาเบอร์ห้าหลอกลวง”
เรื่องที่น่าสนใจต่อจากนั้นก็คือ …….
“สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ทรงโปรดเพลงนี้มาก โดยเมื่อคราวเสด็จฯ ไปยังจังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖
ทรงโปรดฯ ให้ “พลตรีชัยฤทธิ์ บัวชุลี” เข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ และได้ทอดพระเนตรห้องเบอร์ ๒๐๔ ของโรงแรมไทเป สถานที่เกิดเหตุเพลงนี้เป็นการส่วนพระองค์
ทรงถามเรื่องเพลง ‘เกลียดห้องเบอร์ห้า’ ว่ามีที่มา-ที่ไปอย่างไร
อีกทั้งพระองค์ท่านยังทรงเข้าไปประทับที่เตียงในห้องพักนั้นด้วย ซึ่งเป็นห้องข้างๆ ที่เป็นต้นเหตุของเพลง ‘เกลียดห้องเบอร์ห้า’
พระองค์ทรงถามเจ้าของโรงแรมด้วยว่า
“เขาปีนตรงไหนขึ้นไปดู…เขาทำอย่างไร”
พระองค์ท่านเสด็จฯ มาอย่างไม่เป็นทางการ เจ้าของโรงแรมทราบล่วงหน้าเพียงแค่ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น
ซึ่งพระองค์ทรงมีพระประสงค์มาดูให้แจ่มแจ้งถึงสถานที่จริงที่เอาไปเขียนเป็นเพลง
เจ้าของโรงแรมประทับใจมาก ถึงขนาดจัดเป็น “บอร์ดนิทรรศการ” ถาวร จัดแสดงอยู่บนชั้น ๒ ของโรงแรมไทเปจนถึงปัจจุบัน
แม้ว่าห้องดังกล่าวจะปีนดูห้องข้างๆ ไม่ได้แล้วเหมือนในเนื้อเพลง แต่ห้องดังกล่าว ก็ยังเข้าพักได้อยู่ และรอให้ทุกคนไปพิสูจน์ ณ สถานที่แห่งนี้.
…………………………….
ครับ….
พูดได้คำเดียว “สมเด็จพระเทพฯ” หัวใจคนไทยทั้งแผ่นดิน
ขอพระองค์ทรงมีความสุข
เพราะสุขของพระองค์นั้น ขจัดทุกข์คนไทยได้ทั้งแผ่นดิน
เปลว สีเงิน
๑๔ มีนาคม ๒๕๖๘
